Banana

วันอังคารที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2560

TV Online ; ชมรมกอล์ฟสื่อมวลชนล้านนาจัดแข่งขันกอล์ฟและพบปะสังสรรค์รับปีใหม่

          สมาชิกชมรมกอล์ฟสื่อมวลชนล้านนา ร่วมการแข่งขันกอล์ฟเชื่อมความสามัคคี และพบปะสังสรรค์เนื่องในโอกาสส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ณ แม่โจ้กอล์ฟรีสอร์ท แอนด์สปา จ.เชียงใหม่



Link TV Online
หรือลิงค์ด้านล่าง

*********************

ข่าว ; เปิดกิจกรรมซักซ้อมดับไฟป่า KICK OFF ประจำปี 2560 ที่เชียงใหม่

มทภ.3/ผอ.ปกป.ภาค เปิดกิจกรรมซักซ้อมดับไฟป่า KICK OFF ประจำปี 2560  ที่เชียงใหม่ เพื่อแสดงพลังความเข้มแข็งและความพร้อมของทุกหน่วยงานในการป้องกันการเกิดไฟป่าและหมอกควันในภาคเหนือ

พล.ท.วิจักขฐ์   สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่  /ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันระดับภาค เป็นประธานเปิดกิจกรรมซักซ้อมดับไฟป่า KICK OFF ประจำปี 2560 ที่ สนามกีฬา พล.ร.7  อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ โดยมีนายปวิณ   ชำนิประศาสน์  ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่  พล.ท.ธนา  จารุวัต แม่ทัพน้อยที่ 3 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันระดับภาค ส่วนหน้า (ศอ.ปกป.ภาค (สน.)) และนายภาษเดช  หงส์ลดารมณ์ นายอำเภอแม่ริม พร้อมส่วนราชการในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เข้าร่วมกว่า 30 หน่วย

กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันระดับภาค ได้มอบธงสัญลักษณ์รณรงค์แก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าให้กับนายอำเภอแม่ริม และอุปกรณ์ดับไฟ จำนวน 4 ชุด ให้กับประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอแม่ริม ,กำนันตำบลโป่งแยง ,นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโป่งแยง ,นายกองค์การบริหารส่วนตำบลดอนแก้ว

การจัดกิจกรรมซักซ้อมดับไฟป่า KICK OFF ประจำปี 2560 เป็นการรวมพลังของทุกภาคส่วนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ทั้งภาครัฐ  ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและประชาชนชาวจังหวัดเชียงใหม่  ในการที่จะร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ เป็นการแสดงเจตนามุ่งมั่นที่จะดำเนินการ เพื่อให้ปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ลดระดับความรุนแรงลง รวมทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์รณรงค์ให้ประชาชนโดยทั่วไปได้ตระหนักรู้ถึงโทษภัยของไฟป่าและหมอกควัน ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเกิดจิตสำนึกในความร่วมมือลดปัญหาไฟป่าและหมอกควัน

แม่ทัพภาคที่ 3 /ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันระดับภาค กล่าวว่า พื้นที่ภาคเหนือเป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม ประชาชนอยู่ดีมีความสุข แต่ต้องประสบกับปัญหาไฟป่าและหมอกควันเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะในห้วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน ก่อให้เกิดความเสียหายต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ซึ่งปัญหาดังกล่าวเกิดในห้วงที่สภาพอากาศมีความแห้งแล้งและเกิดจากการกระทำของมนุษย์ ในการเผาเศษวัสดุจากการเกษตรในไร่นา และบางส่วนลุกลามเข้าพื้นที่ป่า รวมทั้งการเผาหญ้าบริเวณข้างทางเส้นคมนาคม นอกจากนี้ยังเกิดจากหมอกควันข้ามแดน ที่เกิดจากการเผาของราษฎรประเทศเพื่อนบ้าน ประมาณร้อยละ 30 ของปริมาณหมอกควันที่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม การเกิดไฟป่าและหมอกควันเหล่านี้เราสามารถควบคุมให้ลดลงได้ ด้วยการรณรงค์สร้างจิตสำนึกและการมีส่วนร่วมของภาครัฐ ภาคเอกชน รวมทั้งประชาชน ในการร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน โดยหยุดพฤติกรรมที่ทำให้เกิดปัญหาไฟป่าและหมอกควันในทุกรูปแบบ ถึงแม้ว่าสถานการณ์การเกิดไฟป่าและหมอกควันปีที่ผ่านมาจะควบคุมได้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ แต่ไม่อาจไว้วางใจได้ในปีนี้ ทุกหน่วยงานจะต้องมีความพร้อมในการป้องกันและออกปฏิบัติการดับไฟได้ทันทีเมื่อมีเหตุการณ์ ทั้งนี้ ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันระดับภาค ส่วนหน้า  มีภารกิจในการวางแผน อำนวยการ ควบคุมและกำกับดูแลการปฏิบัติ ของชุดรณรงค์เพื่อป้องกันการเกิดไฟป่าและหมอกควัน ทั้ง 14 ชุด, ประสานงานกับหน่วยราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่  ในการรณรงค์สร้างจิตสำนึก ให้ความรู้ความเข้าใจแก่ราษฎร ในการเฝ้าระวัง แจ้งเตือนการเกิดไฟป่าและป้องกัน มิให้เกิดไฟป่าขั้นรุนแรงในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2559 ถึง 30 เมษายน 2560 โดยต้องการให้ประชาชนในพื้นที่ตระหนักรู้ถึงผลกระทบอันเกิดจากไฟป่าและหมอกควัน และมีความมุ่งมั่นในการร่วมกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ อันจะเป็นการสนองพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ  พระบรมราชินีนาถ  ที่ทรงห่วงใยพสกนิกรในพื้นที่ภาคเหนือที่ต้องเดือดร้อนจากปัญหาไฟป่าและหมอกควัน  และรับสั่งให้ร่วมกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ให้คลี่คลายลงด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจ

********************

วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2560

ข่าว ; ราชภัฏเชียงใหม่จัดตรุษจีนเชื่อมสัมพันธ์นักศึกษาแลกเปลี่ยน

นักศึกษาแลกเปลี่ยนจากสาธารณรัฐประชาชนจีนในสถาบันอุดมศึกษาจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมงานเทศกาลตรุษจีนแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เชื่อมสัมพันธภาพ ณ สำนักงานวิเทศสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่อย่างคึกคัก

เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2560 สำนักงานวิเทศสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ โดย อาจารย์ ดร.ปวีณา โฆสิโต ผู้อำนวยการสำนักงานวิเทศสัมพันธ์ จัดงานเทศกาลตรุษจีนแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เพื่อเฉลิมฉลองให้กับนักศึกษาโครงการแลกเปลี่ยนจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ ห้องประชุมเอื้องคำ ชั้น 3 อาคารราชภัฏเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ โดยมี ผศ.ดร.ปทมรัศมิ์ นาคนิษฐนนต์ ผู้ช่วยอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ กล่าวต้อนรับและเปิดงาน ทั้งนี้ได้รับเกียรติจาก กงสุล กัว หยวี่ลู่ จากสถานกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำจังเชียงใหม่ เข้าร่วมงานและกล่าวคำอวยพร

กิจกรรมภายในงานมีการแสดงจินตลีลาประกอบเพลง การขับร้องเพลงภาษาจีน การบรรเลงเครื่องดนตรีกู่เจิง และการแสดงทางวัฒนธรรมพื้นบ้านจากนักศึกษาสาขาวิชาภาษาจีน คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ นักศึกษาแลกเปลี่ยนประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ประเทศญี่ปุ่น นักศึกษาทุนประเทศกัมพูชา ที่เดินทางมาศึกษาภาษาและวัฒนธรรมไทย ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รวมถึงนักศึกษาแลกเปลี่ยนจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ที่มาร่วมงาน ทั้งนี้การแสดงแต่ละชุดได้รับความสนใจและเสียงปรบมือจากคณะผู้บริหาร อาจารย์ บุคลากร และนักศึกษาเป็นอย่างมาก สร้างสีสัน ความสนุกสนาน และยังเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์อันดีระหว่างนักศึกษาและทุกมหาวิทยาลัยอีกด้วย

**********************
ปชส.มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่-ข่าว/ภาพ

ข่าว ; มหาวิทยาลัยแม่โจ้จัดงานตามรอยพ่อ "กษัตริย์เกษตร" 19-25 กพ.60

นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย ผศ.ดร.จำเนียร ยศราช อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ผศ.พาวิน มะโนชัย รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ครูประทุม สุริยา ผู้แทนเกษตรกรด้านเกษตรอินทรีย์ในพื้นที่โครงการของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ และนายเดชณรงค์ชัย พรมลี ผู้แทนศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยแม่โจ้ ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงานตามรอยพ่อ "กษัตริย์เกษตร" ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19–25 กุมภาพันธ์ 2560 ณ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่

วัตถุประสงค์ของการจัดงานเพื่อเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงงานมาตลอด 70 ปี ที่ทรงครองราชย์ โดยกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย นิทรรศการตามรอยพ่อ กษัตริย์เกษตร แปลงสาธิตเกษตรทฤษฎีใหม่ สู่แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ การเสวนา การฝึกอบรม และตลาดสินค้าปลอดภัยเพื่อผู้บริโภค ในชื่อว่า "กาดแม่โจ้ 2477" โดยสินค้าที่จัดจำหน่ายในกาดแม่โจ้ 2477 แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มได้แก่ กลุ่มวัสดุเกษตร ปุ๋ยสารชีวพันธ์ กลุ่มกิ่งพันธุ์ เช่น กล้วยไม้ ไม้กระถาง กิ่งพันธุ์ ไม้ผล กล้าพันธุ์ไม้ เป็นต้น  กลุ่มของแห้งและผลิตภัณฑ์แปรรูป เช่น เมล็ดพันธุ์พืช เห็ดหลินจือ เก๊กฮวย และกลุ่มของสด ผัก ผลไม้สด หมู เนื้อวัว ปลา ไก่แช่แข็ง เป็นต้น

นอกจากนี้ภายในงานจะยังจัดให้ได้ชม MINI THEATRE: กษัตริย์เกษตร จากต้นน้ำด้วยศาสตร์ของพระราชา ถึงกลางน้ำแม่โจ้รับสนองงานต่อยอด สู่ปลายน้ำส่งเสริมพัฒนาสร้างอาชีพความยั่งยืนให้เกษตรกร โดยได้รับการสนับสนุนจากจังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยงานเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อร่วมกันสืบสานพระราชปณิธาน น้อมนำศาสตร์ของพระราชามาปรับใช้เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อภาคการเกษตรไทยอย่างยั่งยืนต่อไป

********************
ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่-ข่าว/ภาพ

ข่าว ; สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ รับสมัครร่วมผลิตก๊าซชีวภาพจากมูลไก่แกลบ

สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ภายใต้การสนับสนุนของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน เปิดรับสมัครผู้สนใจเข้าร่วมโครงการส่งเสริมและสาธิตการผลิตก๊าซชีวภาพจากมูลไก่แกลบ โดยใช้เทคโนโลยีการหมักย่อยแบบแห้ง (Dry-Fermentation) เพื่อลดการใช้น้ำในกระบวนการผลิตก๊าซชีวภาพ โดยเปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2560

สำหรับประโยชน์ที่ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับจากการเข้าร่วมโครงการฯ มีดังต่อไปนี้
- ได้แก๊สชีวภาพและปุ๋ย จากขี้ไก่และแกลบที่ใส่เข้าระบบฯ
- ประหยัดน้ำเพราะเทคโนโลยีแบบหมักแห้งใช้น้ำน้อย
- แก้ปัญหาการจัดการมูลไก่แกลบของเกษตรกร ลดต้นทุนการผลิต และลดปัญหาสิ่งแวดล้อม
- ได้รับการสนับสนุนค่าก่อสร้างระบบบางส่วนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน
- เทคโนโลยีที่นำมาใช้งาน พัฒนาและออกแบบโดยสถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มช. ซึ่งมีประสบการณ์ในการทำงานด้านระบบก๊าซชีวภาพมาไม่น้อยกว่า 20 ปี

คุณสมบัติเบื้องต้นของผู้ประสงค์เข้าร่วมโครงการฯ
1. ฟาร์มหรือสถานประกอบการที่เป็นเจ้าของฟาร์มไก่เนื้อ หรือบุคคล หรือนิติบุคคล ที่สามารถรวบรวมมูลไก่แกลบหรือเป็นเจ้าของมูลไก่แกลบ
2. มีพื้นที่เพียงพอสำหรับก่อสร้างระบบผลิตก๊าซชีวภาพ (ประมาณการพื้นที่ 0.5 ไร่)
3. มีแนวทาง วิธีการ และความต้องการในการนำก๊าซชีวภาพไปใช้ผลิตเป็นพลังงานทดแทนหรือใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ


ผู้สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ คุณพูลผล ศรีม่วง วิศวกรประจำโครงการ โทรศัพท์ 0-5394-2007 ต่อ 324 ในวันและเวลาราชการ

**********************
ปชส.สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์-ข่าว/ภาพ

วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2560

ข่าว ; ทภ.3 เตรียมเปิดกิจกรรมซักซ้อมดับไฟป่า KICK OFF ประจำปี 2560


แม่ทัพน้อยที่ 3 ยืนยันว่า มทภ.3/ผอ.ปกป.ภาค 3 จะเดินทางมาเปิดกิจกรรมซักซ้อมดับไฟป่า KICK OFF ประจำปี 2560  ที่สนามกีฬา พล.ร.7 อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 31 มกราคม 2560 เพื่อสร้างความตระหนักในการร่วมกันป้องกันปัญหาไฟป่าและหมอกควันให้ลดน้อยลง

