All online

วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

รายงานข่าว ; ค่ายพยาบาลในฝัน ตอน Z seed เมล็ดพันธุ์ Gen Z

การเลือกศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายมีความสำคัญ เพราะเป็นเสมือนการวางแนวทางการประกอบวิชาชีพในอนาคต ดังนั้น การตัดสินใจในการเลือกศึกษาต่อที่ใด สาขาใด จึงมีความจำเป็นอย่างมากที่ต้องทราบข้อมูลอย่างเพียงพอเพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจ อันจะส่งผลต่อความพึงพอใจและความสุขกับการเรียนในคณะที่ตนเองเลือก

ปัจจุบัน ปัญหาการขาดแคลนพยาบาลวิชาชีพในประเทศไทยถือว่าเป็นปัญหาระดับชาติ ทั้งในด้านปริมาณกำลังคนและทักษะที่จำเป็นต่อการตอบสนองความต้องการด้านสุขภาพของประชาชนที่มีความหลากหลาย สาเหตุหลักมาจากความต้องการบริการสุขภาพของประชาชนที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก และข้อจำกัดในการเพิ่มการผลิตพยาบาล ในขณะที่คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นคณะหนึ่งซึ่งมีพันธกิจหลักในการผลิตพยาบาลวิชาชีพที่มีคุณภาพออกไปรับใช้สังคมมาเป็นระยะเวลานาน  แต่เนื่องจากนักเรียนและผู้ปกครองส่วนใหญ่ยังไม่ทราบข้อมูล หรือมีข้อมูลไม่เพียงพอเกี่ยวกับการเข้าศึกษาต่อในคณะฯ รวมทั้งแนวทางการปฏิบัติตนที่ถูกต้อง ตลอดจนกฎ ระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ ที่ต้องทราบในระหว่างศึกษา

ดังนั้น สโมสรนักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงได้จัดโครงการค่ายพยาบาลในฝัน (Born to be a nurse) ขึ้นทุกปี โดยในปีนี้เป็นครั้งที่ 9 ภายใต้แนวคิด  Z seed เมล็ดพันธุ์ Gen Z เมล็ดพันธุ์รุ่นใหม่ พิธีเปิดได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์ ดร.วิภาดา คุณาวิกติกุล คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ เป็นประธาน เป้าหมายเพื่อให้นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในเขตภาคเหนือตอนบนได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนการสอน กิจกรรมเสริมหลักสูตร รวมทั้งการปฏิบัติตัวของนักศึกษาพยาบาล บทบาทของวิชาชีพพยาบาล อันจะเป็นประโยชน์สำหรับการตัดสินใจเข้าสู่วิชาชีพพยาบาลในอนาคต โครงการจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 4 - 5 กุมภาพันธ์ 2560 ซึ่งนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการได้เข้าชมอาคารเรียน ห้องฝึกปฏิบัติทางการพยาบาล พิพิธภัณฑ์ประวัติคณะพยาบาลศาสตร์  ตลอดจนเปิดโอกาสให้ได้ร่วมฐานทดสอบความรู้ความสามารถ แนะนำการเรียนรู้บนหอผู้ป่วย สาธิตการปฐมพยาบาลเบื้องต้น นอกจากวิชาการที่มีประโยชน์แล้ว ยังได้รู้จักเพื่อนใหม่ รวมทั้งรุ่นพี่แต่ละชั้นปี จากการร่วมกิจกรรมกีฬาและนันทนาการต่างๆ ที่สำคัญ ได้เข้าศึกษาดูงานยังแหล่งฝึกจริง ณ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่อีกด้วย

นางสาวปริณดา เปียฉ่ำ นายกสโมสรนักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ด้วยความตั้งใจที่อยากทำความฝันของน้อง ๆ ให้เป็นจริง เพราะเป็นการเปิดคณะฯ ต้อนรับนักเรียนที่อนาคตอาจจะได้มาเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนักศึกษาพยาบาล ก้าวไปเป็นพยาบาลวิชาชีพที่ดีในอนาคต ซึ่งความประทับใจแรกถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมาก ในค่ายจึงพยายามทำให้นักเรียนที่เข้าร่วมโครงการทุกคนรู้ว่าเข้ามาแล้วเป็นอย่างไร รวมทั้งอยากจะถ่ายทอดประสบการณ์และความรู้สึกดีๆ ตลอดระยะเวลา 4 ปี ที่ได้รับจากสถาบันแห่งนี้

******************
งานประชาสัมพันธ์ คณะพยาบาลศาสตร์ มช.-.เรื่อง/ภาพ

ข่าว ; มช. ร่วมโครงการ SME 4.0 - EU Horizon 2020 ที่อิตาลี

เมื่อวันที่ 8-9 กุมภาพันธ์ 2560 รองศาสตราจารย์ ดร.คมกฤต เล็กสกุล ผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานวิจัย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กรกฎ ใยบังเทศ ทิพยาวงศ์ และรองศาสตราจารย์ ดร.ศักดิ์เกษม ระมิงค์วงศ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมงาน Kick-Off Meeting  ณ The Free University of  Bolzano ประเทศอิตาลี ในการเปิดตัวโครงการ Industry 4.0 for SMEs – Smart Manufacturing and Logistics for SMEs in an X-to-order and Mass Customization Environment ภายใต้ชุดโครงการ Horizon 2020 โปรแกรมวิจัยและนวัตกรรม สหภาพยุโรป ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีรวมทั้งนวัตกรรมด้านการผลิต 4.0 และโลจิสติกส์ 4.0 รวมถึงการบริหารองค์กรและการพัฒนารูปแบบธุรกิจที่เหมาะสมสำหรับ SMEs ร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำในยุโรปและอเมริกา ได้แก่ The Free University of Bolzano ประเทศอิตาลี, Montanuniversität Leoben ประเทศออสเตรีย, Technical University of Kosice ประเทศสโลวาเกีย, SACS MAVMM Engineering College Madurai ประเทศอินเดีย, Worecester Politecnique Institute of Technology และ Massachusetts Institute of Technology ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีระยะเวลาดำเนินการทั้งสิ้น 48 เดือน

ในระหว่างโครงการ จะมีการวิเคราะห์ขั้นตอนและกระบวนการผลิต กระบวนการโลจิสติกส์ และการบริหารองค์กรของ SMEs กรณีศึกษาในประเทศไทย รวมถึงการเสนอแนะแนวทางในการปรับปรุงและพัฒนาตามกรอบ Best Practice Smart SMEs ของสหภาพยุโรป รวมถึงการแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญและนักวิจัย รวมทั้งสิ้นกว่า 40 คน ไปยังมหาวิทยาลัยในเครือข่าย การจัดสัมมนาและให้ความรู้แก่นักวิชาการและ SMEs และการพัฒนาบทความทางวิชาการร่วมกัน

*****************
ประชาสัมพันธ์ มช.-ข่าว/ภาพ

วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ข่าว ; เชียงใหม่นำร่องเวทีรับฟังความคิดเห็นสร้างความปรองดอง

จังหวัดเชียงใหม่กำหนดเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นสร้างความสามัคคีปรองดอง เวทีแรก 1 มีนาคม 2560 นี้ เน้นให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ เพื่อสร้างความปรองดองภายในชาติ เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมได้ทุกเวที โดยแจ้งความจำนงได้ที่ กอ.รมน.เชียงใหม่

นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะประธานคณะทำงานรับฟังความคิดเห็นเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดองจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการแถลงข่าวถึงแนวทางการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็น เพื่อสร้างความสามัคคีปรองดองในระดับพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดแรกที่เริ่มดำเนินการตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 3/2560 ในการขับเคลื่อนการปฏิรูประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความปรองดอง เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ ยุทธศาสตร์ แผนต่างๆ ของชาติ และนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรี

สำหรับแนวทางดังกล่าวได้กำหนดให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 1- 4 และ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดทุกจังหวัด เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น เพื่อสร้างความสามัคคีปรองดองในระดับพื้นที่จังหวัดนั้น ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งเป็นผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดเป็นเจ้าภาพหลัก เชิญบุคคลกลุ่มต่างๆในพื้นที่จังหวัด ได้แก่ กลุ่มการเมืองท้องถิ่น นักวิชาการ กลุ่มสื่อมวลชน กลุ่มนักธุรกิจ กลุ่มองค์กรวิชาชีพต่างๆ รวมถึงกลุ่มคนในท้องถิ่นที่ได้รับความเดือดร้อนจากโครงการแห่งรัฐ เข้าร่วมเวทีแสดงความคิดเห็น  เพื่อรวบรวมข้อคิดเห็นต่างๆ รายงานให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในชาติ และรวบรวมข้อคิดเห็นจากการนำเสนอให้คณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดองต่อไป

