ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่มั่นใจน้ำอุปโภคบริโภคเพียงพอกว่าปีที่ผ่านมา แต่ขอความร่วมมือให้ประชาชนใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด และให้เกษตรกรปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย โดยขอกุญแจประตูระบายน้ำเพื่อบริหารจัดการเอง หวังป้องกันปัญหาในการแย่งน้ำ
นายเจนศักดิ์ ลิมปิติ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ เปิดเผยถึงการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำปิงตอนบนในจังหวัดเชียงใหม่ว่า ปีนี้มีปริมาณน้ำในเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล และเขื่อนแม่กวงอุดมธารา มากกว่าเมื่อปีก่อนเกือบ 3 เท่า ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภครวมทั้งเพื่อการเกษตรน่าจะมีเพียงพอ อย่างไรก็ตาม ประชาชนต้องให้ความร่วมมือโดยการใช้น้ำอย่างประหยัดตามความจำเป็น ส่วนการเกษตรควรหันมาปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย เพราะได้มีการเตรียมรับมือและวางแผนสำหรับปริมาณน้ำที่จะใช้ไปถึงเดือนกรกฎาคมที่จะเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว ในส่วนของพื้นที่นอกเขตชลประทานที่ใช้น้ำจากสถานีสูบน้ำจากแม่น้ำปิง จำเป็นที่จะต้องมีการทำความเข้าใจเกี่ยวต่อการวางแผนการเพาะปลูก เนื่องจากปริมาณน้ำในแม่น้ำปิงมีน้อย และไม่มีแผนรองรับสำหรับการเพาะปลูกในช่วงฤดูแล้ง ขณะที่การปลูกข้าวที่มีการปลูกไปแล้วในหลายพื้นที่นั้น ในเวลานี้คงไม่สามารถไปห้ามได้ แต่ต้องขอความร่วมมือ และทำความเข้าใจไม่ให้ปลูกเพิ่ม เพราะเกรงว่าจะได้รับความเสียหายเนื่องจากน้ำไม่เพียงพอ
สำหรับโครงการชลประทานเชียงใหม่ ได้วางแผนบริหารจัดการน้ำฤดูแล้งในพื้นที่ลุ่มน้ำปิงตอนบน ปี 2559/60 โดยมีแหล่งเก็บกักน้ำหลัก คือ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล ที่มีปริมาณน้ำ 177 ล้านลูกบาศก์เมตร ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2560 โดยจัดสรรน้ำให้แก่พื้นที่ลุ่มน้ำปิงตอนบน (จังหวัดเชียงใหม่ และลำพูน) ตลอดช่วงฤดูแล้งในปริมาณ 62 ล้านลูกบาศก์เมตร และได้กำหนดหลักการวางแผนบริหารจัดการน้ำ การส่งน้ำแบบขั้นบันได คือ เติมน้ำหน้าฝายแต่ละแห่งในแม่น้ำปิง จัดทำแผนการส่งน้ำแบบรอบเวร กำหนดเวลาการส่งน้ำสัปดาห์ละ 2 วัน (วันพฤหัส และวันศุกร์) และกำหนดให้เปิดคลองส่งน้ำใช้พร้อมกันในวันจันทร์ เวลา 09.00 น. และปิดคลองส่งน้ำในวันศุกร์ เวลา 18.00 น. ส่วนสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าสูบน้ำได้ทุกวันเวลา 09.00 น. ถึง 18.00 น. โดยวางแผนการส่งน้ำจากเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล ถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม 2560 (26 รอบเวร)
นอกจากนี้ ได้ขอกุญแจประตูระบายน้ำทุกฝายจากหน่วยงานและกลุ่มผู้ใช้น้ำที่ถือครอบครองอยู่ มาให้ทางชลประทานเป็นผู้ถือและบริหารจัดการน้ำเอง ซึ่งทางชลประทานจะมีหน่วยเคลื่อนที่เร็วไปปิดประตูน้ำทั้งหมด เมื่อถึงเวลาน้ำเต็ม ก็จะเปิดให้ใช้น้ำพร้อมกัน เพื่อป้องกันปัญหาในการแย่งน้ำและลักลอบดูดน้ำเข้าในพื้นที่ของตัวเองเหมือนเช่นปีที่ผ่านมา โดยมั่นใจว่าน้ำในปีนี้ ดีกว่าปีที่ผ่านมาแน่นอน โดยขณะนี้ได้ส่งหนังสือขอความร่วมมือไปยัง 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแม่วาง อำเภอดอยสะเก็ด อำเภอฮอด เพื่อแจ้งให้เตรียมความพร้อมในเขตที่นับผิดชอบดูแลในเขตที่รับผิดชอบ ซึ่งมีปริมาณน้ำในภาพรวมของทั้งอำเภอต่ำกว่าร้อยละ 30 โดยการปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยและร่วมกันใช้น้ำอย่างประหยัด
แม้ว่าสถานการณ์น้ำในปีนี้จะดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา แต่ทางชลประทานเชียงใหม่ยังขอความร่วมมือจากประชาชน ช่วยวางแผนในการปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย เช่น พืชตระกูลถั่วต่างๆ และพืชทนแล้ง ที่มีระยะเวลาการเก็บเกี่ยวสั้น ซึ่งแนวโน้มปีนี้จะแล้งยาวกว่าปกติ เนื่องจากหนาวช้าและนานกว่าปีก่อนๆ จึงได้เข้ามาสอดส่องดูแลเป็นพิเศษ โดยขณะนี้เกษตรกรปลูกพืชเกษตรไปแล้ว 70% เหลืออีก 30% ทั้งนี้ได้ส่งเสริมให้เกษตรกรให้มาทำเกษตรแปลงใหญ่ และการปลูกข้าวนาเปียกสลับแห้ง เพื่อช่วยลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยใช้สารเคมีและน้ำมันเชื้อเพลิงทำให้ต้นทุนการผลิตข้าวลดลง รวมทั้งยังทำให้คุณภาพของข้าวดีขึ้น เพิ่มปริมาณผลผลิตสูงกว่าเดิม เกษตรกรมีกำไรเพิ่มขึ้น และที่สำคัญทำให้คุณภาพชีวิตของชาวนาดีขึ้น เยาวชนรุ่นหลังๆ หันมาสนใจการทำนา ซึ่งจะเป็นการรักษาพื้นที่ชลประทานให้คงที่ เกิดความสามัคคีในชุมชนที่ไม่ต้องแย่งน้ำกันต่อไป
********************
ส.ปชส.เชียงใหม่-ข่าว/ภาพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น