พล.ท.ธนา จารุวัต แม่ทัพน้อยที่ 3 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันระดับภาค ส่วนหน้า (ศอ.ปกป.ภาค (สน.)) กล่าวว่า พื้นที่ภาคเหนือต้องประสบกับปัญหาไฟป่าและหมอกควันเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะในระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน ก่อให้เกิดความเสียหายต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยปัญหาดังกล่าวเกิดในห้วงที่สภาพอากาศมีความแห้งแล้งและเกิดจากการกระทำของมนุษย์ ในการเผาเศษวัสดุจากการเกษตรในไร่นา และบางส่วนลุกลามเข้าพื้นที่ป่า รวมทั้งการเผาหญ้าบริเวณข้างเส้นทางคมนาคม อย่างไรก็ตาม การเกิดไฟป่าและหมอกควันเหล่านี้เราสามารถควบคุมให้ลดลงได้ ด้วยการรณรงค์สร้างจิตสำนึกและการมีส่วนร่วมของภาครัฐ ภาคเอกชน รวมทั้งประชาชน โดยหยุดพฤติกรรมที่ทำให้เกิดปัญหาไฟป่าและหมอกควันในทุกรูปแบบ ซึ่งศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ระดับภาค ส่วนหน้า ต้องการให้ประชาชนในพื้นที่ตระหนักรู้ถึงผลกระทบอันเกิดจากไฟป่าและหมอกควัน และมีความมุ่งมั่น ในการร่วมกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือของ อันจะเป็นการสนองพระราชเสาวนีย์ของ  สมเด็จพระนางเจ้า ฯ  พระบรมราชินีนาถ  ที่ทรงห่วงใยพสกนิกรในพื้นที่ภาคเหนือ  ที่ต้องเดือดร้อนจากปัญหาไฟป่าและหมอกควัน  และรับสั่งให้ร่วมกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันให้คลี่คลายลง  ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจ

แม่ทัพน้อยที่ 3 กล่าวว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันระดับภาค จึงเตรียมเปิดกิจกรรมซักซ้อมดับไฟป่า KICK OFF ประจำปี 2560  ที่สนามกีฬา พล.ร.7  อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ในวันอังคารที่ 31 มกราคม 2560 เวลา 13.00 น. โดยมี พล.ท.วิจักขฐ์  สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันระดับภาค เป็นประธานเปิดงาน โดยได้ร่วมกับอำเภอแม่ริมและหน่วยงานในจังหวัดเชียงใหม่กว่า 30 หน่วยงาน ร่วมกันจัดกิจกรรมครั้งนี้  ทั้งนี้ นับเป็นการรวมพลังของทุกภาคส่วนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ทั้งภาครัฐ  ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและประชาชนชาวจังหวัดเชียงใหม่ ในการที่จะร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ เป็นการแสดงเจตนารมณ์อันมุ่งมั่นที่จะดำเนินการ  เพื่อให้ปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ลดระดับความรุนแรงลง รวมทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์รณรงค์ให้ประชาชนทั่วไปได้ตระหนักรู้ถึงโทษภัยของไฟป่าและหมอกควัน ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเกิดจิตสำนึกในความร่วมมือลดปัญหาไฟป่าและหมอกควัน

สำหรับศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันระดับภาค ส่วนหน้า (ศอ.ปกป.ภาค (สน.)) มีภารกิจในการวางแผน อำนวยการ ควบคุมและกำกับดูแลการปฏิบัติ ของชุดรณรงค์เพื่อป้องกันการเกิดไฟป่าและหมอกควัน ทั้ง 14 ชุด ประสานงานกับหน่วยราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ในการรณรงค์สร้างจิตสำนึก ให้ความรู้ความเข้าใจแก่ราษฎร ในการเฝ้าระวัง แจ้งเตือนการเกิดไฟป่า และป้องกันมิให้เกิดไฟป่าขั้นรุนแรงในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2559 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2560

**********************

ข่าว ; ผลกอล์ฟรายการ "รักกันไว้เถิด" 28 มกราคม 2560 ณ สนามยิมคานา


การแข่งขันกอล์ฟรายการ "รักกันไว้เถิด" เมื่อวันเสาร์ที่ 28 มกราคม 2560 ณ สนามกอล์ฟเชียงใหม่ยิมคานา เพื่อหารายได้สนับสนุนตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ มีนักกอล์ฟเข้าร่วมการแข่งขันทั้งสิ้น เป็นการแข่งขัน 9 หลุม คิดแฮนดิแคปด้วยระบบ 36 System และคิดคะแนนด้วยระบบ Stableford ผลการแข่งขันมีดังนี้

ประเภททั่วไป ชนะเลิศได้แก่ ปารดิฐ โพธิสุนทร กรอสสกอร์ 38 (แฮนดิแคป 3) คะแนนสเตเบิลฟอร์ต 16 อันดับที่ 2 พ.อ.เทพฤทธิ์ เรือนคำ 40 (5) 14 อันดับที่ 3 สุดสยาม จันทราทิตย์ 42 (7) 12

ประเภทซีเนียร์ ชนะเลิศ พล.อ.เจน คีรีทวีป 43 (7) 11 อันดับที่ 2 สีคำ สีจอมทอง 45 (8) 10

ประเภทเลดี้ ชนะเลิศ พรฤดี พุทธิศรี 56 (16) 2 อันดับที่ 2 ทพ.ญ.ธารทิพย์ อุทธังกร 67 (17) 1

**********************

ภาพข่าว ; สวนสัตว์เชียงใหม่พร้อมเป็นส่วนหนึ่ง Chiang Mai Bike & Run 2017


วันที่ 29 มกราคม 2560 เวลา 09.30 น. การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สวนสัตว์เชียงใหม่ แถลงข่าวการจัดกิจกรรม "เชียงใหม่ไบค์แอนด์รัน 2017" ณ บริเวณศาลาอ่างแก้ว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยมีนายประจวบ กันธิยะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ รองศาสตราจารย์ประเสริฐ ฤกษ์เกรียงไกร รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นายนิพนธ์ วิชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ และทันตแพทย์พิชัย ปิตุวงศ์ ร่วมกันทำหน้าที่แถลงข่าวการจัดงาน “Chiang Mai Bike & Run 2017” ซึ่งกิจกรรมภายในงานจะมีการปั่นจักรยาน วิ่งมินิมาราธอน และเดิน-วิ่งเพื่อสุขภาพ ในวันที่ 25 – 26 กุมภาพันธ์ 2560 ซึ่งส่วนหนึ่งจะมีการเดินภายในสวนสัตว์เชียงใหม่เป็นระยะทาง 4.5 กิโลเมตร

**********************

ภาพข่าว ; นักวิจัย มช.และ ม.ราชมงคลล้านนา หารือแนวทางร่วมกันทำวิจัย


ศ.ดร.นพ.คม สุคนธสรรพ์ และ รศ.ดร.ปรัชญา สมบูรณ์ จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปรึกษาหารือทางด้านการทำวิจัยร่วมกับ อ.เอกทัศน์ พฤกษาวรรณ และ อ.ดร.นพดล มณีเฑียร จาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ณ ห้องรับรองคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ภาคพายัพ เชียงใหม่ เมื่อเร็วๆนี้

**********************

ข่าว ; ปฏิบัติการตัดทำลายฝิ่นดำเนินต่อเนื่อง ขณะที่พบว่าปีนี้แนวโน้มมีการปลูกเพิ่มขึ้น

สถาบันสำรวจและติดตามการปลูกพืชเสพติด (สพส.) สำนักงาน ป.ป.ส. ระบุว่า ในปีนี้มีแนวโน้มของการลักลอบปลูกเพิ่มมากขึ้น ภายหลังการสำรวจพื้นที่ปลูกฝิ่นใน  5  จังหวัดภาคเหนือ พบว่ามีการปลูกร่วม 2,000 แปลง รวมเนื้อที่ประมาณ 1,600 ไร่

นางทิพากร ทัศนภักดิ์ ผู้อำนวยการส่วนยุทธศาสตร์และอำนวยการ สถาบันสำรวจและติดตามการปลูกพืชเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. เปิดเผยว่า สถานการณ์การลักลอบปลูกฝิ่นในปัจจุบัน อยู่ในระหว่างการสำรวจ ปี 2559 – 2560 โดยสถาบันฯ ได้ทำการสำรวจพื้นที่ปลูกฝิ่นครอบคลุมพื้นที่ศักยภาพทั้งหมด จากการสังเกตสามารถตรวจพบพื้นที่ปลูกฝิ่นที่เริ่มงอกและอยู่ในช่วงของการเจริญเติบโตใกล้จะออกดอก  ทั้งนี้เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาในช่วงเดียวกันพบว่าการปลูกฝิ่นในปีนี้มีล่าช้ากว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสภาพอากาศที่แปรปรวน มีฝนตกบางช่วง รวมทั้งยังมีการเปิดพื้นที่ปลูกฝิ่นเพิ่มมากขึ้นในบางพื้นที่  โดยผลการสำรวจในช่วงเดือนกันยายน 2559 – มกราคม 2560 พบการปลูกฝิ่นในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ตาก แม่ฮ่องสอน เชียงราย และกำแพงเพชร จำนวน 1,955 แปลง รวม 1,599.60 ไร่  โดยในจำนวนนี้เป็นพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ 1,356 แปลง 1,034.80 ไร่ จังหวัดตาก 514 แปลง 476.34 ไร่  จังหวัดแม่ฮ่องสอน 52 แปลง 39.12 ไร่ จังหวัดกำแพงเพชร 20 แปลง 39.63 ไร่ และจังหวัดเชียงราย พบจำนวน 13 แปลง 9.71 ไร่

ผู้อำนวยการส่วนยุทธศาสตร์และอำนวยการ สถาบันสำรวจและติดตามการปลูกพืชเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส.  กล่าวต่อว่า จากการสำรวจพื้นที่ปลูกฝิ่นทางอากาศ ในพื้นที่ศักยภาพการปลูกฝิ่นครอบคลุมพื้นที่ ท่าสองยาง – ปิตุคี ,ห้วยน้ำเย็น – ทุ่งต้นงิ้ว , แม่กลองใหญ่ – อุ้มเปี่ยม ในพื้นที่ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ และ อ.ท่าสองยาง อ.แม่ระมาด อ.พบพระ อ.อุ้มผาง จ.ตาก รวมถึง อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร พบพื้นที่เตรียมปลูกฝิ่นประมาณ 300 แปลง ขณะนี้ สพส.ได้เร่งนำข้อมูลไปตรวจสอบ วิเคราะห์ประมวลผล ส่งเป้าให้หน่วยตัดทำลายต่อไป

ทางด้าน  พ.อ.นภัค สุวรรณคีรี ฝ่ายเสนาธิการกองบัญชาการศูนย์ปฎิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองทัพภาคที่ 3 พร้อมคณะ ได้เดินทางเข้าพบปะผู้นำชุมชนในพื้นที่ บ.นาเลาใหม่ อ.เชียงดาว เพื่อประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับโครงการกำจัดพืชเสพติด กองทัพภาคที่ 3 และขอความร่วมมือราษฎรลดละเลิกการปลูกฝิ่น พร้อมมอบผ้าห่มกันหนาวและเครื่องอุปโภคบริโภคให้แก่ราษฎร ซึ่งจากการพบปะพูดคุยครั้งนี้ทราบว่าราษฎรบ้านนาเลาใหม่ส่วนใหญ่เริ่มประกอบอาชีพด้านการท่องเที่ยวแบบโฮมสเตย์ ส่วนบ้านฟ้าสวยยังคงประกอบอาชีพทำไร่ ทำสวนแบบดั้งเดิม ซึ่งทั้งสองหมู่บ้านมีพื้นที่ลักลอบปลูกฝิ่นลดลงจากปีที่ผ่านมา  รวมถึงราษฎรมีความเข้าใจและรับปากว่าจะให้ความร่วมมือกับทางการต่อไป

ขณะที่ พ.อ.ภาส วงศ์สารภี ผบ.ฉก.ทพ.36 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง สภ.แม่ตื่น และ สภ.อมก๋อย พร้อมด้วยหน่วยป้องกันและรักษาป่าที่ ชม.22 เดินทางเข้าพื้นที่ตรวจเยี่ยมการปฎิบัติงานของ ชุดปฏิบัติการตัดทำลายไร่ฝิ่นของหน่วย และร่วมกันตัดทำลายไร่ฝิ่น จำนวน 3 แปลง เพื่อปลูกฝังให้เด็กนักเรียนเห็นพิษภัยของฝิ่นและห่างไกลจากยาเสพติด พร้อมทั้งจัดกิจกรรมมอบผ้าห่มกันหนาวและนมกล่องให้กับราษฎรและเด็กนักเรียนในพื้นที่ท่าสองยาง – ปิตุคี อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่

**********************

ข่าว ; เชียงใหม่เปิดงานเทศกาลไชน่าทาวน์ครั้งที่ 15 ประจำปี 2560

จังหวัดเชียงใหม่เปิดงานเทศกาลไชน่าทาวน์เมืองเชียงใหม่ครั้งที่ 15 ประจำปี 2560 เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนชาวไทยเชื้อสายจีนได้จัดเทศกาลตรุษจีนอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมทั้งส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย-จีน ให้แน่นเฟ้นยิ่งขึ้น