ทั้งนี้ จังหวัดเชียงใหม่ กำหนดแผนที่จะเชิญกลุ่มต่างๆ เข้าร่วมแสดงความคิดเห็น ภายในเดือนมีนาคม 2560 จำนวน 6 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 กลุ่มข้าราชการ กำนันผู้ใหญ่บ้าน พนักงานรัฐวิสาหกิจ หอการค้าจังหวัด กลุ่มองค์กรที่ทำงานร่วมกันกับส่วนราชการ ในวันพุธที่ 1 มีนาคม 2560 เวลา 09.00-11.30 น. ครั้งที่ 2 กลุ่มการเมืองท้องถิ่น ได้แก่ กลุ่มสนับสนุนพรรคการเมือง กลุ่มทุนทางการเมือง กลุ่มนักการเมืองท้องถิ่น กลุ่มแกนนำมวลชนทางการเมือง ในวันศุกร์ที่ 3 มีนาคม 2560 เวลา 09.00-11.30 น. ครั้งที่ 3 กลุ่มการเมืองท้องถิ่น ได้แก่ กลุ่มสนับสนุนพรรคการเมือง กลุ่มทุนทางการเมือง กลุ่มนักการเมืองท้องถิ่น กลุ่มแกนนำมวลชนทางการเมือง ในวันพุธที่ 8 มีนาคม 2560 เวลา 09.00-11.30 น. ครั้งที่ 4 กลุ่มผู้นำชุมชน ผู้นำจิตวิญญาณ ชาวบ้านทั่วไป กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมฯ กลุ่มองค์กรภาคประชาสังคม (CSOs) กลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชน (NGOs) ในวันศุกร์ที่ 10 มีนาคม 2560 เวลา 09.00-11.30 น. ครั้งที่ 5 กลุ่มสื่อมวลชน ในวันพุธที่ 15 มีนาคม 2560 เวลา 09.00-11.30 น. และครั้งที่ 6 กลุ่มนักวิชาการและนักศึกษา ในวันศุกร์ที่ 17 มีนาคม 2560 เวลา 09.00-11.30 น. กลุ่มละ 35 คน รวม 200 คน ซึ่งกลุ่มใดหรือผู้ใดสนใจมีความประสงค์เข้ามาร่วมเสนอความคิดเห็นเพิ่มเติม สะดวกวัน เวลาใด ก็สามารถแจ้งชื่อ-นามสกุล และเบอร์โทรศัพท์ติดต่อกลับได้ที่ กอ.รมน.เชียงใหม่ หมายเลขโทรศัพท์. 0-5311-2721 หรือ ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่ 0-5311-2740

สำหรับ ประเด็นหัวข้อที่จะพูดคุยมี 10 เรื่อง อาทิ การเมือง การปกครอง ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ สังคม การพัฒนาแหล่งน้ำ กระบวนการยุติธรรม การศึกษา สาธารณสุข สื่อมวลชน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต่างประเทศ สิทธิมนุษยชน การทุจริตหรือคอรัปชั่น พร้อมเสนอแนะการปฏิรูปประเทศ เพื่อทำแผนยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศ ระยะ 20 ปีข้างหน้า ซึ่งเวทีดังกล่าวจัดแบบโต๊ะสี่เหลี่ยม คล้ายโต๊ะกลมเพื่อให้พูดคุยกันทุกประเด็น แต่ละครั้งเชิญผู้เข้าประชุม 30-40 คน เพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะทุกเรื่อง จะเป็นการเสนอความคิดเห็นของแต่ละฝ่าย โดยทางภาครัฐมีหน้าที่รับฟังและจดบันทึกเพียงอย่าเดียว พร้อมเปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นเต็มที่ ทั้งนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ในการดำเนินการขับเคลื่อนการเดินหน้าประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง

******************
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่-ข่าว/ภาพ

ข่าว ; ทีมบริหารเศรษฐศาสตร์ มช.ร่วมงานระดับนานาชาติ ย่างกุ้ง

ผู้บริหารคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมงาน Thailand – Myanmar Business Cooperation และพิธีปฐมนิเทศนักศึกษาหลักสูตรเศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต (หลักสูตรนานาชาติ) รุ่นที่ 3 ณ กรุงย่างกุ้ง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์

คณะผู้บริหาร คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นำโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ไพรัช กาญจนการุณ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ประพัฒชนม์ จริยะพันธุ์ และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.รสริน โอสถานันต์กุล รองคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ เข้าร่วมงาน Thailand – Myanmar Business Cooperation ณ โรงแรมชาเทรียม กรุงย่างกุ้ง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2560 โดยเข้าร่วมรับฟังปาฐกถาของรองนายกรัฐมนตรี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ พร้อมทั้งเข้าร่วมกิจกรรมการเจรจาธุรกิจ (Business Talk) ระหว่างสถาบันการศึกษาของประเทศไทยและผู้ประกอบการธุรกิจสถาบันศึกษาจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ เพื่อประชาสัมพันธ์หลักสูตรต่างๆของคณะเศรษฐศาสตร์ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น และเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2560 ได้เข้าร่วมในพิธีปฐมนิเทศนักศึกษาหลักสูตรเศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต (หลักสูตรนานาชาติ) เพื่อต้อนรับนักศึกษาใหม่ในรุ่นที่ 3 ณ Yangon University of Economics กรุงย่างกุ้ง ประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ อีกด้วย

*****************
ประชาสัมพันธ์ คณะเศรษฐศาสตร์ มช.-ข่าว/ภาพ

ข่าว ; “ช้าง” จัดแข่งกอล์ฟเยาวชนนานาชาติ ที่อัลไพน์ เชียงใหม่

แถลงข่าวช้าง-เชียงใหม่ จูเนียร์ ; นายสุรพล อุทินทุ ผู้อำนวยการสำนักประสานงานภายนอก บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน), นายสุธน วิชัยรัตน์ ตัวแทน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ และ ดร.ทวีวัฒน์ ทวีผล ผู้จัดการทั่วไป สนามอัลไพน์กอล์ฟ รีสอร์ท เชียงใหม่ ร่วมงานแถลงข่าวเมื่อวันที่ 27กุมภาพันธ์ 2560 ณ โรงแรมเอสซี ปาร์ค กรุงเทพมหานคร ในการจัดการแข่งขันกอล์ฟเยาวชนนานาชาติรายการ “ช้าง-เชียงใหม่ จูเนียร์ กอล์ฟ แชมเปี้ยนชิพ 2016”  ซึ่งกำหนดจัดระหว่างวันที่ 15-18 มีนาคม 2560 ที่สนามอัลไพน์ กอล์ฟ รีสอร์ท จ.เชียงใหม่ 

“ช้าง” ร่วมกับ สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ สนามอัลไพน์กอล์ฟ รีสอร์ท เชียงใหม่  และ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) จัดศึกสวิงเยาวชนนานาชาติ “ช้าง-เชียงใหม่ จูเนียร์ กอล์ฟแชมเปี้ยนชิพ 2016” ที่สนามอัลไพน์ กอล์ฟ รีสอร์ท เชียงใหม่ ระหว่าง 15-18 มีนาคม 2560

การแข่งขันกอล์ฟเยาวชนนานาชาติรายการ “ช้าง-เชีงใหม่ จูเนียร์ กอล์ฟ แชมเปี้ยนชิพ 2016” จัดขึ้นโดยความร่วมมือจากหลายภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาฝีมือนักกอล์ฟเยาวชนของไทยให้ทัดเทียมกับนานาชาติ คัดเยาวชนไทยฝีมือดีในทัวร์นาเมนท์ “ช้าง ไทยแลนด์ จูเนียร์ กอล์ฟเซอร์กิต” ทั่วประเทศ เข้าร่วมชิงชัยเพื่อต่อยอดและพัฒนาฝีมือให้ทัดเทียมกับระดับนานาชาติ

นายสุธน วิชัยรัตน์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวีดเชียงใหม่กล่าวว่า ตามที่จังหวัดเชียงใหม่ได้พยายามผลักดันให้เชียงใหม่เป็น Thailand Golf Destination เนื่องจากมีอัตลักษณ์ด้านศิลปวัฒนธรรมซึ่งเป็นเสน่ห์ของเชียงใหม่ โดยคาดหวังว่าในอนาคตเชียงใหม่จะเป็น Sport Hub โดยมีนักท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sport Tourism) เพิ่มขึ้น สามารถสร้างรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศผ่านกิจกรรมด้านกีฬา ซึ่งโครงการดังกล่าวได้ประสบความสำเร็จไปแล้วส่วนหนึ่ง จากการที่เพิ่งได้รับรางวัล “IAGTO Awards” ซึ่งเป็นรางวัลที่เกิดจากการโหวตของบริษัทนำเที่ยวด้านกอล์ฟทั่วโลกให้เป็น “Golf Destination of the Year Asia  & Australasia 2017” และที่ผ่านมาเชียงใหม่ก็ได้รับเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกอล์ฟระดับนานาชาติมาแล้วหลายครั้ง เช่น การแข่งขันกอล์ฟระดับเอเชียนทัวร์รายการ เชียงใหม่กอล์ฟคลาสสิค 2013 และ 2014 ที่มีนักกอล์ฟชื่อดังระดับโลกมาร่วมการแข่งขันมากมาย ทำให้เชียงใหม่ เป็นที่รู้จักของนานาชาติมากขึ้น อีกทั้งยังมีสนามกอล์ฟคุณภาพดีถึง 14 สนาม ในจังหวัดเชียงใหม่และลำพูน ที่มีศักยภาพเพียงพอต่อการจัดการแข่งขันระดับสากล ซึ่งการแข่งขันในครั้งนี้ได้เลือกจัดที่ อัลไพน์ กอล์ฟรีสอร์ท เชียงใหม่ ซึ่งมีความพร้อมในการต้อนรับนักกอล์ฟและผู้ติดตามที่เดินทางมาร่วมแข่งขันในรายการนี้

ส่วนนายสุรพล อุทินทุ ผู้อำนวยการสำนักประสานงานภายนอก บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การแข่งขันครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกในจัดการแข่งขันกอล์ฟเยาวชนในระดับนานาชาติ ซึ่ง “ช้าง” มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพนักกอล์ฟเยาวชนไทย ให้ได้สัมผัสทัวร์นาเมนท์ระดับนานาชาติที่ได้มาตรฐาน ซึ่งรับรองโดย Junior Golf Scoreboard และถูกบรรจุอยู่ในตารางการแข่งขันของเว็บไซท์ www.juniorgolfscroeboard.com อีกด้วย ทั้งนี้ ช้าง ได้เฟ้นหาเยาวชนชายหญิงฝีมือดีจากทัวร์นาเมนท์ ช้าง ไทยแลนด์ จูเนียร์ กอล์ฟ เซอร์กิต ซึ่งจัดขึ้นเพื่อพัฒนานักกอล์ฟเยาวชนไทยอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 3 ปี โดยคัดตัวแทนของประเทศไทย ประเภทนักกอล์ฟชายที่ทำคะแนนสะสมอยู่ในอันดับ 1-4 ของแต่ละภาคในรุ่นอายุ 13-15 ปี และ 16-18 ปี และนักกอล์ฟประเภทหญิงที่ทำคะแนนสะสมอยู่ในอันดับ 1-3 ในรุ่นอายุ 13-15 ปี และ 16-18 ปี จำนวนทั้งสิ้น 56 คน จาก 4 ภาค เข้าร่วมแข่งขันครั้งนี้ นอกจากนั้น ยังมีนักกอล์ฟเยาวชนจากต่างประเทศตอบรับเข้าร่วมแข่งขันแล้ว อาทิ สิงคโปร์, จีน, เกาหลี และมาเลเซีย รวมกว่า 40 คน

