นาวาอากาศเอก วิสูธ จันทนา ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ กล่าวถึงปัญหาทัศนวิสัยต่ำเนื่องจากสภาพอากาศในช่วงฤดูแล้งที่กำลังจะมาถึงว่า ทุกปีจะมีปัญหาหมอกควันปกคลุมทำให้เกิดปัญหาต่างๆมากมายหลายด้าน รวมทั้งภาพพจน์ด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ หนึ่งในปัญหาที่สำคัญคือปัญหาสำหรับการมองเห็นหรือทัศนวิสัยต่ำ อันส่งผลกระทบต่อการบินขึ้น ลง ของอากาศยาน ทั้งนี้ โดยก่อนจะเกิดวิกฤติหากเห็นว่าฝุ่นควันเริ่มมีแนวโน้มเกินค่ามาตรฐาน ทางท่าอากาศยานเชียงใหม่ก็จะใช้น้ำดับเพลิงฉีดพ่นไปในอากาศทั้งภายในและรอบๆ บริเวณสนามบิน นอกจากนั้น ยังสนับสนุนน้ำสำหรับอากาศยานของหน่วยงานต่างๆ ที่ขึ้นบินโปรยน้ำเพื่อความชุ่มชื้นในอากาศเพื่อลดฝุ่นควันอย่างเต็มที่
ส่วนการดำเนินการตามมาตรฐานนั้น ท่าอากาศยานเชียงใหม่ได้กำหนดขั้นตอนการปฏิบัติในสภาวะอากาศเลวร้ายและทัศนวิสัยต่ำ โดยร่วมมือกับศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ หอบังคับการบิน เจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่ของบริษัทสายการบิน หรือตัวแทนที่เกี่ยวข้องเมื่อเกิดสภาวะอากาศเลวร้ายและทัศนวิสัยต่ำ ซึ่งผู้ปฏิบัติงานในเขตการบินต้องปฏิบัติตามรายละเอียดที่กำหนด กรณีทัศนวิสัยต่ำ Low –Visibility แบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ ระดับที่ 1 ระดับการแจ้งเตือนก่อนเข้าสู่สภาวะทัศนวิสัยต่ำ (LVC Warning) หมายถึง มีค่า RVR (Runway visual range) ตั้งแต่ 800 เมตร ระดับที่ 2 ระดับปฏิบัติการทัศนวิสัยต่ำ (LVC Phase A) หมายถึง มีค่า RVR ต่ำกว่า 550 เมตร แต่ไม่ต่ำกว่า 100 เมตร และระดับที่ 3 ระดับทัศนวิสัยเลวร้าย (LVC Phase B) หมายถึง มีค่า RVR ต่ำกว่า 100 เมตรหรือระยะสายตามองเห็น 1 หลุมจอด
ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ กล่าวด้วยว่า วิธีปฏิบัติของสายการบินและผู้ปฏิบัติงานขณะเกิดทัศนวิสัยต่ำ Low –Visibility จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนคือ
- สังเกตสัญญาณแจ้งเตือน ได้แก่ ลำโพงสัญญาณเสียงแจ้งเตือน ติดตั้งอยู่ที่หลุมจอดอากาศยานหมายเลข 3 และ 7 และสัญญาณไฟแจ้งเตือน Warning Light ติดตั้งอยู่ที่ช่องทาง 1 (ช่องทางเข้า-ออกลานจอด) และหลุมจอดอากาศยานหมายเลข 3, 5, 7, 12, 17 เพื่อทราบสภาวะทัศนวิสัยต่ำ
- ปฏิบัติตามที่เจ้าหน้าที่เวรควบคุมลานจอดอากาศยานประกาศ
- ระมัดระวังความปลอดภัยแก่อากาศยาน ยานพาหนะ และจัดเก็บอุปกรณ์ให้บริการภาคพื้นและยึดตึงให้เรียบร้อย
- ผู้ขับขี่จะต้องขับขี่ยานพาหนะด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง
- ยานพาหนะเปิดไฟหน้าแสงพุ่งต่ำ
- ขับขี่ด้วยความเร็วไม่เกิน 20 กม./ ชม ในเขต Service Road และ 10 กม./ชม.ในเขตพื้นที่เคลื่อนไหว Movement Area
- หน่วยงานที่ปฏิบัติงานบนทางวิ่ง ทางขับ ให้ออกจากพื้นที่ทันที
- พนักงานผู้ปฏิบัติงานในเขตการบินต้องสวมเสื้อสะท้อนแสง
- ติดแถบสะท้อนแสงที่รถและอุปกรณ์ภาคพื้น
- ปฏิบัติตามมาตรฐานการปฏิบัติงาน (Standard Operation Procedures: SOPs) ในสภาวะทัศนวิสัยต่ำของหน่วยงานตนเอง ซึ่งต้องสอดคล้องกับขั้นตอนการปฏิบัติของท่าอากาศยานเชียงใหม่
"ทัศนวิสัย หมายถึง เกณฑ์การมองเห็นซึ่งมีระยะไกลที่สุดที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา ซึ่งปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบต่อทัศนวิสัย ทำให้ทัศนวิสัยต่ำมีหลายอย่าง เช่น หยาดน้ำฟ้า (Precipitation) หมอกและหมอกน้ำค้าง (Fog and Mist) ฝอยน้ำอันเกิดจากลม จากทะเล (Wind-blown Spay from the sea) น้ำมัน (Oils) ควัน (Smoke) ฝุ่นและทราย (Dust and Sand) เกลือ (Salt) ซึ่งเหล่านี้นับเป็นอันตรายต่อการบินและการปฏิบัติงานในเขตการบินเป็นอย่างมาก" ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่กล่าว
*****************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น