ที่ตลาดวโรรส อำเภอเมืองเชียงใหม่ นายประจวบ กันธิยะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีเปิดงานเทศกาลไชน่าทาวน์เมืองเชียงใหม่ ครั้งที่ 15 ประจำปี 2560 ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่ โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เทศบาลนครเชียงใหม่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานเชียงใหม่ สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ และ สมาคม ชมรม ชาวไทยเชื้อสายจีนในจังหวัดเชียงใหม่ ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน “เทศกาลไชน่าทาวน์เมืองเชียงใหม่ ” ครั้งที่ 15 ระหว่างวันที่ 28-29 มกราคม 2560 เพื่อส่งเสริมให้ประชาชน ที่เป็นชาวไทยเชื้อสายจีนได้จัดเทศกาลตรุษจีนอย่างยิ่งใหญ่ และได้มีโอกาสร่วมกิจกรรมกับภาครัฐ และส่งเสริมประเพณี วัฒนธรรมของคนไทยเชื้อสายจีน แสดงถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวในช่วงเวลาดังกล่าวได้ชมศิลปวัฒนธรรม ประเพณีของชาวไทยเชื้อสายจีน รวมทั้งสร้างโอกาสในการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น

กิจกรรมภายในงานจะเน้นการแสดงศิลปวัฒนธรรมของชาวไทยเชื้อสายจีนในจังหวัดเชียงใหม่ อาทิ การจัดนิทรรศการเทิดพระเกียรติสานสัมพันธ์สองแผ่นดินไทย-จีน การออกโรงทานเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล การแสดงกังฟูโชว์จากคณะเหม่ยเหวิน การแสดงเชิดสิงโต การเชิดมังกรไฟ การประกวด ตี๋ – หมวย สวยเก่ง การออกร้านจำหน่ายอาหารจากร้านอาหารชื่อดังในจังหวัดเชียงใหม่ การจำหน่ายสินค้าของชุมชนตรอกเล่าโจ้ว และกิจกรรมบันเทิงต่าง ๆ อีกมากมาย

รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่มีประชาชนชาวไทยเชื้อสายจีนเข้ามาประกอบธุรกิจ และตั้งถิ่นฐานอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ตรอกเล่าโจ้ว ถนนช้างม่อยและถนนวิชยานนท์ เป็นย่านที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศรู้จักในนาม “ไชน่าทาวน์ของจังหวัดเชียงใหม่” การจัดกิจกรรมครั้งนี้ นับเป็นโอกาสดีที่จะประชาสัมพันธ์ย่านธุรกิจของคนไทยเชื้อสายจีนดังกล่าวให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาวแพร่หลาย ขอให้หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีของคนไทยเชื้อสายจีนให้อนุชนรุ่นหลังได้รับทราบ อันจะก่อให้เกิดความรักและหวงแหนให้วัฒนธรรมอันดีงามนี้ ให้คงอยู่สืบต่อไป

**********************
ส.ปชส.เชียงใหม่-ข่าว/ภาพ

ข่าว ; ตรุษจีนอุทยานหลวงราชพฤกษ์คึกคัก นักท่องเที่ยวร่วมลุ้นตั๋วเครื่องบินฟรี


ตามที่อุทยานหลวงราชพฤกษ์ได้จัดกิจกรรมต้อนรับนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลตรุษจีนนั้น สำหรับบรรยากาศในวันที่ 28 มกคราคม 2560 ซึ่งเป็นวันเที่ยวนั้นปรากฏว่าที่อุทยานหลวงราชพฤกษ์คึกคักตลอดทั้งวัน มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้ามาเที่ยวชมเป็นจำนวนมาก โดยทางอุทยานหลวงราชพฤกษ์ได้จัดการประดับตกแต่งสถานที่ด้วยบรรยากาศของความเป็นจีนอย่างความสวยงาม โดยเฉพาะสวนจีนที่ประดับประดาด้วยโคมมงคลรอบบ้านจีนโบราณ ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมสมัยราชวงศ์ถัง รวมทั้งกิจกรรมต่างๆ อาทิ  เขียนคำขอพร แจกต้นไม้มงคล พร้อมไหว้พระโพธิสัตว์กวนอิม ขอพร คุ้มครองปกปักรักษา รับโชคในวันปีใหม่จีน และที่พิเศษคือผู้ที่เข้าไปเที่ยวอุทยานหลวงราชพฤกษ์วันนี้ ได้มีโอกาสร่วมกิจกรรมลุ้นตั๋วเครื่องบินจากสายการบินไทยสมายล์อีกด้วย

สำหรับรายชื่อผู้โชคดีที่ได้รับตั๋วเครื่องบินในกิจกรรมตรุษจีนของอุทยานหลวงราชพฤกษ์ จำนวน 5 รางวัล ได้แก่ 1.ทวัยวัฒน์ เวียโปง จ.ปทุมธานี  2.อมรเศรษฐ์ พงษ์มหาชัย จ.ปทุมธานี 3.วิลาวัณย์ จดจำ กรุงเทพฯ 4.ณัฐวัฒน์ ผลปราชญ์ จ.อยุธยา 5.กนก วัฒนะกนกเรขา จ.เชียงใหม่

**********************
ปชส.อุทยานหลวงราชพฤกษ์-ข่าว/ภาพ

วันเสาร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2560

ข่าว ; ศป.ปส.ชน.นำผู้ผ่านการบำบัดจากศูนย์ขวัญแผ่นดินร่วมทำความดีเพื่อพ่อ

ผู้ผ่านการบำบัดจากศูนย์ขวัญแผ่นดิน ศป.ปส.ชน. รุ่นที่ 2 ทำความดีเพื่อพ่อโดยการเปิดจุดบริการตัดผม ซ่อมรถจักรยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้าให้กับประชาชนเพื่อฝึกความชำนาญ หวังนำความรู้ไปประกอบอาชีพสุจริตในอนาคต

พล.ท.ธนา จารุวัต แม่ทัพน้อยที่ 3 ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชายแดนภาคเหนือ (ศป.ปส.ชน.) เยี่ยมให้กำลังใจผู้ผ่านการบำบัดรักษาของศูนย์ขวัญแผ่นดิน รุ่นที่ 2 ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชาแดนภาคเหนือ ที่เปิดจุดบริการตัดผม ซ่อมจักรยานยนต์ และซ่อมเครื่องใชัไฟฟ้าให้กับประชาชนทั่วไป บริเวณตลาดนัดข้างโรงพยาบาลนครพิงค์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ โดยบริการเปลี่ยนยางและถ่ายน้ำมันเครื่องให้รถจักรยานยนต์โดยไม่คิดมูลค่า ตามโครงการศูนย์ขวัญแผ่นดิน ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชาแดนภาคเหนือ “ทำความดีเพื่อพ่อ”

แม่ทัพน้อยที่ 3 ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชาแดนภาคเหนือ กล่าวว่า  โครงการดังกล่าวเตรียมการไว้ 10 รุ่นๆละ 100 คน โดยนำผู้บำบัดแบบสมัครใจจาก 5 อำเภอชายแดนของจังหวัดเชียงใหม่ เข้ามารับการฝึกอบรม 12 วัน และฝึกอาชีพ 3 วัน โดยในวันสุดท้ายของการเข้ารับการบำบัด ศป.ปส.ชน. จะให้ผู้ผ่านการบำบัดมาบริการประชาชน ทำความดีเพื่อพ่อเพื่อให้เกิดความภาคภูมิใจ สำหรับผู้ที่สนใจการทำเกษตรก็จะมีการฝึกอาชีพการเกษตรแบบพอเพียง เกษตรอินทรีย์ ในพื้นที่ที่ ป.ป.ส. ที่ได้ยึดทรัพย์จากคดีค้ายาเสพติด เพื่อให้ผู้บำบัดเกิดความชำนาญจนสามารถนำไปประกอบอาชีพได้

ส่วนการติดตามผู้ผ่านการบำบัดนั้น แม่ทัพน้อยที่ 3 กล่าวว่า ศป.ปส.ชน.ให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก โดยทางศูนย์ฯ มีทหารในพื้นที่ชายแดนอยู่แล้ว จะให้ชุดปฎิบัติการที่อยู่ในพื้นที่ไปเยี่ยมผู้ผ่านการบำบัดทุกสัปดาห์ นอกจากนี้หากมีข่าวสารในพื้นที่ก็จะมีการปิดล้อมตรวจค้นเป็นระยะ โดยจะจับกุมผู้ค้ารายย่อยในหมู่บ้านให้หมดเพื่อปรับสภาพแวดล้อมในหมู่บ้านให้เข้มแข็ง หากไม่มียาหรือยาหาได้ยากขึ้น โอกาสที่ผู้เข้ารับการบำบัดจะเสพซ้ำก็ยากขึ้น  ทั้งนี้ตั้งเป้าไว้ว่าใน 100 คน จะพยายามทำให้ได้มากที่สุด ถ้าไม่กลับไปเสพอีกครบทั้ง 100 คนก็เป็นเรื่องที่ดี ซึ่งจะเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศ ช่วยกันดูแลบ้านเมือง ประกอบอาชีพสุจริต เลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ก็เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจอย่างเป็นที่สุด

*************************

วันศุกร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2560

ข่าว ; กงสุลจีนเชียงใหม่ยืนยัน ขุดลอกแม่น้ำโขงเห็นชอบทุกประเทศ ผลประโยชน์ร่วมกัน

ตามที่ได้มีโครงการการขุดลอกแม่น้ำโขงโดยภาครัฐของประเทศที่มีส่วนเกี่ยวข้องในพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมาในประเทศไทยเองก็ยังคงมีข้อถกเถียงกัน และเมื่อต้นเดือนมกราคม 2560 นี้ กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในจังหวัดเชียงรายได้มีการเคลื่อนไหวต่อต้าน โดยระบุว่าโครงการขุดลอกแม่น้ำโขงจะทำลายสิ่งแวดล้อม ขณะที่มีนักวิชาการบางกลุ่มออกมาระบุว่าโครงการดังกล่าวจีนได้รับผลประโยชน์มากที่สุด ในขณะที่ประเทศไทยและลาวจะได้รับผลกระทบสูงที่สุดนั้น

นายเหริน ยี่เซิง กงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่กล่าวว่า โครงการขุดลอกแม่น้ำโขงจะเกิดประโยชน์ต่อการคมนาคมทางน้ำระหว่างประเทศลุ่มแม่น้ำโขง และการพัฒนาพื้นที่สองฟากฝั่งแม่น้ำ โดยแม่น้ำโขงหรือแม่น้ำล้านช้าง ซึ่งมีความยาวรวม 4,880 กิโลเมตร รวมพื้นที่อนุภูมิภาคถึง 2.3 ล้านตารางกิโลเมตร ประเทศลุ่มแม่น้ำโขงมีทั้งจีน พม่า ลาว ไทย กัมพูชาและเวียดนาม ซึ่งทั้ง 6 ประเทศมีอาณาเขตเป็นพื้นที่ติดต่อกัน และในกลุ่มประเทศเหล่านี้มีประชากรรวมกันประมาณ 250 ล้านคน ส่วนใหญ่มีวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน มีการใช้แม่น้ำโขงในการอุปโภคบริโภคร่วมกัน อีกทั้งยังเป็นสายน้ำที่เชื่อมต่อวิถีชีวิตของคนในลุ่มแม่น้ำอีกด้วย ดังนั้น การก่อสร้างและการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในด้านการดำเนินการความร่วมมือในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญสำหรับรัฐบาลกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขงทุกประเทศได้เห็นด้วย ที่จะดำเนินการขุดลอกทางน้ำระหว่างประเทศเพื่อปรับปรุงเงื่อนไขของการคมนาคมทางน้ำ ตลอดจนลดอุบัติเหตุการเดินเรือให้น้อยลง และลดมลพิษทางสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากอุบัติเหตุ ที่ผ่านมาโครงการในระยะแรกได้ประสบความสำเร็จเป็นที่เรียบร้อย ส่วนระยะที่สองนั้นอยู่ระหว่างเตรียมที่จะดำเนินการ สำหรับลุ่มแม่น้ำร่วมระหว่างไทย-ลาว การดำเนินโครงการนี้จะส่งเสริมและพัฒนาการขนส่งสินค้าทางน้ำ ที่ จะมีส่วนช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจการค้า การท่องเที่ยวและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมของกลุมประเทศ GMS เพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชากรที่อยู่อาศัยทั้งสองฝั่งแม่น้ำโขงทุกประเทศอีกด้วย

กงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่ กล่าวถึงการให้ความเห็นชอบของประเทศที่มีส่วนเกี่ยวข้องว่า ประเทศไทยนับว่ามีส่วนสำคัญในความร่วมมือทางเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำโขง จะเห็นได้ว่ารัฐบาลไทยได้ให้การสนับสนุนโครงการขุดลอกแม่น้ำโขงและได้เรียกร้องให้กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหยุดการต่อต้านโครงการดังกล่าว โดยในช่วงปลายปี พ.ศ. 2559 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแผนพัฒนาการเดินเรือระหว่างประเทศในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง พ.ศ.2558-2568 เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางในการพัฒนาการขนส่งทางน้ำระหว่างประเทศในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง ให้เกิดความสะดวก ปลอดภัย และเป็นไปตามข้อตกลงระหว่างประเทศสมาชิก รวมทั้งให้ความเห็นชอบการดำเนินงานเบื้องต้นในโครงการปรับปรุงร่องน้ำทางเดินเรือในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง คืองานศึกษา สำรวจ และออกแบบ โดยจะให้กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม เป็นหน่วยงานปฏิบัติและประสานงานหลักในการดำเนินการตามแผนพัฒนาการเดินเรือระหว่างประเทศ พ.ศ.2558-2568 และการดำเนินงานเบื้องต้นของโครงการปรับปรุงร่องน้ำทางเดินเรือในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขงด้วย  ทั้งนี้ การประชุมในเดือนมกราคม 2560 จะมีการประชุมคณะกรรมการกรมการขนส่งทางน้ำ ครั้งที่ 15  ซึ่งกำหนดจัดขึ้นที่เมืองมันฑะเลย์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ฝ่ายไทยได้แถลงว่า รัฐบาลไทยได้อนุมัติการดำเนินงานเบื้องต้นในโครงการปรับปรุงร่องน้ำทางเดินเรือในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง โดยเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม ระบุว่า งานขุดลอกจะดำเนินการตามข้อตกลงของทั้ง 6 ประเทศสองฟากฝั่งแม่น้ำล้านช้างและแม่น้ำโขง วัตถุประสงค์เพื่อขยายร่องน้ำสำหรับการเดินเรือ ให้สามารถเดินเรือที่มีนำหนักได้ถึง 500 ตันตลอดทั้งปี ทำให้สามารถเพิ่มปริมาณและลดต้นทุนการขนส่ง อีกทั้ง เมื่อไม่นานมานี้ ฯพณฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวผ่านสื่อมวลชนว่า การขุดลอกแม่น้ำโขงเป็นมติเอกฉันท์ของทุกประเทศในลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งไม่ใช่การกระทำของประเทศใดประเทศหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาสื่อมวลชนบางสื่อรายงานข่าวว่า มีกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมท้องถิ่นบางกลุ่มของประเทศไทย มีความคิดเห็นแตกต่างกับโครงการดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าโครงการนี้จะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศนั้น กงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่กล่าวว่า การขุดลอกแม่น้ำโขงนั้นเป็นที่รู้กันดีกว่า จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม นอกจากนั้นยังเป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากสามารถช่วยลดหรือบรรเทาตะกอนของดินในร่องน้ำสำหรับใช้ในการเดินเรือ ปรับกระแสน้ำของแม่น้ำให้ดีขึ้น ในฤดูฝนก็เป็นการป้องกันไม่ให้ดินโคลนถล่ม ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนทั้งสองฟากฝั่ง ปัจจุบัน โครงการดังกล่าวยังอยู่ในระยะดำเนินการเริ่มต้น คือการศึกษาความเป็นไปได้ ทั้งนี้ การดำเนินงานที่ผ่านมารวมทั้งการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เมื่อได้ทำผลสรุปออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะต้องนำผลการสรุปดังกล่าวเสนอต่อรัฐบาลทั้ง 4 ประเทศคือจีน ไทย ลาวและเมียนมา เพื่อยื่นขออนุมัติและเมื่อได้รับมติให้ความเห็นชอบเป็นเอกฉันท์แล้ว จึงจะเริ่มปฏิบัติงานตามขั้นตอนอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

“ในช่วงการดำเนินการระยะหลังอาจจะมีแนวทางปฏิบัติดังนี้ คือ ผู้รับผิดชอบของหน่วยงานจีนจะศึกษาลุ่มแม่น้ำโขงเพื่อศึกษาและนำประสบการณ์การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องมาประยุกต์ใช้กับต้นน้ำและปลายน้ำ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในบริเวณโดยรอบของลุ่มแม่น้ำโขง อีกทั้งลดการก่อกวนในระบบนิเวศของสิ่งมีชีวิตในแม่น้ำโขง รวมถึงสัตว์ต่างๆในบริเวณสองฟากฝั่งแม่น้ำโขงให้น้อยที่สุด” กงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่กล่าวในที่สุด

*สำหรับแม่น้ำโขง (Mekong River) มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาหิมาลัย ไหลผ่านบริเวณที่ราบสูงทิเบตและมณฑลชิงไห่ ไหลผ่านสาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ราชอาณาจักรไทย ราชอาณาจักรกัมพูชา และออกสู่ทะเลจีนใต้ที่สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม มีความยาวทั้งหมด 4,880 กิโลเมตร เป็นความยาวในประเทศจีน 2,130 กิโลเมตร ช่วงไหลผ่านประเทศจีนมีชื่อเรียกว่า แม่น้ำหลานชาง หรือ แม่น้ำล้านช้าง และเมื่อไหลผ่านเข้าเขตประเทศเมียนมาและลาว เรียกว่า แม่น้ำของ รวมถึงคำเมืองล้านนาก็เรียกว่าแม่น้ำของ ส่วนในภาษาไทยเรียกว่า แม่น้ำโขง

*แม่น้ำโขงมีลักษณะสำคัญคือ มีตลิ่งสูงชันมากทั้งสองฝั่ง ไหลเลี้ยวเลาะไปตามไหล่เขา กระแสน้ำไหลจากเหนือลงสู่ทางใต้ตลอดทั้งปี ระดับน้ำในฤดูฝนกับฤดูแล้งจะมีความแตกต่างกันอย่างมาก ความเร็วของกระแสน้ำขึ้นอยู่กับแต่ละฤดูกาล ดินในแม่น้ำโขงเป็นดินทราย มีเกาะแก่งน้อยใหญ่กว่า 100 แห่งเรียงรายตลอดแม่น้ำ การที่แม่น้ำโขงไหลผ่านหลายประเทศเช่นเดียวกับแม่น้ำดานูบในยุโรป ทำให้บางคนเรียกว่าแม่น้ำนานาชาติ และได้รับการขนานนามว่า “แม่น้ำดานูบตะวันออก”

*นอกจากนี้ สำหรับประเทศจีนแม่น้ำโขงยังเป็น 1 ในแม่น้ำ 3 สาย ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ร่วมกับแม่น้ำแยงซีและแม่น้ำสาละวิน ในเขตพื้นที่มณฑลยูนนาน ภายใต้ชื่อ “พื้นที่คุ้มครองแม่น้ำขนานสามสายแห่งยูนนาน” พื้นที่ดังกล่าวนับได้ว่ามีความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายทางชีวภาพสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ทั้งนี้ มีสัตว์น้ำขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญและพบได้แห่งเดียวในโลกเฉพาะในแม่น้ำโขงเท่านั้นคือ ปลาบึก (Pangasianodon gigas)

*************************
*(ที่มา วิกิพีเดีย เข้าถึงเมื่อ 25 มกราคม 2560)

ภาพข่าว ; ทีมงานประชาสัมพันธ์ สวัสดีปีใหม่ทีมงานประชาสัมพันธ์


มล.กัตติกา เกษมสันต์ ละอองศรี หัวหน้างานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นำทีมงาน มาเยี่ยมชมและสวัสดีปีใหม่กับทีมงานประชาสัมพันธ์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยมี ผศ.อาคม ตันตระกูล ที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิคณะแพทยศาสตร์ และ พัชรา อุบลศรี หัวหน้างานประชาสัมพันธ์ คณะแพทยศาสคร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ให้การต้อนรับ ณ บริเวณชั้น 1 อาคารเฉลิมพระบารมี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

**********************

ข่าว ; อัลไพน์จัดให้ชมฟรี ฟุตบอลอุ่นเครื่อง Chiangmai FC vs Nagoya Grampus Eight

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ อัลไพน์กอล์ฟรีสอร์ทเชียงใหม่ แจ้งว่า สนามฟุตบอลอัลไพน์กอล์ฟรีสอร์ทเชียงใหม่ กำหนดจัดการแข่งขันฟุตบอล Friendly Match ระหว่าง ทีม Chiangmai FC สโมสรฟุตบอลประจำจังหวัดเชียงใหม่ พบกับทีม Nagoya Grampus Eight สโมสรจาก J-League ประเทศญี่ปุ่น ในวันอาทิตย์ ที่ 29 มกราคม 2560 เริ่มการแข่งขันเวลา 15.30 น. ณ สนามฟุตบอล 2 อัลไพน์กอล์ฟรีสอร์ทเชียงใหม่ โดยผู้สนใจสามารถเข้าชมฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ

สำหรับสโมสรฟุตบอล Nagoya Grampus Eight เป็นทีมฟุตบอลจาก J-League ประเทศญี่ปุ่น ได้เดินทางมาเก็บตัวฝึกซ้อมที่สนามฟุตบอลอัลไพน์กอล์ฟรีสอร์ทเชียงใหม่เป็นประจำทุกปี โดยปีนี้มาเก็บเป็นเวลา 8 วัน ระหว่างวันที่ 24-31 มกราคม 2560 ซึ่งนอกจากจะทำการฝึกซ้อมและแข่งขันอุ่นเครื่องแล้ว ยังได้จัดกิจกรรมสาธารณประโยชน์ให้กับเยาวชนในพื้นที่ โดยในวันที่ 28 มกราคม 2560 ทีม Nagoya Grampus Eight ได้จัดกิจกรรม Football Clinic เป็นการแนะนำพื้นฐานและเทคนิคการเล่นฟุตบอลให้แก่เยาวชน จำนวน 200 คนอีกด้วย แฟนฟุตบอลที่สนใจสามารถติดตามความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Fanpage : Alpine Football Camp Training

**********************

ข่าว ; มหาวิทยาลัยแม่โจ้เตรียมจัดงานตามรอยพ่อ “กษัตริย์เกษตร”


มหาวิทยาลัยแม่โจ้ร่วมสืบสานพระราชปณิธาน น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อพ่อหลวง รัชกาลที่ 9 เตรียมจัดงานตามรอยพ่อ  “กษัตริย์เกษตร” 19-25 กุมภาพันธ์ 2560 ณ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยจะจัดชุดใหญ่ออกโชว์ ณ ข่วงประตูท่าแพ  อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ในวันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม 2560 ตั้งแต่เวลา 17.00 น.

ผู้ช่วยศาสตราจารย์พาวิน  มะโนชัย  รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ในฐานะประธานคณะกรรมการดำเนินงาน ตามรอยพ่อ “กษัตริย์เกษตร” กล่าวว่า มหาวิทยาลัยแม่โจ้ร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่ เตรียมจัดงานตามรอยพ่อ “กษัตริย์เกษตร” ระหว่างวันที่ 19 – 25  กุมภาพันธ์  2560 ณ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ  และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งทรงงานมาตลอด 70 ปีที่ทรงครองราชย์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากจังหวัดเชียงใหม่และหน่วยงานเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อร่วมกันสืบสานพระราชปณิธาน น้อมนำศาสตร์ของพระราชามาปรับใช้เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อภาคการเกษตรไทยอย่างยั่งยืน ซึ่งได้กำหนดจัดพิธีแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ในวันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม 2560 โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ อธิการบดี รองอธิการบดี ผู้แทนเกษตรกรด้านเกษตรอินทรีย์ และผู้แทนศิษย์เก่าแม่โจ้ที่น้อมนำศาสตร์แห่งพระราชาสู่วิถีชีวิตพอเพียงจนประสบความสำเร็จในชีวิตร่วมแถลงข่าวด้วย

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กชพร  ศิริโภคากิจ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้  ประธานคณะกรรมการฝ่ายการตลาด กล่าวเพิ่มเติมว่า การแถลงข่าวครั้งนี้ได้ยกนิทรรศการ “กษัตริย์เกษตร” ไปจัดแสดงอย่างสวยงาม และยกตัวอย่าง “กาดแม่โจ้ 2477” ตลาดสินค้าเกษตรปลอดภัยไปจัดแสดงให้คณะสื่อมวลชนได้ชมและชิมก่อนใคร รวมถึงกิจกรรมพิเศษอีกหลากหลาย อาทิ การแสดงจากศิลปินรับเชิญ ครูแอ๊ด ภานุทัต อภิชนาธง และ สุนทรี เวชานนท์ ในชุด “แม่โจ้แสงแห่งศรัทธา” การแสดงชุด “กษัตริย์เกษตร 70 ปี พัฒนาแผ่นดินไทย เป็นแผ่นดินทอง” วีดีทัศน์ตามรอยพ่อ “กษัตริย์เกษตร” การแสดงประกอบเพลงยามเย็น เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 2 และผู้ร่วมพิธีแถลงข่าวทุกท่านจะร่วมกันขับร้องเพลงต้นไม้ของพ่อ ต่อจากนั้น จะเป็นการจัดงานในงานแบบเต็มๆ 7 วัน ระหว่าง 19-25 กุมภาพันธ์ 2560 ณ มหาวิทยาลัยแม่โจ้  จ.เชียงใหม่ จากต้นน้ำด้วยศาสตร์ของพระราชา ถึงกลางน้ำแม่โจ้รับสนองงานต่อยอด สู่ปลายน้ำส่งเสริมพัฒนาสร้างอาชีพความยั่งยืนให้เกษตรกร  มหาวิทยาลัยแม่โจ้ขอประกาศเจตนารมณ์อันมุ่งมั่น สืบสานพระราชปณิธาน ตามรอยพ่อ “กษัตริย์เกษตร” เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อภาคการเกษตรไทยอย่างยั่งยืนต่อไป