“ช้าง มีความหวังว่าถ้วยแชมป์ในปีแรกนี้จะตกอยู่ในประเทศไทยไม่รุ่นใดก็รุ่นหนึ่ง เพราะฝีมือของนักกอล์ฟเยาวชนไทยก็โดดเด่นไม่แพ้ชาติใด โดยเฉพาะนักกีฬาความหวังอย่าง “ธัญรดา ปิดดอน” แชมป์ประเทศไทยในการแข่งขัน “ช้างเซอร์กิต” นักกอล์ฟเยาวชนในโครงการไทยเบฟ ไทยทาเลนท์ และนักกีฬาในโครงการพัฒนาทีมชาติกอล์ฟสตรี ที่ล่าสุดเป็นตัวแทนประเทศไทย คว้าชัยในการแข่งขันรายการรายการ The 1st PraderaVarde Lady Golf Challenge 2017 ณ ประเทศฟิลิปปินส์ อย่างไรก็ตาม ขอเป็นกำลังใจให้กับนักกอล์ฟเยาวชนไทยทุกคนแสดงฝีมืออย่างเต็มที่ เล่นกอล์ฟอย่างมีความสุข และที่สำคัญมี Sportsmanship เพราะการแข่งขันเป็นเพียงเวทีในการพัฒนาและแสวงหาประสบการณ์ให้ก้าวไปสู่บันไดขั้นต่อๆ ไปในอนาคต” นายสุรพล อุทินทุ กล่าว

ทางด้าน ดร.ทวีวัฒน์ ทวีผล ผู้จัดการทั่วไป อัลไพน์กอล์ฟรีสอร์ทเชียงใหม่ กล่าวว่า สนามอัลไพน์ กอล์ฟรีสอร์ท เชียงใหม่ มีความภูมิใจเป็นอย่างมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนกระบวนการพัฒนานักกอล์ฟเยาวชนไทยให้มีประสบการณ์ในเกมระดับนานาชาติ ในส่วนของสนามก็มีความพร้อมในการรองรับนักกอล์ฟจากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งนับเป็นโอกาสอันดีที่ได้ต้อนรับนักกอล์ฟชาวไทยและชาวต่างชาติ ให้ได้เข้ามาสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติและความท้าทายของสนาม ที่ใช้เป็นสังเวียนการแข่งขันกอล์ฟระดับโลกอย่างเอเชียน ทัวร์รายการ “เชียงใหม่ กอล์ฟคลาสสิค” รวมถึงยังมีบริการห้องพักในรีสอร์ทระดับ 4 ดาว พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย เป็นการเปิดโอกาสให้นักกีฬาและนักท่องเที่ยวจากนานาชาติได้รับรู้ถึงความสวยงามของสนามกอล์ฟ และสถานที่ท่องเทียวอื่นๆ ของจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมทั้งยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวเชิงกีฬากอล์ฟให้ดีขึ้นอีกด้วย

สำหรับการแข่งขัน “ช้าง-เชียงใหม่ จูเนียร์ กอล์ฟ แชมเปี้ยนชิพ 2016” กำหนดจัดขึ้นที่สนามอัลไพน์ กอล์ฟรีสอร์ท เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 15-18 มีนาคม 2560 ผู้สนใจสามารถเข้าชมฟรี พร้อมร่วมกิจกรรมต่างๆ มากมายภายในงาน และสามารถติดตามข่าวสารพร้อมความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมทางเว็บไซต์และแฟนเพจได้ที่ www.changjuniorgolf.com และ www.facebook.com/thaibevthaitalent.th

**************

วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ข่าว ; เว็บไซต์ มช.ติดอันดับสูงจากการจัดอันดับ Ranking Web of Universities

เว็บไซต์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 4 ของประเทศ อันดับที่ 9 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อันดับที่ 80 ของเอเชีย และอันดับที่ 609 ของโลก จากผลการจัดอันดับเว็บไซต์มหาวิทยาลัยโลก Ranking Web of Universities ซึ่งปัจจุบันมีมหาวิทยาลัยที่ได้รับการจัดอันดับกว่า 20,000 แห่งทั่วโลก

รองศาสตราจารย์ ดร.ถนอมพร เลาหจรัสแสง รักษาการผู้อำนวยการสำนักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า การจัดอันดับเว็บไซต์มหาวิทยาลัยโลก หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า Ranking Web of Universities ซึ่งเป็นการจัดอันดับการชี้วัดคุณภาพการเผยแพร่ข้อมูลบนเว็บไซต์ของแต่ละมหาวิทยาลัย โดยมีการจัดอันดับทุกปีและประกาศผลปีละ 2 ครั้ง ในเดือนมกราคมและเดือนกรกฎาคม บนเว็บไซต์ webometrics.info  ปัจจุบันมีมหาวิทยาลัยที่ได้รับการจัดอันดับมากกว่า 20,000 แห่งทั่วโลก ซึ่งจากผลการจัดอันดับครั้งล่าสุดในรอบเดือนมกราคม พ.ศ.2560 นั้น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่อยู่ที่อันดับ 4 ของประเทศ อันดับที่ 9 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อันดับที่ 80 ของเอเชีย และอันดับที่ 609 ของโลก

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาเว็บไซต์ทั้งในทุกคณะและหน่วยงาน โดยได้มีการจัดประชุมหารือร่วมกับผู้พัฒนาเว็บไซต์เพื่อทำการพัฒนาเว็บไซต์ภายใต้ความรับผิดชอบให้ได้ตามมาตรฐานสากล ซึ่งในการจัดอันดับรอบล่าสุดนั้นได้มีเกณฑ์การชี้วัดคุณภาพทั้งหมด 4 ข้อ ได้แก่

Presence: คือการนับจำนวนเพจทั้งหมดบนเว็บไซต์ภายใต้โดเมน โดยอ้างอิงตัวเลขจาก Google ซึ่งรวมถึงไฟล์ PDF และไฟล์เอกสารอื่น ๆ ด้วย โดยคิดคะแนนเป็นร้อยละ 10

Impact: เป็นการใช้วิธีการวัด External Inlinks จากเว็บไซต์ที่ให้บริการข้อมูลการจราจรบนเว็บไซต์คือ ahrefs และ Majestic คิดคะแนนเป็นร้อยละ 50

Openness: ใช้วิธีการนับคะแนนจากบทความทางวิชาการที่มีการอ้างอิงจาก Google Scholar Citations คิดคะแนนเป็นร้อยละ 10

Excellence: คิดคะแนนจากฐานข้อมูล Scimago โดยเลือกเอาจากร้อยละ 10 ของผลงานตีพิมพ์ที่ถูกใช้ในการอ้างอิงผลงานทางวิชาการมากที่สุดโดยเลือกผลงานมาจากปี พ.ศ.2553- พ.ศ.2557 คิดคะแนนเป็นร้อยละ 30

โดยอันดับในแต่ละเกณฑ์ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่นั้น อันดับ Presence อยู่ที่ 76 ของโลก Impact อยู่ที่ 339 ของโลก Openness อยู่ที่ 1931 ของโลก และ Excellence อยู่ที่ 988 ของโลก ในส่วนของ Presence และ Impact นั้นเป็นส่วนที่เกิดจากนโยบายและความต่อเนื่องในการให้ความสำคัญในการพัฒนาเว็บไซต์ที่ถูกต้องตามมาตรฐานและรองรับการใช้งานจากทุกอุปกรณ์ ซึ่งต้องได้รับความร่วมมือจากทุกคณะและหน่วยงานในการเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องตามมาตรฐานและมีความเป็นปัจจุบัน เนื่องจากเกณฑ์ของการจัดอันดับนั้นมีการเปลี่ยนแปลงในทุก ๆ รอบ สำหรับ Openness และ Excellence นั้น เกี่ยวข้องโดยตรงกับผลงานทางวิชาการที่ตีพิมพ์และอ้างอิงจากฐานข้อมูลมาตรฐานระดับนานาชาติ ซึ่งจากผลการจัดอันดับแสดงให้เห็นว่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่นั้นยังต้องการผลงานทางวิชาการเพื่อเผยแพร่บนฐานข้อมูลระดับนานาชาติอีกจำนวนมาก ดังนั้นทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่จึงต้องขอความร่วมมือกับคณาจารย์ทุกท่านในการสร้างผลงานทางวิชาการที่มีคุณภาพ เพื่อตีพิมพ์บนฐานข้อมูลระดับนานาชาติ โดยจะส่งผลให้ถูกนำไปใช้อ้างอิงและยังเป็นการยกระดับงานวิจัยในภาพรวมของมหาวิทยาลัย

รักษาการผู้อำนวยการสำนักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวในตอนท้ายว่า ผลจากการพัฒนาเว็บไซต์ตามเกณฑ์มาตรฐานดังกล่าวทั้งหมด จะเห็นได้ว่าล้วนเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนามหาวิทยาลัยเชียงใหม่สู่การเป็นมหาวิทยาลัยดิจิทัล แต่ทั้งหมดนี้จะสำเร็จได้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนภายในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่นั้นเอง

*****************
ปชส.สำนักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ มช.-ข่าว/ภาพ

ข่าว ; การประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2560 สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงใหม่


นายมนตรี  หาญใจ นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงใหม่  เป็นประธานการประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2560 ของสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงใหม่ ณ ห้องประชุม อาคารหอพัก 700 ปี สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2560 ซึ่งในโอกาสนี้ ได้มีพิธีรับ-ส่งหน้าที่นายกสมาคมฯ ระหว่าง พล.ต.ต.บัญชา เศรษฐกร นายกสมาคมคนเก่าที่หมดวาระ กับ นายมนตรี ใจหาญ นายกสมาคมคนใหม่ที่จะมาทำหน้าที่ในวาระต่อไป พร้อมกันนี้ได้มีการเปิดตัวคณะกรรมบริหารสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีคณะกรรมการสมาคม ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แทนการกีฬาแห่งประเทศไทยเข้าร่วมประชุมและสังเกตการณ์

วาระการประชุมที่น่าสนใจได้แก่ การแต่งตั้งประธานชมรมกีฬา จำนวน 50 ชนิดกีฬา การส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 33 "ชุมพร-ระนองเกมส์" ระหว่างวันที่ 16-26 มีนาคม 2560 ซึ่งจังหวัดชุมพรและจังหวัดระนองร่วมกันเป็นเจ้าภาพ โดยจังหวัดเชียงใหม่ส่งนักกีฬาและเจ้าหน้าที่เข้าร่วมการแข่งขัน จำนวน 603 คน แบ่งเป็นนักกีฬา 468 คน และเจ้าหน้าที่ 135 คน ทำการแข่งขัน 36 ชนิดกีฬา ทั้งนี้ จะมีพิธีเปิดการแข่งขันในวันที่ 16 มีนาคม 2560 ณ สนามกีฬาจังหวัดชุมพร และสุดท้าย ที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาแต่งตั้งผู้ตรวจสอบบัญชีสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงใหม่ ประจำปี พ.ศ.2560 ได้แก่ บริษัท เชียงใหม่ พีพี กรุ๊ป จำกัด

*****************

ข่าว ; ผลการแข่งขันกอล์ฟ มูลนิธิ 50 ปีวิทยาลัยครูอุตรดิตถ์โอเพ่น 60


การแข่งขันกอล์ฟการกุศล รายการ มูลนิธิ 50 ปี วิทยาลัยครูอุตรดิตถ์โอเพ่น 60 ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 25  กุมภาพันธ์ 2560 ที่สนามกอล์ฟกรมทหารม้าที่ 2 จ.อุตรดิตถ์ ผลการแข่งขัน ชนะเลิศประเภททีม ได้ครองถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้แก่ทีมตำรวจภูธรจังหวัดอุตรดิตถ์ ทำสกอร์รวม 278 คะแนน ผู้เล่นประกอบด้วย พ.ต.อ.โอภาส คงเมือง, ชัยยะรัตน์ ส่งศิริ, สถาพร ฉัตรสูงเนิน, จักรา วาทะหงษ์ และ นภัทร

ประเภทบุคคล ชนะเลิศ Overall Low Gross ได้แก่ ธีระ เงินวิลัย 42-35-77 (15) 62 ชนะเลิศ Overall Low Net ได้แก่ ดร.ภานุ สิทธิวงศ์ 42-41-83 (18) 65 Flight A ชนะเลิศ Low Gross สถาพร ฉัตรสูงเนิน 38-39-77 (10) 67 Low Net จักรา วาทะหงษ์ 40-38-78 (12) 66 Flight B ชนะเลิศ Low Gross ร.ต.อ.วีระศักดิ์ ประพันธ์วิท 43-44-87 (18) 69 Low Net ชรินทร์ ธนวัฒน์ 45-44-89 (18) 71 Flight C ชนะเลิศ Low Gross นาคิน เนียมรักษ์ 42-44-86 (21) 65 Low Net พูลสวัสดิ์ บุตรรัตน์ 47-42-89 (21) 68 และรางวัลบู้บี้ได้แก่ สุมิตร เกิดกล่ำ 58-55-113 (24) 89

***************

วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ข่าว ; นักวิทยุและโทรทัศน์เชียงใหม่-ลำพูน จัดงานวันวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติ


ผศ.อาคม ตันตระกูล ประธานชมรมนักวิทยุและโทรทัศน์เชียงใหม่-ลำพูน นำทีมงานสมาชิกชมรมและแขกรับเชิญ จัดงานวันวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติ ครบรอบ 87 ปี เมื่อวันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2560 ณ วัดศรีโสดาวรวิหาร โดยมี ศาสตราจารย์คลินิค นายแพทย์นิเวศน์ นันทจิต สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และประธานมูลนิธิพัฒนามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธี  และพระวิมลมุณี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ โดยมีกิจกรรมสำคัญคือการทำบุญและอุทิศส่วนกุศลให้กับสื่อมวลชนและผู้เกี่ยวข้องที่ล่วงลับไปแล้ว ต่อด้วยการพบปะสังสรรค์ รับประทานอาหารกลางวันร่วมกันที่ร้านอาหารเฮือนโบราณ มีตัวแทนหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก

สำหรับวันวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติ ตรงกับวันที่ 25 กุมภาพันธ์ โดยมีที่มาจากการเริ่มต้นกิจการวิทยุกระจายเสียงในประเทศไทยครั้งแรก เริ่มจากเมื่อปี พ.ศ.2470 ด้วยพระดำริของ พลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน เสนาบดีกระทรวงพาณิชย์และโทรคมนาคม ที่ทรงตั้งสถานีวิทยุกระจายเสียงขึ้น เมื่อปี พ.ศ.2471 เป็นเครื่องส่งกระจายเสียงคลื่นสั้น อยู่ในความควบคุมของช่างวิทยุ กรมไปรษณีย์โทรเลข ที่ตึกที่ทำการไปรษณีย์ปากคลองโอ่งอ่าง ตำบลวัดราชบูรณะ ใช้ชื่อสถานีว่า "4 พีเจ" ต่อมาได้มีการประกอบเครื่องส่งคลื่นขนาดกลาง 1 กิโลวัตต์ ทดลองส่งกระจายเสียงที่ตำบลศาลาแดง ใช้ชื่อสถานี "11 พีเจ" ซึ่งชื่อสถานี "พีเจ" ย่อมาจาก "บุรฉัตรไชยากร" อันเป็นพระนามเดิมของพระองค์ หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2473 ซึ่งตรงกับวันพระราชพิธีฉัตรมงคล ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ทรงเปิดการส่งวิทยุเป็นปฐมฤกษ์ โดยใช้ชื่อสถานีว่า “สถานีวิทยุกรุงเทพฯ ที่พญาไท” ตั้งอยู่ที่วังพญาไท มีกำลังส่ง 2.5 กิโลวัตต์ พิธีเปิดสถานีกระทำโดยอัญเชิญกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จากพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เข้าไมโครโฟนถ่ายทอดไปตามสาย เข้าเครื่องส่งแล้วกระจายเสียงสู่พสกนิกร นับเป็นครั้งแรกที่มีการถ่ายทอดเสียงทางวิทยุในประเทศไทย

ต่อมากิจการวิทยุกระจายเสียงเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของกระบวนการสื่อสาร และมีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่ข่าวสาร วิชาการ และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่สามารถเข้าถึงประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคุลมได้กว้างไกลและทั่วทุกพื้นที่ เพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนมาจนถึงปัจจุบัน นับจากนั้นทางการจึงได้ถือเอาวันที่ 25 กุมภาพันธ์ เป็นวันวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติต่อมาจนถึงปัจจุบัน

*******************

ข่าว ; เปิดบริการ "เฮือนโปรแบงค์" แหล่งสังสรรค์คนรักกอล์ฟ


ร้าน "เฮือนโปรแบงค์" ตั้งอยู่เลขที่ 51 ถ.สันติสุข ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่  ​เป็นร้านอาหารประเภทของรับประทานแบบเบาๆ โดยมีเมนูอาทิ ไส้กรอกทอด เฟร้นช์ฟราย  แซนด์วิช ขนมปังปิ้ง นมสด นมชมพู นมช็อกโกแลต รวมถึงเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและน้ำสมุนไพร ภายใต้บรรยากาศสบายๆในแบบคลาสสิกและโรแมนติก เหมาะสำหรับการนั่งพักผ่อน พบปะพูดคุยเรื่องการงานหรือสังสรรค์เฮฮา โดยมีอาหารว่างให้รับประทานควบคู่กันไป

สำหรับการตกแต่งร้านจะแต่งเป็นสไตล์ที่เกี่ยวข้องกับกีฬากอล์ฟ เนื่องจากเจ้าของร้านเป็นนักกอล์ฟอาชีพ หรือโปรกอล์ฟ จึงมีความต้องการที่จะให้ร้านอาหารแห่งนี้เป็นสถานที่พบปะของกลุ่มคนชอบกีฬาโดยเฉพาะกีฬากอล์ฟ และยังเป็นสถานที่ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับกีฬากอล์ฟ ซึ่งลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการทุกคน สามารถรับบริการฝึกหัดกอล์ฟระดับเริ่มต้นได้ฟรี ทุกเพศทุกวัย โดยมีเนื้อหาการสอนเป็นคลิปสั้นๆให้ติดตามอย่างต่อเนื่อง เป็นคลิปการสอนง่ายๆที่ทำได้ไม่จำกัดด้วยเวลาและสถานที่ตามสไตล์โปรแบงค์ โดยผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปดูและศึกษาเพิ่มเติมเองได้ที่ Facebook fanpage : Pro Bank fanpage นอกจากนั้น ทางร้านยังมีบริการจำหน่ายอุปกรณ์กอล์ฟมือสองคุณภาพดี ราคาย่อมเยาไว้ให้ลูกค้าได้เลือกซื้ออีกด้วย ทั้งนี้ "เฮือนโปรแบงค์" เปิดให้บริการระหว่างเวลา 17.00 น. – 22.00 น. ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2560 เป็นต้นมา

******************

วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ภาพข่าว ; ประชุมเตรียมการจัดงานไฟฟ้าวังเจ็ดลินคืนถิ่น 59