**********************
ส.ปชส.เชียงใหม่-ข่าว/ภาพ

วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2560

ข่าว ; อัลไพน์กอล์ฟรีสอร์ทปลื้ม ฟุตบอลทั้งไทยและเทศมาเก็บตัวฝึกซ้อมหลายทีม


นางสาวนวิยา เสนาทิศ ฝ่ายสื่อสารการตลาด อัลไพน์กอล์ฟ รีสอร์ท เชียงใหม่ แจ้งว่า ในช่วงที่สโมสรฟุตบอลซึ่งเป็นสมาชิกในลีกการแข่งขันของแต่ละประเทศปิดฤดูกาลนี้ ที่ Alpine Football Camp Training  คือสนามฟุตบอล อัลไพน์ กอล์ฟ รีสอร์ท เชียงใหม่ ได้รับความสนใจจากสโมสรฟุตบอลชั้นนำ เดินทางมาเก็บตัวฝึกซ้อมและจัดการแข่งขันอุ่นเครื่องรวมทั้งจัดกิจกรรมสาธารณประโยชน์กับชุมชนพื้นที่ใกล้เคียงหลายทีม เริ่มต้น ปี 2560 ตลอดเดือนมกราคมนี้ ได้มีทีมฟุตบอลเดินทางมาเก็บตัว จำนวน 5 ทีมได้แก่
- ทีม Jeju United  ทีมจาก K-League ประเทศเกาหลีใต้ เก็บตัวเป็นเวลา 22 วัน ระหว่างวันที่ 3-24 มกราคม 2560
- ทีม Bangkok United ทีมจากไทยพรีเมียร์ลีก เก็บตัวเป็นเวลา 12 วัน ระหว่างวันที่ 3-24 มกราคม 2560
- ทีม Suphanburi FC  ทีมจากไทยพรีเมียร์ลีก เก็บตัวเป็นเวลา 9 วัน ระหว่างวันที่ 14-22 มกราคม 2560
- ทีม Chiangrai United  ทีมจากไทยพรีเมียร์ลีก เก็บตัวเป็นเวลา 11 วัน ระหว่างวันที่ 22 มกราคม - 1 กุมภาพันธฺ 2560
- ทีม Nagoya Grampus Eight ทีมจาก J-League ประเทศญี่ปุ่น เก็บตัวเป็นเวลา 8 วัน ระหว่างวันที่ 24-31 มกราคม 2560 และที่สำคัญ ในวันที่ 28 มกราคม 2560 ทีม Nagoya Grampus Eight ได้จัดกิจกรรม Football Clinic เป็นการแนะนำพื้นฐานและเทคนิคการเล่นฟุตบอลให้แก่เยาวชนในพื้นที่ จำนวน 200 คนอีกด้วย

ทั้งนี้ ในระหว่างที่ทำการเก็บตัวฝึกซ้อมที่สนามฟุตบอล อัลไพน์ กอล์ฟ รีสอร์ท ครั้งนี้ บรรดาทีมที่เดินทางมาเก็บตัวในเวลาเดียวกัน ยังได้จัดการแข่งขันกันเองเป็นแมทช์พิเศษ เพื่อทดสอบฝีเท้า เทคนิค แทคติค รวมทั้งความพร้อมของทีมและนักฟุตบอลภายในทีมอีกด้วย ซึ่งแฟนฟุตบอลสามารถติดตามความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Fanpage : Alpine Football Camp Training

**********************

ข่าว ; เชียงใหม่เตรียมเนรมิตหนองบวกหาดเป็นสวนทิวลิป รับงานไม้ดอกไม้ประดับ


จังหวัดเชียงใหม่เตรียมปรับแต่งสวนสาธารณะหนองบวกหาดครั้งใหญ่ เพื่อใช้เป็นสถานที่จัดงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับจังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ 41 ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2560 โดยเนรมิตให้เป็นดงดอกทิวลิปที่สวยงามอลังการ พร้อมจัดแสดงนิทรรศการสวนไม้ดอกไม้ประดับ “ใต้ร่มพระบารมี 70 ปีแห่งการครองราชย์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร” อย่างสมพระเกียรติ

นายพิเชฐ พิศุทธกุล รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด รักษาราชการแทนนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงใหม่ เทศบาลนครเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดร่วมกันจัดงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ จังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ 41 ระหว่างวันที่ 3 - 5 กุมภาพันธ์ 2560 ณ สวนสาธารณะหนองบวกหาด อำเภอเมืองเชียงใหม่ เพื่อเชิดชูและคงไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงามของจังหวัดเชียงใหม่ ให้เป็นที่ยอมรับในระดับประเทศและนานาชาติ แสดงออกถึงความงดงามตระการตาของดอกไม้นานาพันธุ์ สมกับที่จังหวัดเชียงใหม่ได้ชื่อว่าเป็น เมืองดอกไม้บานสะพรั่งตลอดทั้งปี ซึ่งจะส่งผลดีต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่

รักษาราชการแทนนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่กล่าวว่า งานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจัดต่อเนื่องมาเป็น ครั้งที่ 41  โดยได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวชมเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกิจกรรมที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากคือ การจัดประกวดขบวนรถบุปผชาติดอกไม้สด จากหน่วยงานและองค์กรต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ โดยปีนี้กำหนดจัดในวันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2560 จากเชิงสะพานนวรัฐ หน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ไปยังประตูท่าแพ และนำไปจอดให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมและบันทึกภาพ ที่สวนสาธารณะหนองบวกหาด รวมทั้ง การจัดประกวดนางงามบุปผชาติและนางงามบุปผชาตินานาชาติ ซึ่งในแต่ละปีก็ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมากเช่นกัน

"เพื่อสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวชม งานมหกรรมไม้ดอกได้ประดับจังหวัดเชียงใหม่ในปีนี้ จังหวัดเชียงใหม่ โดยนายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานหลายภาคส่วน จัดงานให้มีความยิ่งใหญ่อลังการ โดยเฉพาะในส่วนการจัดแสดงนิทรรศการสวนไม้ดอกไม้ประดับ ภายใต้แนวคิด “ใต้ร่มพระบารมี 70 ปี แห่งการครองราชย์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร”  ที่สวนสาธารณะหนองบวกหาด อำเภอเมืองเชียงใหม่ เพื่อให้สมพระเกียรติในปีนี้ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่จะนำดอกทิวลิป กว่า 2 หมื่นต้น มาจัดแสดงระหว่างการจัดงาน ร่วมกับพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับอื่นๆ ของจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้บันทึกภาพบรรยากาศที่สวยงาม" นายพิเชฐกล่าว

นายพิเชฐ กล่าวในตอนท้ายว่า งานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับจังหวัดเชียงใหม่ เป็นงานสำคัญประจำปีที่บรรจุในปฏิทินการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ ดังนั้น หน่วยงานทุกภาคส่วนจึงให้ความสำคัญต่อการจัดงานในนี้  เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ออกไปสู่สายตาของผู้คนทั่วโลก และเชื่อว่าประชาชนชาวเชียงใหม่ทุกคนก็พร้อมที่จะเป็นเจ้าของบ้านที่ดี ร่วมกันต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนด้วยความอบอุ่น เพื่อให้นักท่องเที่ยวเกิดความประทับใจ ซึ่งนอกจากจะเดินทางมาท่องเที่ยวยังจังหวัดเชียงใหม่ในครั้งต่อไปแล้ว ยังจะช่วยประชาสัมพันธ์ปากต่อปากเพื่อเชิญชวนญาติมิตรเดินทางมาท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

*******************
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่-ข่าว/ภาพ

ข่าว ; เชียงใหม่จัดรณรงค์สัญลักษณ์โภชนาการ “ทางเลือกสุขภาพ ทางเลี่ยงโรคเรื้อรัง”


สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ และภาคีเครือข่ายซึ่งประกอบด้วย เทศบาลนครเชียงใหม่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข และสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมรณรงค์สัญลักษณ์โภชนาการ “ทางเลือกสุขภาพ ทางเลี่ยงโรคเรื้อรัง” ในวันที่ 26 มกราคม 2560 ณ ห้างสรรพสินค้า Central Festival ชั้น 3 โซน Education Hall ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ โดยมีกิจกรรมด้านการให้ความรู้เรื่องสัญลักษณ์โภชนาการ “ทางเลือกสุขภาพ ทางเลี่ยงโรคเรื้อรัง” บูธนิทรรศการ การฝึกใช้ชุดทดสอบสารปนเปื้อนด้านเคมีในอาหาร การเรียนรู้เรื่องฉลาก หวาน  มัน เค็ม กิจกรรมการตรวจสุขภาพเบื้องต้น และการตรวจหาสารเคมีตกค้างในกระแสเลือด เป็นต้น
นางชลลิสา จริยาเลิศศักดิ์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง NCDs ( Non-Communicable diseases) เป็นปัญหาที่เป็นภัยคุกคามในประชากรไทยเพิ่มมากขึ้น แต่เป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจและหลอดเลือด เป็นต้น ซึ่งเป็นปัญหาที่ก่อความเดือดร้อนกับผู้ป่วยและครอบครัว และยังมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจด้านค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลโดยรวมของประเทศอีกด้วย ปัจจัยเบื้องต้นของความเสี่ยงส่วนใหญ่มาจากพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสม การกินอาหารที่ หวาน มัน เค็ม มากเกินไป ที่ทำให้ส่งผลร้ายตามมามากมาย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับคณะกรรมการอาหารแห่งชาติ และสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล จึงได้จัดทำโครงการสัญลักษณ์โภชนาการ “ทางเลือกสุขภาพ” เพื่อเป็นเครื่องมือและเป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภค ในการเลือกซื้อ เลือกบริโภคอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสมต่อสุขภาพ อีกทั้งเพื่อส่งเสริมให้ผู้ผลิตอาหาร พัฒนาสูตรการผลิตอาหารที่มีคุณค่าต่อสุขภาพมากยิ่งขึ้น และจากการเล็งเห็นความสำคัญดังกล่าว จึงได้จัดกิจกรรมรณรงค์ประชาสัมพันธ์ในส่วนภูมิภาค ณ จังหวัดเชียงใหม่ ในครั้งนี้

รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่กล่าวในตอนท้ายว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่และเครือข่ายดูแลด้านสุขภาพ มีความปรารถนาให้ประชาชนชาวเชียงใหม่ได้ดูแลรักษาสุขภาพ โดยรู้จักเลือกซื้อ เลือกบริโภคอาหารที่เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง NCDs ( Non-Communicable diseases) และมีสุขภาพแข็งแรง มีชีวิตที่ปลอดภัย ปลอดโรค ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดูแลเฝ้าระวังความปลอดภัยด้านอาหาร และสุขภาพอย่างต่อเนื่องตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

*******************
ประชาสัมพันธ์ สสจ.เชียงใหม่-ข่าว/ภาพ

ภาพข่าว ; สวัสดีปีใหม่ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดเชียงใหม่


นายสวัสดิ์ ศรีสุวรรณดี ประธานผู้ประนีประนอมประจำศาลจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยคณะ ร่วมกันสวัสดีปีใหม่ 2560 นายสุรพร ชลสาคร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดเชียงใหม่ ณ ห้องพักรับรองศาลจังหวัดเชียงใหม่

*******************

TV Online ; เอกะ อะโกร จัดงานแสดงสายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับประจำปี AGA Flower Trial 2017

          บริษัท เอกะ อะโกร จำกัด จัดงานแสดงสายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับประจำปี AGA Flower Trial 2017 ที่แปลงสาธิต หมู่ที่ 8 ตำบลขี้เหล็ก อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 25-31 มกราคม 2560 ภายในงานมีกิจกรรมอย่างหลากหลาย



Link TV Online
หรือที่ลิงค์ด้านล่าง

*******************

วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2560

ข่าว ; พุทธบริษัทนับหมื่นร่วมขบวนเชิญศพ “พระเทพวิสุทธิคุณ”


ตามที่ได้มีกำหนดพิธีพระราชทานเพลิงศพ พระเทพวิสุทธิคุณ (กุศล คันธวโร) อายุ 91 พรรษา 70 อดีตเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ และเจ้าอาวาสวัดบุพพาราม อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งกำหนดขึ้นระหว่างวันที่ 24-29 มกรมคม 2560 โดยวันที่ 24 มกราคม มีพิธีถวายทานปราสาทนกหัสดีลิงค์ ซึ่งมีพระราชโพธิวรคุณ เจ้าคณะอำเภอดอยสะเก็ด เป็นเจ้าภาพมูลค่าประมาณ 4 แสนบาท จากนั้น เวลา 12.30 น. ของวันที่ 25 มกราคม 2560 พุทธบริษัทประกอบด้วย คณะสงฆ์ ศรัทธาประชาชน ศิษยานุศิษย์ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ จัดพิธีเชิญศพจากวัดบุพพารามไปยังวัดสวนดอก พระอารามหลวง เป็นขบวนแห่อย่างยิ่งใหญ่ ท่ามกลางประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ได้ชมริ้วขบวนยาวเหยียดนับหมื่นคน ผ่านถนนท่าแพ ประตูท่าแพ ถนนคชสาร ถนนราชเชียงแสน ถนนช่างหล่อ เข้าสู่ถนนบุญเรืองฤทธิ์ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสุเทพ จนถึงวัดสวนดอก โดยใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง

ในขณะที่คณะศิษย์และศรัทธาประชาชนได้แต่งชุดดำ ชุดขาว เข้าร่วมขบวน โดยมีการจัดขบวนชุดล้านนา ชุดไทยจักรี ชุดทหารโบราณ เชิญดอกไม้ธูปเทียน ต้นผึ้ง ต้นดอก อัฐบริขาร และรูปนักษัตรปีเกิดของพระเทพวิสุทธิคุณออกจากประตูวัด ผ่านถนนท่าแพ ถนนคชสาร จนถึงวัดสวนดอก ซึ่งตลอดเส้นทางมีศรัทธาในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ได้ตั้งโต๊ะถวายสักการะ พร้อมโปรยข้าวตอกดอกไม้และนำน้ำดื่มมาแจกจ่ายให้กับผู้ร่วมขบวน โดยในขบวนนำมีพระเทพสิงหวราจารย์ รองเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าอาวาสวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร นั่งบนธรรมาสน์แสดงเทศนาธรรมตลอดทาง และพระราชรัชมุนี เจ้าคณะอำเภอเมือง นำพระสงฆ์สามเณรเดินเชิญศพ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในงานบำเพ็ญกุศลพระราชทานเพลิงศพพระเทพวิสุทธิคุณครั้งนี้ พระพรหมมงคล วิ.(หลวงปู่ทอง สิริมังคโล) ได้ถวายปัจจัย 500,000 บาท พร้อมไตรจีวร พระราชโพธิวรคุณ ถวายปัจจัย 4 แสนบาทเศษ ผ่านพระเทพโกศล พระเทพปริยัติ และพระเทพสิงหวราจารย์ เพื่อทำบุญงานศพโดยมีพระเถระ พระสังฆาธิการ ศิษยานุศิษย์ พุทธศาสนิกชน ร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก ในตอนค่ำวันเดียวกัน พระพรหมเสนาบดี เจ้าคณะภาค 7 เป็นองค์เทศน์กัณฆ์บูชาคาถา  ซึ่งพระมหาดวงรัตน์ ฐิตรตโน เจ้าอาวาสวัดบุพพาราม แจ้งว่าทุกวันก่อนเพลและตอนค่ำมีพิธีเทศนาธรรมและสวดพระอภิธรรม ณ พระวิหารหลวงวัดสวนดอก ถึงวันที่ 27 มกราคม 2560 สำหรับวันเสาร์ที่ 28 มกราคม 2560 เวลา 15.00 น. ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จะเดินทางมาเป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ และเช้าวันที่ 29 มกราคม 2560 จะมีพิธีเก็บอัฐิไปทำบุญ ณ วัดบุพพารามต่อไป

**********************
บุญญฤทธิ์ ตุลาพันธ์พงศ์-ข่าว/ภาพ

ข่าว ; กงสุลใหญ่ยืนยันความสำเร็จในปีที่ผ่านมา พร้อมสานต่อให้ขยายขึ้นในปีต่อไป

เมื่อค่ำวันที่ 24 มกราคม 2560 เวลา 18.30 น. ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติ ดิเอ็มเพรส จังหวัดเชียงใหม่ สถานกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำเชียงใหม่ ได้จัดงานเทศกาลตรุษจีนประจำปี 2017 และ เลี้ยงต้อนรับกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่ นายเหริน ยี่เซิง ซึ่งเดินทางมารับตำแหน่งเมื่อเดือนตุลาคม 2559 โดยมี นายกฤษณ์ ธนาวณิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายอาโป ทักษิณกำเนิด นายกสมาคมนักธุรกิจไทยจีน เชียงใหม่ พร้อมด้วยกงสุลใหญ่ กงสุล และกงสุลกิตติมศักดิ์ประเทศต่างๆ พร้อมด้วยชาวจีนโพ้นทะเล และแขกผู้มีเกียรติในพื้นที่ภาคเหนือร่วมงานเป็นจำนวนมาก

นายเหริน ยี่เซิง กงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่ กล่าวปราศรับในพิธีเปิดงานว่า ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าก็จะเป็นเทศกาลตรุษจีน ซึ่งจะมีการเปลี่ยนผ่านจากปีวอกไปสู่ปีระกาที่จะมาถึง โดยในภาษาจีน คำว่า “ไก่” เรียกว่า “จี” ซึ่งออกเสียงคล้ายกับคำว่า “จี๋” ซึ่งหมายถึงความเป็นสิริมงคล ดังนั้นไก่จึงกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นสิริมงคลใวัฒนธรรมจีน ในนามสถานกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่ จึงขอฝากความปรารถนาดีไปยังแขกผู้มีเกียรติ ณ ที่นี้ ตลอดจนชาวจีนโพ้นทะเล ชาวไทยเชื้อสายจีน ผู้บริหารและพนักงานวิสาหกิจจีน นักเรียนนักศึกษาจีน และมิตรทั้งหลายในจังหวัดภาคเหนือของไทย ขออวยพรให้มีสุขภาพแข็งแรง ครอบครัวมีความสุข สมความปรารถนาทุกสิ่ง และมีความเป็นสิริมงคลในปีระกาที่กำลังจะมาถึงนี้

กงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่กล่าวว่า ในปี 2016 ภายใต้การนำของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนที่มี ฯพณฯ สี จิ้นผิง เป็นแกนนำ ประเทศจีนประสบความสำเร็จในปีแรกของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะ 5 ปี ฉบับที่ 13 การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมได้ก้าวเข้าสู่มิติใหม่ เศรษฐกิจจีนได้เติบโต 6.7% ในปี 2016 ซึ่งมีส่วนช่วยการเติบโตของเศรษฐกิจโลกสูงถึง 33% ในปีที่ผ่านมารัฐบาลจีนได้ออกนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ประชากรกว่า 10 ล้านคนได้พ้นจากความยากจน และจีนยังได้ผลักดันการปกครองประเทศด้วยกฎหมายอย่างรอบด้าน อีกทั้งยังมีการบริหารพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนอย่างเข้มงวด ตลอดจนการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างแน่วแน่
กงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2016 การดำเนินงานด้านการทูตของจีนเป็นที่จับตามองของทั่วโลก ซึ่งก็ได้แสดงบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในการพิทักษ์สันติภาพและส่งเสริมการพัฒนาของโลก จีนได้จัดการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศ G-20 และการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ 1 ได้อย่างประสบความสำเร็จ ซึ่งก็ได้แบ่งปันภูมิปัญญาและแนวทางแก้ปัญหาให้กับทั่วโลก นอกจากนี้การสร้างสรรค์ตามนโยบาย “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ได้ถูกผลักดันสู่การปฏิบัติอย่างรวดเร็ว และได้มีการก่อตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย หรือ AIIB ขึ้นอย่างเป็นทางการอีกด้วย

นายเหริน ยี่เซิง ยังกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับไทยว่าได้พัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และในปี 2016 นี้ รัฐบาลและประชาชนชาวจีนรู้สึกเศร้าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง กับการเสด็จสวรรคตขอพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และขออวยพรให้ประเทศไทย ซึ่งมีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิรลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เป็นประมุข จงประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่อย่างต่อเนื่อง ในปีที่ผ่านมาความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมในทุกด้านระหว่างจีนและไทยได้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น ประเทศจีนเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของตลาดการนำเข้าและส่งออกใหญ่ที่สุด และเป็นแหล่งของนักท่องเที่ยวและนักเรียนนักศึกษาใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ในขณะเดียวกันในกลุ่มประเทศอาเซียน ประเทศไทยเป็นคู่ค้าอันดับ 4 ของประเทศจีน

“ในส่วนภาคเหนือของไทยและจีน ซึ่งมีภูมิประเทศใกล้ชิดกัน และยังมีความคล้ายคลึงกันทางวัฒนธรรมนั้น ในปีที่ผ่านมาได้มีความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่ายปรากฏอย่างเป็นรูปธรรมหลายด้าน อาทิ การเป็นเมืองพี่เมืองน้อง การค้า การท่องเที่ยว ตลอดจนการศึกษาและวัฒนธรรม โดยในปี 2016 มีนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวประเทศไทย 10 ล้านคน ในจำนวนนี้มาเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ประมาณ 1.4 ล้านคน ปัจจุบันจังหวัดเชียงใหม่ได้เปิดเที่ยวบินตรงกับเมืองต่างๆ ของจีนทั้งหมด 12 เส้นทางบิน นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาในประเทศไทยผ่านท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่กว่าวันละ 4,000 คน นักเรียนนักศึกษาจีนในประเทศไทยขณะนี้มีกว่า 30,000 คน โดยอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือกว่า 6,000 คน” กงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่กล่าว และว่า ระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ได้เดินทางไปเยือน 6 ใน 12 จังหวัดที่อยู่ในเขตรับผิดชอบ โดยได้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับหน่วยงานต่างๆ ชาวไทยเชื้อสายจีนและชาวจีนโพ้นทะเลในภาคเหนือซึ่งมีกว่า 2 ล้านคน พบว่าส่วนใหญ่ประสบความสำเร็จในกิจการที่ทำ อีกทั้งมีความพยายามเข้าสู่สังคมท้องถิ่น เอาใจใส่การพัฒนาสมาคมจีน ให้ความสำคัญต่อการเรียนการสอนภาษาจีน และสนับสนุนการพัฒนาของประเทศภูมิลำเนา ซึ่งนับว่าเป็นที่น่ายินดีเป็นอย่างมาก

ประชาชนชาวจีนเชื่อมั่นว่า ในปี 2017 จะมีการประชุมสมัชชาผู้แทนของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน ครั้งที่ 19 ในครึ่งปีหลังนี้ ซึ่งเป็นการประชุมที่มีนัยสำคัญตามเป้าหมายในการสร้างสังคมพอมีพอกินอย่างทั่วถึงตามที่วางไว้ ซึ่งชาวจีนจะใช้ความพยายามอย่างสุดความสามารถและร่วมกันแบกรับภารกิจของยุคสมัยนี้ เพื่อบรรลุเป้าหมายการสร้างสังคมพอมีพอกินอย่างทั่วถึง และฟื้นฟูความยิ่งใหญ่ของประชาชาติจีน และในปีใหม่นี้ สถานกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนจะยืนหยัดยึดมั่นในหลักการ ถือคนเป็นหลักและการทูตเพื่อประชาชน อำนวยความสะดวกและให้บริการประชาชนทั้งชาวไทยและชาวจีนที่เดินทางไปมาหาสู่กัน พร้อมจับเอาโอกาสจากโครงการ หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง เพื่อมาส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือในทุกด้านระหว่างภาคเหนือของประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีนให้ประสบความสำเร็จ สร้างความสุขและความพึงพอใจแก่ประชาชนในพื้นที่อย่างทั่วถึง กงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่กล่าวในที่สุด

**********************

ข่าว ; อุทยานหลวงราชพฤกษ์จัดสมนาคุณลุ้นบินฟรีในเทศกาลตรุษจีน


อุทยานหลวงราชพฤกษ์จัดสมนาคุณพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยว โดยตรุษจีนผู้ที่เข้าไปเที่ยวในอุทยานหลวงราชพฤกษ์ นอกจากจะได้ไหว้พระโพธิสัตว์กวนอิม ขอพร คุ้มครองปกปักรักษา และรับโชคในวันปีใหม่จีนแล้ว ยังมีสิทธิ์ลุ้นรับตั๋วเครื่องบินไทยสมายล์ฟรี 5 รางวัลอีกด้วย

อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ เชิญชวนนักท่องเที่ยวร่วมสัมผัสบรรยากาศตรุษจีน สักการะพระโพธิสัตว์กวนอิมผู้เปี่ยมล้นด้วยมหาเมตตา คุ้มครองปกปักรักษาทั้งเรื่องโชคลาภ เงินทอง ณ ลานกิจกรรมวัฒนธรรมใกล้สวนประเทศจีน พร้อมลุ้นรับตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ จากสายการบินไทยสมายล์ฟรี จำนวน 5 รางวัล ในวันเสาร์ที่ 28 มกราคม 2560 ตั้งแต่เวลา 09.00 - 17.00 น. ณ สวนประเทศจีน

นอกจากนี้ ผู้เข้าไปเที่ยวอุทยานหลวงราชพฤกษ์ทุกคนยังจะได้ร่วมเรียนรู้ เดินตามงานของพ่อ ชมนิทรรศการ 7 ทศวรรษกษัตริย์นักพัฒนา นิทรรศการดิน น้ำ ป่า ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พร้อมชมไม้ดอกเมืองหนาวนานาพรรณจากมูลนิธิโครงการหลวง และโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง ตระการตากับกล้วยไม้บานสะพรั่งนับหมื่นต้น ยลโฉมไม้ดอกเมืองหนาวโดดเด่นจากดอยสูงในเรือนไม้ดอกควบคุมอุณหภูมิ อุโมงค์ไม้ดอกสุดแสนโรแมนติกยาวกว่า 70 เมตร ชมสวนแห่งสีสันกับการผสมผสานของดอกไม้หลากหลายสีที่สวนพรมบุปผา รวมทั้งอิ่มบุญ สุขใจ กับเส้นทางสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคล และอื่นๆอีกมากราย ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมทางโทรศัพท์ได้ที่ 053-114110-5

**********************
ปชส.อุทยานหลวงราชพฤกษ์-ข่าว/ภาพ

ข่าว ; จังหวัดเชียงใหม่เตรียมจัดงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ ครั้งที่ 41


จังหวัดเชียงใหม่ แถลงความพร้อมในการเตรียมการจัดงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ ครั้งที่  41 ซึ่งมีกำหนดจัดระหว่างวันที่ 3-5 กุมภาพันธ์ 2560 ณ บริเวณเชิงสะพานนวรัฐ และสวนสาธารณะหนองบวกหาด มีกิจกรรมอย่างหลากหลายให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ชมมากมาย

ที่ห้องประชุม 4 ชั้น 4 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่  นายมนัส ขันใส ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ แถลงว่า จังหวัดเชียงใหม่ได้เตรียมการจัดงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ จังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ 41 ระหว่างวันที่ 3-5 กุมภาพันธ์ 2560 ณ บริเวณเชิงสะพานนวรัฐ และสวนสาธารณะหนองบวกหาด โดยได้ร่วมกับองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน พร้อมใจกันจัดงานให้ยิ่งใหญ่ สวยงาม ตระการตา โดยจะมีพิธีเปิดงานในวันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา 19.00 น. ณ สวนสาธารณะหนองบวกหาด และในเช้าวันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา 08.00 น. ที่บริเวณเชิงสะพานนวรัฐ จะมีพิธีปล่อยขบวนรถบุปผชาติเคลื่อนขบวนไปจนถึงสวนสาธารณะหนองบวกหาด ซึ่งขบวนรถบุปผชาติจะมีจำนวน 25 ขบวน พร้อมจอดไว้ที่สวนสาธารณะหนองบวกหาดเพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ชื่นชมความงดงามตลอดการจัดงาน

สำหรับการจัดงานในปีนี้อยู่ภายใต้แนวคิด "ดอกไม้สะพรั่งงาม เทิดนามองค์ภูมิพล" ภายในงานยังได้จัดนิทรรศการ  การประกวดไม้ดอกไม้ประดับและการจัดสวน การจัดนิทรรศการ และการสาธิตผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP)  การประกวดนางงามบุปผชาติเชียงใหม่และนางงามบุปผชาตินานาชาติ  การแสดงดนตรีในสวน (Orchestra) บทเพลงพระราชนิพนธ์ของสถาบันการศึกษาให้ชมทุกวัน ณ สวนสาธารณะหนองบวกหาด นอกจากนี้ ในช่วงการจัดงาน จังหวัดเชียงใหม่จะได้ตกแต่งเมืองด้วยไม้ดอก ไม้ประดับ และการแสดงโคมแขวนดอกไม้ประดับ ตามต้นไม้รอบคูเมือง และกิจกรรมที่จังหวัดจัดเพิ่มเติมเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมในงานปีนี้ คือการแสดงการจัดแสดง Light&Sound water hologram หรือ 3D Projection Mapping และการจัดแสดงนิทรรศการสวนไม้ดอกไม้ประดับ ที่สวนสาธารณะหนองบวกหาด  ภายใต้แนวคิด  “ใต้ร่มพระบารมี 70 ปีแห่งการของราชย์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสู่สวรรคลัย ผองพสกนิกรชาวไทยน้อมรำลึกในพระมหากรุณาที่คุณตราบนิจนิรันดร์” เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร  ในโอกาสขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 10 ด้วย

และในปีนี้องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ได้สนับสนุนการจัดงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ ประกอบด้วยการจัดประกวดนางงามบุปผชาติและนางงามชาตินานาชาติ ประจำปี 2560 โดยเริ่มรับสมัครตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2560 ทั้งนี้การประกวดดังกล่าวจะจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 3 มกราคม 2560 ณ เวทีกลาง สวนสาธารณะหนองบวกหาด โดยกำหนดการประกวดออกเป็น 2 ประเภทคือ การประกวด Miss Flower Bloom International Beauty Contest, Chiang Mai 2017 (นางงามบุปผชาตินานาชาติ) รางวัลชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้รับรางวัลเงินสด 10,000 บาท รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 จำนวน 7,000 บาท และรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 จำนวน 5,000 บาท และตำแหน่ง  Miss Favorite of Tourist จำนวน 5,000 บาท ประเภทที่ 2 การประกวดนางงามบุปผชาติจังหวัดเชียงใหม่ รางวัลชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้รับรางวัลเงินสด 30,000 บาท พร้อมมงกุฎ รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 จำนวน 20,000 บาท รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 จำนวน 15,000 บาท และตำแหน่งขวัญใจสื่อมวลชน จำนวน 10,000 บาท

ปลัดจังหวัดเชียงใหม่กล่าวในตอนท้ายว่า จังหวัดเชียงใหม่ เป็นดินแดนที่มีความอุดมสมบูรณ์  เป็นเมืองแห่งดอกไม้บานตลอดปี มีสภาพภูมิประเทศตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา ดอกไม้และแมกไม้นานาพันธุ์ที่สวยงามตามธรรมชาติ มีวัฒนธรรมประเพณีเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อม ทำให้สภาพความเป็นเมืองที่สวยงามมากด้วยวัฒนธรรมที่ดีงามถูกบดบังและทดแทนด้วยวัตถุนิยมจนน่าวิตก ชาวเชียงใหม่จึงเริ่มตระหนักต่อสภาพการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว รวมถึงปัญหาที่อาจจะตามมา จึงเกิดการรวมตัวและสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์การเป็นดินแดนเอื้องเหนือนาม  "นพบุรี ศรีนครพิงค์"  เป็น  "เมืองแห่งดอกไม้บานตลอดปี"  ให้คงอยู่ตลอดไป จึงได้รวมตัวกันจัดตั้งสมาคมกล้วยไม้เชียงใหม่ในพระราชินูปถัมภ์ ชมรมไม้ดอกไม้ประดับเชียงใหม่ขึ้น และได้มีการจัดงาน "สัปดาห์ไม้ดอกไม้ประดับเชียงใหม่ ครั้งที่ 1" ขึ้นเมื่อวันที่ 6 -12 กุมภาพันธ์ 2520 เป็นสิ่งที่ประทับอยู่ในความทรงจำ สร้างความปลื้มปิติยินดีของชาวเชียงใหม่ตลอดมา คือการที่ชาวเชียงใหม่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์  เสด็จทรงเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดงาน ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2520 และต่อมาในปี พ.ศ. 2530 จังหวัดเชียงใหม่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯมาทรงเป็นองค์ประธานพิธีเปิดงานการประกวดรถบุปผชาติและนางงามบุปผชาติ ในวันเสาร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2530 ณ บริเวณเชิงสะพานนวรัฐ และทรงทอดพระเนตรการแสดงนิทรรศการไม้ดอกไม้ประดับ ณ สวนสาธารณะหนองบวกหาดอีกด้วย

**********************
ส.ปชส.เชียงใหม่-ข่าว/ภาพ

วันจันทร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2560

ภาพข่าว ; ประชุมคณะกรรมการสมาคมนักศึกษาเก่าคณะศึกษาศาสตร์ มช.ชุดใหม่


ผศ.อาคม ตันตระกูล นายกสมาคมนักศึกษาเก่าคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสมาคมนักศึกษาเก่าคณะศึกษาศาสตร์ มช.ชุดใหม่ เพื่อมอบนโยบายและมอบหมายการทำแผนงานบริหารทั้งระยะสั้นและระยะยาว ให้สอดคล้องกับเป้าหมายและวัตุประสงค์ของสมาคมที่ได้กำหนดไว้ ณ ห้องประชุมสมาคมฯ อาคาร 1 คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

*******************

ข่าว ; สวนสัตว์เชียงใหม่ร่วมฉลองตรุษจีนโดยการให้เด็กเข้าชมคู่รักแพนด้าฟรี


นายนิพนธ์ วิชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ แจ้งว่า ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ประจำปี 2560 นี้ ทางสวนสัตว์เชียงใหม่เตรียมร่วมฉลองตรุษจีนโดยการมอบของขวัญให้กับเด็กและเยาวชนที่เข้าไปเที่ยวชมสวนสัตว์เชียงใหม่ ในวันที่ 28 และ 29 มกราคม 2560 นี้ ซึ่งตรงกับช่วงเทศกาลตรุษจีน สวนสัตว์เชียงใหม่จะเปิดให้เด็กที่มีส่วนสูงไม่เกิน  135 เซนติเมตร เข้าชมความน่ารักของคู่รักหมีแพนด้า “ช่วงช่วง” และ “หลินฮุ่ย” ทูตสันถวไมตรีไทย-จีน ได้โดยไม่ต้องเสียค่าเข้าชม ขณะที่ทางเชียงใหม่ซู อควาเรียม ก็จะลดค่าบัตรผ่านประตูสำหรับเด็ก จากราคาคนละ 180 บาท เหลือเพียง 110 บาท เท่านั้น ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมทางโทรศัพท์ได้ที่ 053-221179 หรือดูรายละเอียดทางเว็บไซต์ www.chiangmaizoo.com

*******************

ข่าว ; สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ พระราชทานปริญญา มช. ครั้งที่ 51


สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์พระราชทานปริญญาบัตร  แก่ผู้สำเร็จการศึกษาของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ครั้งที่ 51 ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ วันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2560 ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ พระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรครั้งที่ 51 ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2560 ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แบ่งออกเป็นภาคเช้าและภาคบ่าย โดยภาคเช้าเวลาประมาณ 08.30 น. และภาคบ่ายเวลาประมาณ 13.00 น. ซึ่งในปีนี้มีผู้สำเร็จการศึกษาเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร จำนวนทั้งสิ้น 7,270 คน จาก 21 คณะ  1 บัณฑิตวิทยาลัย  ในจำนวนนี้มีบัณฑิตที่ได้รับเกียรตินิยมอันดับ 1 จำนวน 611 คน เกียรตินิยมอันดับ 2 จำนวน 760 คน บัณฑิตที่ได้รับเหรียญรางวัลเรียนดีตลอดหลักสูตร เหรียญทอง จำนวน 138 คน และเหรียญเงิน จำนวน 473 คน

นอกจากนี้ สภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้อนุมัติปริญญากิตติมศักดิ์ ประจำปีการศึกษา 2559 แก่ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 9 คน  และอนุมัติแต่งตั้งศาสตราจารย์เกียรติคุณ จำนวน 4 คน โดยเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรและเกียรติบัตร จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ครั้งที่ 51  ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในครั้งนี้ ประกอบด้วย
ผู้ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์
ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.กิตติชัย  วัฒนานิกร  ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (ธรณีฟิสิกส์ประยุกต์)
นายชูชาติ  เพ็ชรอำไพ  ปริญญาเศรษฐศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์
รองศาสตราจารย์ ดร.ทัศนา  บุญทอง  ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (พยาบาลศาสตร์)
นายนิธิ  สถาปิตานนท์  ปริญญาสถาปัตยกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (สถาปัตยกรรม)
ดร.เภสัชกร นิลสุวรรณ  ลีลารัศมี  ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (เภสัชศาสตร์)
ศาสตราจารย์คลินิก แพทย์หญิงบุญสม  ชัยมงคล  ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (แพทยศาสตร์)
ศาสตราจารย์เกียรติคุณสุวัฒก์  นิยมค้า  ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (การศึกษา)
ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.เดบร้า เคย์ โอลสัน (Professor Emeritus Debra Kay Olson, D.N.P., M.P.H.) ปริญญาสาธารณสุขศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์

ปริญญามหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์
นายเฉลิมชาติ  นครังกุล ปริญญาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ
ศาสตราจารย์ (เชี่ยวชาญพิเศษ) ดร.นายแพทย์สุวัฒน์  จริยาเลิศศักดิ์ สาขาวิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์
ศาสตราจารย์ หม่อมหลวง สุรสวัสดิ์  ศุขสวัสดิ์ สาขาวิชาศิลปะไทย คณะวิจิตรศิลป์
ศาสตราจารย์พงศ์เดช  ไชยคุตร สาขาวิชาศิลปะภาพพิมพ์ คณะวิจิตรศิลป์
ศาสตราจารย์รสลิน  กาสต์ สาขาวิชาศิลปะภาพพิมพ์ คณะวิจิตรศิลป์

ภายหลังงานพิธีพระราชทานปริญญาบัตร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โปรดเกล้าฯ ให้คณะบุคคลเข้าเฝ้าทูลเกล้าฯ ถวายเงิน จำนวน 2 ราย  ถวายพระพุทธรูป จำนวน 1 ราย ประกอบด้วย คณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ออมทรัพย์  เข้าเฝ้าทูลละอองพระบาท ทูลเกล้าฯ ถวายเงิน จำนวน 1,000,000 (หนึ่งล้านบาทถ้วน) ผู้บริหาร คณาจารย์ และสมาคมนักศึกษาเก่าคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เข้าเฝ้าทูลละอองพระบาท ทูลเกล้าฯ ถวายเงินรายได้ส่วนหนึ่งจากการจัดการแข่งขัน “การวิ่งการกุศล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มาราธอน 2559” (Chiang Mai University Marathon 2016) จำนวน 350,000  บาท  (สามแสนห้าหมื่นบาทถ้วน)  ศาสตราจารย์ทิพวรรณ  มั่งมี อาจารย์ประจำคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่  เข้าเฝ้าทูลละอองพระบาท น้อมเกล้าฯ ถวายพระพุทธรูปเกสรดอกไม้ ขนาดหน้าตักกว้าง 23 นิ้ว สูง 35 นิ้ว ศิลปะพม่าในล้านนา เพื่อการสร้างสรรค์พระพุทธรูปปฏิมาร่วมสมัย จากนั้น เวลา 15.00 น.สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดอาคาร 45 ปี คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่  และทอดพระเนตรโครงการเฉลิมพระเกียรติ ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 ณ คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

**********************
งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่-ข่าว/ภาพ

วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2560

ข่าว ; นักกอล์ฟเยาวชนไทยเชียงใหม่ไล่บดเยาวชนจีนคุนหมิง 15-3 ครองถ้วยไรเดอร์คัพหนแรก