นายจรัส  วณีสอน เป็นประธานการประชุมเตรียมการจัดงาน  "ไฟฟ้าวังเจ็ดลินคืนถิ่น 59" และงานแสดงมุทิตาจิตแก่คณะอาจารย์ที่ได้ประสิทธิประสาทความรู้ ให้กับศิษย์แต่ละรุ่น เพื่อเป็นการรำลึกถึงสถาบัน "มหาวิทยาลัยราชมงคลล้านนา ภาคพายัพ จังหวัดเชียงใหม่" ซึ่งกำหนดจัดในวันเสาร์ที่ 8 เมษายน 2560 ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา จ.เชียงใหม่

********************

ภาพข่าว ; ติดตามการเตรียมจัดการแข่งขันตะกร้อควีนส์คัพ ครั้งที่ 7


นายมนตรี  หาญใจ  นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมติดตามการเตรียมงานของคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ ในการแข่งขันกีฬาเซปักตะกร้อ "ควีนส์คัพ" ครั้งที่ 7  ซึ่งกำหนดจัดแข่งขันระหว่างวันที่  14 - 18 มีนาคม 2560 ณ สนามโรงเรียนเมตตาศึกษาในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

*****************

ภาพข่าว ; สวนสัตว์เชียงใหม่ปล่อยกระรอกคืนสู่ธรรมชาติ


นายนิพนธ์ วิชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ นำเด็กๆจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อบต. ร้องวัวแดง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกันปล่อยกระรอกที่รอดจากไฟป่า 3 ตัว จากกรณีเหตุไฟป่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-  ปุย  เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2559 ซึ่งพ่อแม่ถูกไฟป่าเผาและเจ้าหน้าที่ไฟป่าไปพบแล้วนำออกมาให้สวนสัตว์เชียงใหม่รับมาดูแล จำนวน 3 ตัว ซึ่งสวนสัตว์เชียงใหม่ได้เลี้ยงดูจนกระทั่งรอดชีวิต  1 ตัว เป็นตัวผู้ โดยขณะนี้ถึงวัยผสมพันธุ์แล้ว จึงได้ปล่อยคืนสู่ธรรมชาติเพื่อจะได้หาคู่ขยายพันธุ์ต่อไป  ณ มินิซู  สวนสัตว์เชียงใหม่  วันที่  24  กุมภาพันธ์  2560

****************

ภาพข่าว ; เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนาบรรยายพิเศษ ตามรอยพ่อ กษัตริย์เกษตร


วันที่ 23  กุมภาพันธ์ 2560  เวลา 13.30 น. ดร.สุเมธ  ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา  อาจารย์พิเศษหลักสูตรการพัฒนาภูมิสังคมอย่างยั่งยืน ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้  บรรยายพิเศษ เรื่อง “ตามรอยพ่อ กษัตริย์เกษตร” ในโอกาสที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จัดงานตามรอยพ่อ กษัตริย์เกษตร เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยมีนักศึกษาและประชาชนสนใจเข้าร่วมฟังเป็นจำนวนมาก ณ อาคารศูนย์กีฬากาญจนาภิเษก รัชกาลที่ 9 มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่

**********************

ข่าว ; สวนสัตว์เชียงใหม่ได้ “ลูกค่างห้าสี” เพิ่มอีก 1 ตัวยังไม่ทราบเพศ

สวนสัตว์เชียงใหม่ประสบความสำเร็จในการเพาะขยายพันธุ์ค่างห้าสี สัตว์ที่สวยงามที่สุด หนึ่งในสัตว์ป่าหายากและใกล้สูญพันธุ์ เกิดใหม่อีก 1 ตัวขณะนี้ยังอยู่ในการดูแลของแม่จึงยังไม่สามารถพิสูจน์เพศได้

นายนิพนธ์ วิชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ แจ้งว่า เช้าวันนี้ 23 กุมภาพันธ์ 2560 ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลค่างห้าสีว่า มีลูกค่างห้าสีได้ออกลูกมา 1 ตัวแต่ไม่สามารถพิสูจน์เพศได้เนื่องจากยังคงอยู่ในการดูแลของแม่ สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ดี เกิดจากแม่ชื่อ “น้องล้า” อายุ 9 ปี และพ่อชื่อ “บูบู้” อายุ 9 ปี โดยลูกค่างห้าสีตัวนี้นับเป็นตัวที่ 3 ที่เกิดจากแม่ “น้องล้า” ในสวนสัตว์เชียง ใหม่ ทำให้จนถึงวันนี้สวนสัตว์เชียงใหม่มีสมาชิกจากเดิมมี 8 ตัว ตัวผู้ 5 ตัว ตัวเมีย 3 ตัว และเพิ่มตัวที่เกิดใหม่ยังไม่ทราบเพศ รวมเป็น 9 ตัว ตอนนี้ยังอยู่ในส่วนจัดแสดงและยังให้ประชาชนรวมทั้งนักท่องเที่ยวได้ชมอยู่ พร้อมเตรียมประกวดตั้งชื่อให้แก่ลูกค่างห้าสีที่เกิดใหม่ตัวนี้ต่อไป

สำหรับค่างห้าสีนั้นเป็นสัตว์ที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัว จากการที่มีสีสันสวยสะดุดตา ตามตัวมีสีตัดกันถึง 5 สี ลำตัวและหัวมีสีเทา ตรงหน้าผากมีสีเทาดำออกแดง หนวดเคราสีขาว หางและก้นสีขาว ผิวหน้าเหลือง ตัวผู้ใหญ่กว่าตัวเมียราว 2 เท่า และมีขนเป็นพู่ที่เอวทั้ง 2 ข้าง ซึ่งตัวเมียไม่มี ชอบนอนเป็นส่วนใหญ่หลังจากกินอาหารแล้ว เลี้ยงยาก ลูกเป็นสีทองเหมือนค่างทั่วไป ขณะที่ถิ่นอาศัยตามธรรมชาติพบในป่าดิบชื้นของประเทศลาว และประเทศเวียดนามทางตอนเหนือ มีนิสัยเงียบขรึม ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง มีการสืบพันธุ์ที่ไม่แน่นอน ตั้งท้องประมาณ 196 วัน ออกลูกครั้งละ 1 ตัว กินผักผลไม้เป็นอาหาร ทั้งนี้ นอกจากสวนสัตว์เชียงใหม่แล้ว สามารถชมค่างห้าสีในประเทศไทยได้ที่สวนสัตว์ดุสิต และสวนสัตว์เปิดเขาเขียว สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ งานประชาสัมพันธ์ สวนสัตว์เชียงใหม่ โทรศัพท์ 053-221179 ต่อ 178 หรือ 053-358116

*****************

ข่าว ; งานวิจัยภาวะอ้วนลงพุงส่งผลต่อสมอง มช. คว้ารางวัลนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ


นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่คว้ารางวัลนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ จากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ จากผลงานการวิจัยพบภาวะอ้วนลงพุงส่งผลให้การเรียนรู้และความจำแย่ลง ซึ่งยาต้านเบาหวานจะเป็นยาตัวเลือกในการรักษาและป้องกันสมองเสื่อมก่อนวัยในภาวะอ้วนลงพุงได้  นอกจากนั้นยังพบว่าเมื่อหมดฮอร์โมนเพศแล้ว จะทำให้เกิดภาวะเสื่อมทางสมองได้คล้ายกับภาวะอ้วนลงพุง ซึ่งหากมีภาวะอ้วนร่วมด้วยก็จะยิ่งเสริมผลเสียให้รุนแรงมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นยังค้นพบอีกว่า ยาต้านเบาหวานสามารถลดการเสื่อมของสมองดังกล่าวได้ดีพอๆ กับการให้ฮอร์โมนเพศซึ่งมีผลข้างเคียงต่อร่างกาย

ศาสตราจารย์ ดร.ทพญ.สิริพร ฉัตรทิพากร หัวหน้าหน่วยสรีรวิทยาระบบประสาท ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมสาขาโรคทางไฟฟ้าของหัวใจ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และอาจารย์ประจำสาขาวิชาประสาทวิทยาศาสตร์-ชีววิทยาช่องปาก คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ค้นพบภาวะอ้วนลงพุง และการขาดฮอร์โมนเพศ ส่งผลกระทบทำให้การเรียนรู้และความจำแย่ลง ซึ่งยาต้านเบาหวานนอกจากจะช่วยลดผลเสียจากภาวะอ้วนลงพุงแล้ว ยังสามารถช่วยรักษาการเสื่อมของสมองดังกล่าวได้ ความสำเร็จจากการวิจัยครั้งนี้ได้รับรางวัลนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ในพิธีมอบรางวัลสภาวิจัยแห่งชาติ  รางวัลนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ รางวัลผลงานวิจัย รางวัลวิทยานิพนธ์ ประจำปี 2559 และรางวัลผลงานประดิษฐ์คิดค้น ประจำปี 2560 และ รางวัล 2016 TWAS Prize for Young Scientist in Thailand (Mathematics Field) จากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) โดยเข้ารับจากพลอากาศเอกประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี ประธานในพิธี เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2560  ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทคบางนา กรุงเทพมหานคร