            นักกอล์ฟเยาวชนไทยที่เชียงใหม่ กับเยาวชนจีนจากคุนหมิง จัดทีมปะทะกันในแบบไรเดอร์คัพที่นอร์ทฮิลล์กอล์ฟคลับ เชียงใหม่ ปรากฏว่าทีมไทยเจ้าถิ่นอาศัยความได้เปรียบทั้งสภาพอากาศและสถานที่เอาชนะไปได้สบายๆ ด้วยคะแนน 15-3 ครองถ้วยไรเดอร์คัพหนแรกได้สำเร็จ
            การแข่งขันกอล์ฟเยาวชนไทย-จีน รายการ Junior Golf Ryder Cup Chiang Mai-Kunming ครั้งที่ 1 จัดขึ้น ณ สนามนอร์ทฮิลล์กอล์ฟคลับ เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 19-20 มกราคม 2560 เป็นการนำนักกีฬาเยาวชนไทยชาวเชียงใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักเรียนของโรงเรียนสอนกอล์ฟเชาวรัตน์ เชียงใหม่ (Chaowarat Golf Academy:CGA) มาทำการแข่งขันกับนักกีฬาเยาวชนของสมาคมกอล์ฟยูนนาน (Yunnan Golf Association) ที่นักกีฬาส่วนใหญ่มาจากวิทยาลัยพลศึกษาและการกีฬาอาชีพยูนนาน (Yunnan Physical science and Sports Professional College) ฝ่ายละ 18 คน โดยมี โปรโน้ตสุธี วงศาโรจน์ แห่งเชาวรัตน์ กอล์ฟ อะคาเดมี่ เป็นผู้อำนวยการแข่งขัน
            สำหรับรูปแบบการแข่งขันทั้ง 2 วันเป็นการแข่งขันแบบแมทช์เพลย์ประกบคู่ฝ่ายละ 2 คน วันละ 9 แมทช์ โดยวันแรกแข่งแบบโฟร์ซัม คือแต่ละฝ่ายใช้ลูกกอล์ฟลูกเดียวผลัดกันตี ส่วนวันที่ 2 แข่งแบบโฟร์บอล คือตีคนละลูกแต่ใช้ลูกที่คะแนนดีที่สุดเป็นคะแนนทีม ผู้ชนะแมทช์ได้ 1 คะแนน เสมอกันได้ฝ่ายละครึ่งคะแนน ส่วนฝ่ายแพ้ไม่ได้คะแนน โดยผลการแข่งขันวันแรกทีมไทยสามารถทำคะแนนนำทีมจีนไปไกลถึง 8-1 หากวันที่ 2 สามารถทำคะแนนได้ 9 คะแนนครึ่งก็จะชนะครองถ้วยของรายการได้ และทีมเด็กเชียงใหม่ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเมื่อการแข่งขันวันที่ 2 สามารถทำคะแนนชนะทีมจีนไป 7-2 รวมทั้ง 2 วัน ทีมเยาวชนไทยชนะด้วยคะแนน 15-3 ได้เป็นแชมป์ ครองถ้วยชนะเลิศ Junior Golf Ryder Cup Chiang Mai-Kunming ครั้งที่ 1 และนักกีฬาภายในทีมได้ครองเหรียญทอง ส่วนนักกีฬาทีมจีนได้รองชนะเลิศได้รับเหรียญเงิน ส่วนการแข่งขันครั้งต่อไป Junior Golf Ryder Cup Chiang Mai-Kunming ครั้งที่ 2 ยังไม่มีข้อตกลงกำหนดการแข่งขันอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าจะไปแข่งขันที่นครคุนหมิง เหมืองหลวงของมณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน
            ทั้งนี้ ผลการแข่งขันที่ทีมไทยชนะอย่างขาดลอยก็ไม่ได้เป็นตัวชี้ว่านักกีฬาไทยดีกว่านักกีฬาจีน เนื่องจากยังมีเงื่อนไขอีกหลายประการที่เป็นตัวแปรสู่การแพ้ชนะ เช่น สภาพอากาศที่ค่อนข้างร้อนสร้างปัญหาให้กับนักกีฬาจีน ทำให้ไม่สามารถแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่ การคัดเลือกนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันฝ่ายจีนต้องเลือกตามความพร้อมสำหรับการเดินทางเนื่องจากต้องออกต่างประเทศหลายวัน ทำให้นักกีฬาที่เก่งกว่าหลายคนที่ขาดความพร้อมไม่สามารถเดินทางมาร่วมแข่งขันได้ เป็นต้น
            อย่างไรก็ตาม คณะนักกีฬา ผู้ฝึกสอน รวมถึงเจ้าหน้าที่และญาติที่ติดตามชมและเชียร์การแข่งขันต่างก็มีความเห็นคล้ายกันว่า ผลการแข่งขันใครจะแพ้หรือชนะไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่ทุกคนมุ่งหวังสร้างนักกีฬาที่แข็งแกร่ง อีกทั้งเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นต่อกันระหว่างไทย-จีน ทั้งในระดับบุคคล ระดับสถาบันสอนกีฬากอล์ฟ รวมถึงระดับประเทศ และทีมงานจากมณฑลยูนนานยังแสดงความพร้อมที่จะต้อนรับนักกีฬาและเจ้าหน้าที่จากฝ่ายไทยที่จะเดินทางไปเยือนในการแข่งขันครั้งที่ 2 ต่อไป


**********************

วันศุกร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2560

ภาพข่าว ; มูลนิธิพัฒนามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้


ศาสตราจารย์คลินิก นพ.นิเวศน์ นันทจิต ประธานมูลนิธิพัฒนามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มอบเงินสนับสนุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ เบื้องต้นเป็นเงิน 250,000 บาท พร้อมทั้งร่วมกับสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ มอบถุงยังชีพฉุกเฉินให้กับผู้เดือดร้อนในพื้นที่เมื่อเร็วๆ นี้

********************

ข่าว ; ความคืบหน้าการก่อสร้างศูนย์ดูแลผู้สูงอายุระยะยาว (Long Term Care)


ตามที่มูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ดำเนินการก่อสร้างอาคาร "ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุระยะยาว" (Long Term Care) บนพื้นที่กว่า 66 ไร่ เพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุในปัจจุบันและอนาคต สามารถดูแลสุขภาพแบบครบวงจร หนุนยุทธศาสตร์ด้านการแพทย์การสาธารณสุข เศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย ซึ่ง
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้นำเงินที่ได้รับบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธาทั่วประเทศไปใช้ตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิฯในการช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ พระภิกษุสงฆ์อาพาธ ตลอดจนสนับสนุนทุนเพื่อกิจกรรมสาธารณประโยชน์ต่างๆ และในปี พ.ศ. 2557-2559  ทางคณะแพทยศาสตร์ฯ ได้จัดกิจกรรม “สวนดอกร้อยดวงใจ...เพื่อผู้สูงวัย” เพื่อระดมทุนจัดสร้างอาคารศูนย์ดูแลผู้สูงอายุระยะยาว (Long Term Care) นั้น

ศาสตราจารย์คลินิก นพ.วัฒนา นาวาเจริญ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และประธานมูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นของประชากรผู้สูงอายุส่งผลต่อนโยบายและยุทธศาสตร์ทางด้านการแพทย์การสาธารณสุข เศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้จัดสร้างอาคารศูนย์ดูแลผู้สูงอายุระยะยาว (Long Term Care) ขึ้น บนพื้นที่ 66 ไร่ บริเวณหมู่บ้านท่าใหม่อิ ต.ป่าแดด อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุแบบครบวงจร ซึ่งคณะแพทยศาสตร์ได้เตรียมความพร้อมโดยมีการเชื่อมโยงเครือข่ายการบริการระหว่างโรงพยาบาลมหาราชราชนครเชียงใหม่ ศูนย์เวชศาสตร์ผู้สูงอายุและศูนย์ดูแลผู้สูงอายุระยะยาว ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งการรักษาพยาบาล เพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุทั้งด้านร่างกาย สังคมและจิตใจ และในขณะเดียวกันยังสามารถแบ่งเบาภาระบุตรหลานของผู้สูงอายุได้ส่วนหนึ่ง ตลอดจนเป็นแหล่งค้นคว้าวิจัยเพื่อพัฒนาการดูแลผู้สูงอายุระยะยาวให้มีคุณภาพมากขึ้นอีกด้วย

สำหรับอาคารศูนย์ดูแลผู้สูงอายุระยะยาว (Long Term Care) เริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ.2558 มีพิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2558 โดยได้รับเกียรติจากศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.เกษม วัฒนชัย  องคมนตรี เป็นประธานประกอบพิธี  ปัจจุบันอาคารดังกล่าวได้สร้างโครงสร้างของตัวอาคารแล้วเสร็จกว่า 98% และอยู่ในระหว่างการวางระบบไฟฟ้าและการออกแบบภายใน โดยจัดให้มีรูปแบบเป็นอาคารขนาด 4 ชั้น จำนวน 3 อาคาร ประกอบด้วย อาคาร A อาคาร B และอาคาร C  และจัดให้มีห้องตรวจสุขภาพ ห้องกายภาพบำบัด ห้องรับประทานอาหาร ห้องสันทนาการ และห้องพัก จำนวน 64 ห้อง มีเตียงผู้ป่วยรวมทั้งหมด 128 เตียง มีพื้นที่ใช้สอยภายในอาคารประมาณ 6,055 ตารางเมตร คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน 2560 และเมื่อสร้างเสร็จแล้วจะมีศักยภาพในการรองรับผู้ป่วยสูงอายุที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หรือที่เรียกกันว่า "ผู้ป่วยติดเตียง" ซึ่งปัญหาของผู้ป่วยดังกล่าวนอกจากจะกระทบกับผู้ป่วยโดยตรงแล้ว การที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ย่อมเป็นภาระกับลูกหลานที่ต้องดูแล ซึ่งมีครอบครัวเป็นจำนวนมากที่ลูกหลานอยู่ในวัยทำงาน ไม่สะดวกที่จะดูแลผู้ป่วยด้วยตัวเองและไม่สะดวกในการที่จะต้องพาผู้สูงอายุไปรับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาล หรือคลินิคทั่วๆไปเป็นระยะๆ ซึ่งอาคารแห่งนี้จะรองรับปัญหาดังกล่าวได้เป็นอย่างดี

มูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการก่อสร้างศูนย์ดูแลผู้สูงอายุระยะยาว (Long Term Care) ด้วยการบริจาคทุนทรัพย์และครุภัณฑ์ทางการแพทย์ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ที่มูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก โทร. 0-5393-8400 โทรสาร. 053-938888  หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่งานประชาสัมพันธ์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โทร.0-5393-5672 กรณีโอนเงินผ่านธนาคาร ชื่อบัญชี มูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก ทั้งนี้ใบเสร็จรับเงินสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้
ธนาคารกรุงไทย  สาขาถนนสุเทพ  เลขที่บัญชี  521-0-52252-0
ธนาคารกรุงเทพ  สาขาคณะเทคนิคการแพทย์ ม.เชียงใหม่  เลขที่บัญชี  968-0-02053-5
ธนาคารกสิกรไทย  สาขาถนนสุเทพ  เชียงใหม่  เลขที่บัญชี 471-2-33333-8    
ธนาคารไทยพาณิชย์  สาขาคณะแพทยศาสตร์ เชียงใหม่ เลขที่บัญชี 405-9-78590-2

********************
งานประชาสัมพันธ์ คณะแพทยศาสตร์ มช.-ข่าว/ภาพ

ข่าว ; เชียงใหม่ประชุมขยายผลแก้ปัญหาปลูกฝิ่นอย่างยั่งยืน


จังหวัดเชียงใหม่ประชุมคณะกรรมการอำนวยการโครงการขยายผล เพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ปลูกฝิ่นอย่างยั่งยืนในจังหวัดเชียงใหม่ โดยใช้แนวทางของโครงการหลวงและหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในการมุ่งเสริมสร้างอาชีพที่พึ่งพาตนเองได้

นายปวิณ ชํานิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการโครงการขยายผลโครงการหลวง เพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ปลูกฝิ่นอย่างยั่งยืน พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยประชุมเป็นครั้งแรกของปี 2560 ทั้งนี้ได้ดำเนินงานภายใต้กรอบแผนแม่บทโครงการฯ ในระยะที่ 2 ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี โดยความร่วมมือของหน่วยงานร่วมบูรณาการทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น จาก 10 กระทรวง 25 กรม เพื่อขยายผลความสำเร็จของโครงการหลวง โดยใช้แนวทางของโครงการหลวงและหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในการมุ่งเสริมสร้างอาชีพและรายได้บนฐานความรู้ที่สอดคล้องกับสภาพภูมิสังคม และการลดปัญหาการปลูกฝิ่นอย่างยั่งยืน รวมทั้งเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสังคมและชุมชน โดยเฉพาะการสร้างรากฐานที่มั่นคงของประเทศด้านการป้องกันการแพร่ระบาดของฝิ่น  ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบนพื้นที่สูง

สำหรับพื้นที่ดำเนินงานมีจำนวน 11 ศูนย์ปฏิบัติการโครงการฯ คลอบคลุม 126 หย่อมบ้าน ใน 18 ตำบล 7 อำเภอ ใน 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน และตาก รวม 5,493 ครัวเรือน ประชากร 26,707 คน โดยพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ได้ดำเนินงานภายใต้ชื่อ “โครงการขยายผลโครงการหลวง เพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ปลูกฝิ่นอย่างยั่งยืน” จำนวน 9 แห่ง คือ 1.บ้านผาแดง อำเภอแม่แตง 2.บ้านฟ้าสวย อำเภอเชียงดาว 3.บ้านป่าเกี๊ยะใหม่ อำเภอเชียงดาว 4.บ้านห้วยโป่งพัฒนา อำเภอไชยปราการ 5.บ้านขุนตื่นน้อย อำเภออมก๋อย 6.บ้านแม่แฮหลวง อำเภออมก๋อย 7.บ้านแม่ระมีดหลวง อำเภออมก๋อย 8.บ้านห้วยแห้ง อำเภออมก๋อย และ 9.บ้านผีปานเหนือ อำเภออมก๋อย โดยมีการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะในการประกอบอาชีพ ทั้งการปลูกพืชหลังฤดูกาลเพาะปลูกข้าว เพื่อสร้างอาหารและรายได้ การปลูกพืชผัก ผลไม้ การผลิตการแฟอราบิก้าอย่างมีคุณภาพ ซึ่งเป็นการสร้างรายได้ให้แก่ครัวเรือน ที่นำไปสู่การพึ่งพาตนเองได้

*******************
ส.ปชส.เชียงใหม่-ข่าว/ภาพ