ผลงานวิจัยของศาสตราจารย์ ดร.ทพญ.สิริพร ฉัตรทิพากร ได้ชี้ให้เห็นว่าภาวะอ้วนลงพุงก่อให้เกิดการดื้อต่ออินซูลินในสมองและการสูญเสียการทำงานของไมโตคอนเดรียในสมอง ซึ่งผลเสียดังกล่าวได้นำไปสู่การเกิดผลเสียอันใหญ่หลวงต่อสมอง นั่นคือส่งผลให้เกิดการสูญเสียการเรียนรู้และความจำในที่สุด คือยิ่งอ้วนจะยิ่งทำให้เรียนรู้และจดจำได้แย่ลง  นอกจากนั้นยังได้ค้นพบว่ายาต้านเบาหวาน สามารถจะเป็นยาตัวเลือกในการใช้เพื่อรักษาและป้องกันการเกิดสมองเสื่อมก่อนวัยในภาวะอ้วนลงพุงได้ นอกจากนั้นแล้วผลงานวิจัยยังแสดงให้เห็นว่าเมื่อร่างกายหมดฮอร์โมนเพศแล้วนั้น จะทำให้เกิดภาวะเสื่อมทางสมองได้คล้ายกับภาวะอ้วนลงพุง คือเกิดการสูญเสียการเรียนรู้และความจำ  และยังได้ค้นพบต่อไปอีกว่าถ้าหากมีภาวะอ้วนร่วมด้วย ก็จะยิ่งเสริมผลเสียนี้ให้รุนแรงมากขึ้น  ยิ่งไปกว่านั้นยังค้นพบว่ายาต้านเบาหวานสามารถลดการเสื่อมของสมองดังกล่าวได้ดีพอๆ กับการให้ฮอร์โมนเพศ เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่าฮอร์โมนเพศที่ให้ทดแทนภาวะขาดฮอร์โมนเพศนั้น สามารถก่อให้เกิดผลเสียข้างเคียงได้มาก ความรู้ดังกล่าวจากผลงานวิจัยนี้ได้ส่งผลกระทบต่อแนวทางการรักษาเป็นอย่างสูง เนื่องจากอาจก่อให้เกิดทางเลือกใหม่ในการป้องกันและรักษาการสูญเสียการเรียนรู้และความจำในผู้สูงอายุที่หมดฮอร์โมนเพศแล้วได้ในอนาคต

งานวิจัยนี้ก่อให้เกิดประโยชน์เชิงวิชาการอย่างสูง โดยเน้นความเชื่อมโยงระหว่างงานวิจัยในระดับสัตว์ทดลองไปถึงการพยายามนำไปใช้จริงในผู้ป่วยได้  โดยเน้นไปที่การค้นหากลไกความผิดปกติที่ทำให้การทำงานของสมองเสียไปเมื่อมีภาวะอ้วนลงพุง หรือวัยสูงอายุที่หมดฮอร์โมนเพศ ซึ่งองค์ความรู้ดังกล่าวจะเป็นหัวใจสำคัญในการนำไปปรับปรุงพัฒนาวิธีการรักษาผู้ป่วยให้ดียิ่งขึ้นต่อไป

****************
งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่-ข่าว/ภาพ

ข่าว ; ไทยร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด


แม่ทัพภาคที่ 3 ประชุมคณะกรรมการ ศูนย์อำนวยการเพื่อป้องกันและปราบปรามยาเสพติด โดยพื้นที่ลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้าเขตไทยมากที่สุดคือบริเวณชายแดนภาคเหนือ ทั้งนี้เพื่อหาแนวทางบูรณาการทุกภาคส่วนร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน ในการป้องกันและจับกุมอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2560 พลโทวิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 / ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชายแดนภาคเหนือ (ศอ.ปส.ชน.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการ ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชายแดนภาคเหนือ ครั้งที่ 1/2560 พร้อมด้วย นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต ที่ปรึกษาการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด, พลโทธนา จารุวัต แม่ทัพน้อยที่ 3 / ผู้บัญชาการ ศป.ปส.ชน. , พลตำรวจตรีภาณุเดช บุญเรือง ปฏิบัติราชการแทน รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และนายมนัส ขันใส ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมคณะกรรมการอำนวยการฯ และคณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการฯ เข้าร่วมประชุม เพื่อติดตามผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชายแดนภาคเหนือ ณ โรงแรมดิเอ็มเพรส อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

แม่ทัพภาคที่ 3 เปิดเผยว่า สถานการณ์ยาเสพติดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคเหนือ พบแหล่งผลิตยาเสพติดในประเทศเพื่อนบ้านยังคงมีการผลิตยาเสพติดประเภทยาบ้า ไอซ์ และเฮโรอีนเป็นจำนวนมาก เพราะสารเคมีที่ใช้เป็นสารตั้งต้นส่งเข้าไปอย่างต่อเนื่อง และยังตรวจพบว่าปี 2560 มีพื้นที่ปลูกฝิ่นเพิ่มขึ้น การลักลอบโดยกลุ่มชนเผ่าที่อยู่ตามแนวชายแดนยังเป็นกลุ่มลำเลียงเข้าเขตไทยเป็นหลัก แม้ว่าในปัจจุบันยาเสพติดจากแหล่งผลิตจะมีทิศทางไปทางตะวันออกเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณยาเสพติดที่เข้าทางภาคเหนือยังคงมีอยู่จำนวนมาก เพราะกลุ่มขบวนการสามารถผลิตได้ตามต้องการของผู้เสพ นอกจากนี้ ยังพบว่าแนวโน้มสถานการณ์ยาเสพติดตามแหล่งผลิตในประเทศเพื่อนบ้าน จะมีการผลิตเพิ่มขึ้นเพื่อทดแทนยาเสพติดที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้เป็นจำนวนมาก

สำหรับพื้นที่การลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้าเขตไทยที่สำคัญคือบริเวณอำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ ตลอดแนวไปจนถึงอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย และบริเวณท่าข้ามในลำน้ำโขง ซึ่งการปฏิบัติงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชายแดนภาคเหนือ จะทำการควบคุมอำนวยการ ประสานงานให้หน่วยที่เกี่ยวข้องดำเนินการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงราย ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือน ตุลาคม 2559 ถึง มกราคม 2560 ได้แก่ ด้านการป้องกันในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ มีการจัดระเบียบสังคมควบคุมพื้นที่เสี่ยง จำนวน 285 ครั้ง สั่งปิดสถานประกอบการจำนวน 7 แห่ง และในพื้นที่จังหวัดเชียงราย มีการประกาศรับรอง "ครัวเรือนสีขาว ปลอดยาเสพติด" จำนวน 2,080 ครัวเรือน รวมถึงการเสริมสร้างความมั่นคงในพื้นที่บ้านห้วยส้าน ด้านการบำบัดรักษา โดยศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงราย เปิดโครงการอบรมค่ายศูนย์ขวัญแผ่นดิน รวม 5 รุ่น ผู้เข้ารับการอบรมรวมทั้งสิ้น 471 คน และ ด้านการสกัดกั้นปราบปราม ในพื้นที่ 3 จังหวัด ยาบ้าจำนวน 4,628,597 เม็ด ไอซ์จำนวน 56.0 กิโลกรัม เฮโรอีนจำนวน 30.8 กิโลกรัม เงินสดจำนวน11.7 ล้านบาท และมีผู้ต้องหาจำนวน 406 คน

แม่ทัพภาคที่ ๓ กล่าวเพิ่มเติมว่า ยาเสพติดที่จับกุมได้นั้นเกิดจากการบูรณาการของทุกภาคส่วน และยาเสพติดที่เข้ามาในประเทศไทยมีจำนวนค่อนข้างสูง ประกอบกับรายได้ในการขนส่งยาเสพติดเป็นสิ่งที่จูงใจแก่นักขนส่งหน้าใหม่และชนเผ่า จึงส่งผลให้ยาเสพติดมีปริมาณมาก ซึ่งทางประเทศไทยก็ได้ประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมาร์ โดยจะร่วมกันปราบปรามยาเสพติดและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน รวมถึงการประชุมในวันนี้ ได้นำตัวอย่างการจับกุมที่ผ่านมา มาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน เพื่อหาแนวทางและการจับกุมให้เกิดประสิทธิผลมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

*******************
ส.ปชส.เชียงใหม่-ข่าว/ภาพ

ข่าว ; กาชาดเชียงใหม่มอบรางวัลสลากการกุศล ขณะที่กงสุลจีนมอบคอมพิวเตอร์แก่กาชาด


เหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่ มอบรางวัลสลากกาชาดการกุศลให้แก่ผู้โชคดีประจำปี 2560 พร้อมกันนี้สถานกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่ ยังได้สนับสนุนคอมพิวเตอร์สำนักงานสำหรับผู้พิการ ที่เข้าปฏิบัติงานในเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่อีกด้วย

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2560 นางมลสุดา ชำนิประศาสน์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานมอบรางวัลสลากกาชาดการกุศลแก่ผู้โชคดี โดยมีสมาชิกเหล่ากาชาดร่วมพิธี ณ สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่ สำหรับ ผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลสลากกาชาดการกุศลของเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่ประจำปี 2560 รางวัลที่ 1 รถยนต์นิสสัน JUKE MC ได้แก่ นายบุญทวี ตาขา อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ รางวัลที่ 2 รถยนต์กระบะโตโยต้า REVO ได้แก่ นายกิตติ์ อนันต์ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ รางวัลที่ 3 รถยนต์กระบะนิสสัน NAVARA ได้แก่ นายชานนท์ คำทอง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย และรางวัลที่ 4 รถจักรยานยนต์ HONDA WAVE 110 I ได้แก่ นางสาวสุวรา เลายี่ปา อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ นายสาย ตาลี อำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ และนางสิริพรรณ หอมนวล อำเภอเมืองเชียงใหม่

เหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่ ได้จัดการออกสลากกาชาดการกุศลประจำปี 2560 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหารายได้ใช้จ่ายการบรรเทาทุกข์และช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อน จากสาธารณภัยต่าง ๆ รวมถึงผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ และผู้ยากจน ซึ่งเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่ได้รับความอนุเคราะห์จากหน่วยงานทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์กรเอกชน และประชาชน ตลอดจนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตัวแทนจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้ให้ความช่วยเหลือด้านของรางวัลและอื่นๆอีกมากมาย ทั้งนี้ สามารถตรวจผลการออกรางวัลได้ที่สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่ และที่เว็บไซต์ http://www.chiangmai.go.th/web2556/ หรือ โทร 0-5321-2638

ในโอกาสนี้ สถานกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่ ได้มอบครุภัณฑ์คอมพิวเตอร์สำนักงานสำหรับผู้พิการ ที่เข้าปฏิบัติงานในเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 5 เครื่องโดยนายหวาง ซิ่วเซิง รองกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่ เป็นผู้แทนในการมอบ

*******************
ส.ปชส.เชียงใหม่-ข่าว/ภาพ

วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ภาพข่าว ; Super VIP ร่วมแสดงความยินดี ดร.ใหม่


          นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายนิวัฒน์ธำรงค์ บุญทรงไพศาล อดีตรองนายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยภริยา นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส สายงานการตลาดและการขาย บริษัท เอไอเอส และ นายอุดมศักดิ์ โง้วศิริ กรรมการบริหารอัลไพน์กรุ๊ป ร่วมแสดงความยินดีกับ นายทวีวัฒน์ ทวีผล ผู้จัดการทั่วไป อัลไพน์กอล์ฟรีสอร์ท เชียงใหม่ ในโอกาสรับปริญญาเอก Business Administration of Sports Management จากมหาวิทยาลัยศรีปทุม เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2560

***************

ภาพข่าว ; อธิการบดี ม.พายัพให้โอวาทนักกีฬาเข้าร่วม "สุรนารีเกมส์"


          ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สมพันธ์ วงษ์ดี อธิการบดีมหาวิทยาลัยพายัพ ให้โอวาทแก่นักกีฬาที่จะเดินทางไปร่วมการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัย ครั้งที่ 44 "สุรนารีเกมส์" ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จ.นครราชสีมา โดยมหาวิทยาลัยพายัพ ร่วมส่งนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขัน 5 ชนิดกีฬา ประกอบด้วย แบดมินตัน เทนนิส เทควันโด จักรายาน และกอล์ฟ

***************
สำนักสื่อสารองค์กร มหาวิทยาลัยพายัพ-ภาพ/ข่าว

ภาพข่าว ; ช่วยกันเล็ง ก่อนพิชิตแชมป์ภาคเหนือตอนล่าง


          เด็กชายฉลองรัฐ จิตรนวเสถียร นักกอล์ฟจากจังหวัดเชียงใหม่ สมาชิกสมาคมกอล์ฟแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ภาคเหนือตอนบน แผนกเยาวชน กำลังเล็งแนวก่อนทีออฟ ในการแข่งขันกอล์ฟเยาวชน TGA Singha Junior Golf Ranking 2016-17 สนามที่ 5 ภาคเหนือตอนล่าง ที่สนามนารายฮิลล์ กอล์ฟรีสอร์ท แอนด์ คันทรีคลับ จ.ลพบุรี เมื่อวันที่ 18-19 กุมภาพันธ์ 2560 โดยมีคุณพ่อ พรชัย จิตรนวเสถียร ช่วยเล็ง ก่อนที่ "น้องพล" จะจบการแข่งขัน 2 วันด้วยสกอร์ +17 (78-83-161) เป็นแชมป์ Class D (อายุ 9-10 ปี) ทิ้งห่างอันดับ 2 ถึง 22 สโตรก

          เด็กชายฉลองรัฐ จิตรนวเสถียร  นับว่าเป็นนักกอล์ฟที่ฝีมือดีที่สุดของภาคเหนือ และดีที่สุดคนหนึ่งในระดับประเทศสำหรับรุ่นอายุ 9-10 ปี ซึ่งในอนาคตเชื่อว่าจะเป็นกำลังสำคัญของจังหวัดเชียงใหม่และของประเทศไทย เพราะนอกจากฝีมือดีแล้วยังเป็นเด็กที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจสูง รวมทั้งยังได้รับการสนับสนุนและการเอาใจใส่อย่างเข้มงวดจากผู้ปกครองอีกด้วย

*****************

ข่าว ; เปิดงานตามรอยพ่อ “กษัตริย์เกษตร” ที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้


มหาวิทยาลัยแม่โจ้เปิดงานตามรอยพ่อ “กษัตริย์เกษตร” ให้พสกนิกรได้เรียนรู้ศาสตร์ของพระราชา พร้อมประกาศเจตนารมณ์และมีส่วนร่วมสืบสานพระราชปณิธาน ตามรอยพ่อ กษัตริย์เกษตร กำหนดจัดระหว่างวันที่  19-25 กุมภาพันธ์ 2560 ณ  มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ นับเป็นงานสำคัญที่ให้พสกนิกรได้มีส่วนร่วมสืบสานพระราชปณิธาน น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พ่อหลวงของปวงชนชาวไทยที่ทรงงานเพื่อคนไทยมาตลอดเวลา 70 ปี โดยได้รับเกียรติจาก หม่อมหลวงปนัดดา  ดิศกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธีเปิดงาน  เมื่อวันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา 17.00  น.

ทั้งนี้ ก่อนประกอบพิธีเปิด ได้มีการขับเสภาถวายความอาลัยโดยนักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ ต่อด้วยการร่วมกันยืนสงบนิ่งถวายความอาลัยเป็นเวลา 89 วินาที จากนั้น หม่อมหลวงปนัดดา  ดิศกุล ประธานในพิธีได้กล่าวสดุดีถวายพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กษัตริย์เกษตรของปวงชนชาวไทย พร้อมเปิด VTR เจ็ดทศวรรษ ใต้ร่มพระบารมีและเพลงรักพ่อไม่พอเพียง สำหรับกิจกรรมพิเศษในพิธีเปิดงานซึ่งสะกดให้ผู้เข้าร่วมพิธีเปิดงานอยู่ในภวังค์ คือได้รับชม VTR พร้อมรับฟังพระสุรเสียงและพระบรมราโชวาท ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล ที่พระองค์ทรงประกาศทฤษฎีใหม่ ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตแม่โจ้  เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์  2538 ณ สถานที่ที่กระทำพิธีเปิดงานนั้นเอง

หม่อมหลวงปนัดดา  ดิศกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการกล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 7 ทศวรรษ ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ทรงสร้างผลสัมฤทธิ์ให้ปรากฏเป็นที่ประจักษ์กว่า 4,000 โครงการ พระองค์ทรงเห็นว่าทุกข์ของราษฎรคือทุกข์ของพระองค์ จึงทรงประกอบพระราชกรณียกิจเป็นอเนกประการ เพื่อบรรเทาทุกข์ให้แก่อาณาประชาราษฎร์ พระองค์ได้พระราชทานทฤษฎีใหม่เพื่อเป็นแนวทางให้แก่ราษฎรในการจัดการพื้นที่ทำกินให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการพึ่งตนเองและเรียนรู้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต รวมทั้งมีส่วนร่วมเพื่อให้เกิดการจัดตั้งกลุ่มสหกรณ์ และประสานงานกับแหล่งทุนในโอกาสต่อไป การจัดงานตามรอยพ่อ “กษัตริย์เกษตร” จึงถือเป็นกิจกรรมที่สำคัญยิ่งของมหาวิทยาลัยแม่โจ้และจังหวัดเชียงใหม่ จึงขอชื่นชมคณะกรรมการดำเนินงานทุกฝ่ายที่มีส่วนร่วมส่งเสริมการสืบสานพระราชปณิธานด้วยการน้อมนำ "ทฤษฎีใหม่" อันเป็นศาสตร์พระราชาไปปฏิบัติให้บังเกิดผลเป็นรูปธรรม ทั้งในระดับครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ

ทางด้านนายกฤษณ์ ธนาวนิช  รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่  กล่าวว่า การจัดงาน ตามรอยพ่อ กษัตริย์เกษตร ที่จังหวัดเชียงใหม่ร่วมกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้จัดขึ้นในครั้งนี้ เป็นกิจกรรมที่มีคุณค่าและมีความหมายต่อคนไทยทุกคน เนื่องจากเป็นการจัดงานเพื่อเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระมหากษัตริย์ผู้ทรงประกอบพระราชกรณียกิจเป็นอเนกประการเป็นที่ประจักษ์แก่ชนทั่วโลก พระองค์จึงทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่รักยิ่งของพสกนิกร ในนามของจังหวัดเชียงใหม่ จึงพร้อมเชิญพสกนิกรทุกคนได้ร่วมกันปฏิบัติตามรอยเบื้องพระยุคลบาท ในการน้อมนำศาสตร์พระราชา  “เกษตรทฤษฎีใหม่” ไปใช้เป็นแนวทางสร้างชีวิตและสร้างชาติไทยให้ยั่งยืนสืบไป

ขณะที่ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จำเนียร  ยศราช  อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวว่า เป็นที่ประจักษ์กันแล้วว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงประกอบพระราชกรณียกิจเพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่อาณาประชาราษฎร์อย่างยาวนาน พระองค์ทรงตระหนักในเรื่องการเกษตรซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของประเทศ เพื่อเป็นการสืบสานพระราชปณิธานของพระองค์ท่าน มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และจังหวัดเชียงใหม่ จึงได้จัดงาน “ตามรอยพ่อ กษัตริย์เกษตร” ทั้งในส่วนพื้นที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้และในส่วนของสำนักฟาร์มมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จำนวน 907 ไร่ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ด้วยการจัดกิจกรรมที่แสดงถึงการสืบสานพระราชปณิธาน ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนรวมทั้งผู้สนใจทั้งภายในและภายนอกประเทศ ได้ศึกษาเรียนรู้เพื่อเป็นแนวทางนำไปปฏิบัติให้บังเกิดผล ภายในงานมีการจัดกิจกรรมสำคัญ คือ การเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  โดยได้รับการสนับสนุนจากจังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยงานเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน เข้าร่วมจัดกิจกรรมเพื่อร่วมกันสืบสานพระราชปณิธาน น้อมนำศาสตร์ของพระราชามาปรับใช้เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อภาคการเกษตรไทยอย่างยั่งยืน โดยมีการจัดกิจกรรมเป็น 5 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 การร่วมกันน้อมถวายการสักการะเทิดพระเกียรติและสืบสานพระราชปณิธาน “กษัตริย์เกษตร” ส่วนที่ 2 นิทรรศการ ซึ่งมีทั้งส่วนของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จำนวน 4  กลุ่มนิทรรศการ และนิทรรศการจากหน่วยงานภายนอก 6 กลุ่มนิทรรศการ  ส่วนที่ 3 แปลงสาธิตเกษตรทฤษฎีใหม่ที่เปิดให้ผู้สนใจเข้าไปศึกษาเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่ มีวิทยากรบรรยายให้ความรู้ตลอดงาน  ส่วนที่ 4 การเสวนาและฝึกอบรม อาทิ การเสวนาเรื่อง “สืบสานพระราชปณิธานกษัตริย์เกษตร”  และส่วนที่ 5 ตลาดนัดสินค้าเกษตรปลอดภัย “กาดแม่โจ้ 2477”  เป็นการจำหน่ายสินค้าที่มีความหลากหลาย  มีคุณภาพและปลอดภัย  มีการกำหนดราคาที่เป็นธรรม เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรและชาวนา

มหาวิทยาลัยแม่โจ้เป็นสถาบันอุดมศึกษาที่มีรากฐานทางการเกษตรที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ  ก่อตั้งมาตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2477 ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณสนองงานด้านต่าง ๆ  นับตั้งแต่ครั้งแรกที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จมายังแม่โจ้ และยังได้สนองงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โครงการหลวง และโครงการในพระองค์อีกหลายโครงการ โดยเฉพาะด้านการเกษตร สืบเนื่องเรื่อยมา รวมถึงการน้อมนำศาสตร์ของพระราชามาใช้ในการเรียนการสอน มีหลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพัฒนาภูมิสังคมอย่างยั่งยืน ผลิตมหาบัณฑิตที่มีความรอบรู้ทั้งในด้านทฤษฎีและปฏิบัติ  เพื่อเผยแพร่ให้สังคมเรียนรู้พระราชปรัชญา แนวพระราชดำริของพระองค์ท่าน  อันนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ถือได้ว่ามหาวิทยาลัยแม่โจ้เป็นสถาบันการศึกษาแห่งแรกและแห่งเดียว ที่เปิดหลักสูตรที่น้อมนำองค์ความรู้ศาสตร์ของพระราชาอย่างเป็นรูปธรรม

*****************

วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ข่าว ; ท่าอากาศยานเชียงใหม่พร้อมเผชิญปัญหา "ทัศนวิสัยต่ำ" จากหมอกควัน


นาวาอากาศเอก วิสูธ จันทนา ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ กล่าวถึงปัญหาทัศนวิสัยต่ำเนื่องจากสภาพอากาศในช่วงฤดูแล้งที่กำลังจะมาถึงว่า ทุกปีจะมีปัญหาหมอกควันปกคลุมทำให้เกิดปัญหาต่างๆมากมายหลายด้าน รวมทั้งภาพพจน์ด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ หนึ่งในปัญหาที่สำคัญคือปัญหาสำหรับการมองเห็นหรือทัศนวิสัยต่ำ อันส่งผลกระทบต่อการบินขึ้น ลง ของอากาศยาน ทั้งนี้ โดยก่อนจะเกิดวิกฤติหากเห็นว่าฝุ่นควันเริ่มมีแนวโน้มเกินค่ามาตรฐาน ทางท่าอากาศยานเชียงใหม่ก็จะใช้น้ำดับเพลิงฉีดพ่นไปในอากาศทั้งภายในและรอบๆ บริเวณสนามบิน นอกจากนั้น ยังสนับสนุนน้ำสำหรับอากาศยานของหน่วยงานต่างๆ ที่ขึ้นบินโปรยน้ำเพื่อความชุ่มชื้นในอากาศเพื่อลดฝุ่นควันอย่างเต็มที่

ส่วนการดำเนินการตามมาตรฐานนั้น ท่าอากาศยานเชียงใหม่ได้กำหนดขั้นตอนการปฏิบัติในสภาวะอากาศเลวร้ายและทัศนวิสัยต่ำ โดยร่วมมือกับศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ หอบังคับการบิน เจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่ของบริษัทสายการบิน หรือตัวแทนที่เกี่ยวข้องเมื่อเกิดสภาวะอากาศเลวร้ายและทัศนวิสัยต่ำ ซึ่งผู้ปฏิบัติงานในเขตการบินต้องปฏิบัติตามรายละเอียดที่กำหนด กรณีทัศนวิสัยต่ำ Low –Visibility แบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ ระดับที่ 1 ระดับการแจ้งเตือนก่อนเข้าสู่สภาวะทัศนวิสัยต่ำ (LVC Warning) หมายถึง มีค่า RVR (Runway visual range) ตั้งแต่ 800 เมตร ระดับที่ 2 ระดับปฏิบัติการทัศนวิสัยต่ำ (LVC Phase A) หมายถึง มีค่า RVR ต่ำกว่า 550 เมตร แต่ไม่ต่ำกว่า 100 เมตร และระดับที่ 3 ระดับทัศนวิสัยเลวร้าย (LVC Phase B) หมายถึง มีค่า RVR ต่ำกว่า 100 เมตรหรือระยะสายตามองเห็น 1 หลุมจอด

ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ กล่าวด้วยว่า วิธีปฏิบัติของสายการบินและผู้ปฏิบัติงานขณะเกิดทัศนวิสัยต่ำ Low –Visibility จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนคือ
- สังเกตสัญญาณแจ้งเตือน ได้แก่ ลำโพงสัญญาณเสียงแจ้งเตือน ติดตั้งอยู่ที่หลุมจอดอากาศยานหมายเลข 3 และ 7  และสัญญาณไฟแจ้งเตือน Warning Light ติดตั้งอยู่ที่ช่องทาง 1 (ช่องทางเข้า-ออกลานจอด) และหลุมจอดอากาศยานหมายเลข 3, 5, 7, 12, 17 เพื่อทราบสภาวะทัศนวิสัยต่ำ
- ปฏิบัติตามที่เจ้าหน้าที่เวรควบคุมลานจอดอากาศยานประกาศ
- ระมัดระวังความปลอดภัยแก่อากาศยาน ยานพาหนะ และจัดเก็บอุปกรณ์ให้บริการภาคพื้นและยึดตึงให้เรียบร้อย
- ผู้ขับขี่จะต้องขับขี่ยานพาหนะด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง
- ยานพาหนะเปิดไฟหน้าแสงพุ่งต่ำ
- ขับขี่ด้วยความเร็วไม่เกิน 20 กม./ ชม ในเขต Service Road และ 10 กม./ชม.ในเขตพื้นที่เคลื่อนไหว Movement Area
- หน่วยงานที่ปฏิบัติงานบนทางวิ่ง ทางขับ ให้ออกจากพื้นที่ทันที
- พนักงานผู้ปฏิบัติงานในเขตการบินต้องสวมเสื้อสะท้อนแสง
- ติดแถบสะท้อนแสงที่รถและอุปกรณ์ภาคพื้น
- ปฏิบัติตามมาตรฐานการปฏิบัติงาน (Standard Operation Procedures: SOPs) ในสภาวะทัศนวิสัยต่ำของหน่วยงานตนเอง ซึ่งต้องสอดคล้องกับขั้นตอนการปฏิบัติของท่าอากาศยานเชียงใหม่

"ทัศนวิสัย หมายถึง เกณฑ์การมองเห็นซึ่งมีระยะไกลที่สุดที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา ซึ่งปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบต่อทัศนวิสัย ทำให้ทัศนวิสัยต่ำมีหลายอย่าง เช่น หยาดน้ำฟ้า (Precipitation) หมอกและหมอกน้ำค้าง (Fog and Mist) ฝอยน้ำอันเกิดจากลม จากทะเล (Wind-blown Spay from the sea) น้ำมัน (Oils) ควัน (Smoke) ฝุ่นและทราย (Dust and Sand) เกลือ (Salt) ซึ่งเหล่านี้นับเป็นอันตรายต่อการบินและการปฏิบัติงานในเขตการบินเป็นอย่างมาก" ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่กล่าว

*****************

ภาพข่าว ; ผอ.สปข.3 เยี่ยมคารวะกงสุลใหญ่จีนเนื่องในโอกาสมารับตำแหน่งใหม่


          นายชูโชค ทองตาล่วง ผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์เขต 3 นำคณะผู้บริหารเข้าเยี่ยมคารวะ พร้อมหารือแนวทางการประสานงานร่วมกันกับ นายเหริน ยี่เซิง กงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำเชียงใหม่ เนื่องในโอกาสที่เดินทางมารับตำแหน่งใหม่ เมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2560

***************

ข่าว ; Hyperbaric Chamber เครื่องออกซิเจนแบบธรรมกาย มีมาก่อนที่คณะแพทย์ มช.

โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยเครื่อง “Hyperbaric Chamber” ใช้รักษาผู้ป่วยด้วยออกซิเจนบริสุทธิ์ความดันบรรยากาศสูง Hyperbaric Oxygen Therapy [HBOT] ซึ่งเป็นที่ฮือฮาเมื่อมีการตรวจพบที่วัดพระธรรมกาย เป็นเครื่องที่สามารถเพิ่มออกซิเจนในร่างกาย เสริมสร้างการหายของบาดแผล ลดความพิการและการสูญเสียอวัยวะ มีใช้แห่งเดียวในภาคเหนือตั้งแต่ปี 2557

ผศ.นพ.เธียรไชย ภัทรสกุลชัย อาจารย์ประจำหน่วยศัลยกรรมศีรษะและลำคอ  มะเร็งวิทยา และศูนย์บำบัดด้วยออกซิเจนความกดบรรยากาศสูง ภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า การรักษาผู้ป่วยด้วยออกซิเจนความดันบรรยากาศสูง “Hyperbaric Oxygen Therapy [HBOT]” ด้วยเครื่อง Hyperbaric Chamber ในระยะแรกถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางทางเวชศาสตร์ใต้นํ้า ใช้รักษาผู้ป่วยภาวะสมองขาดเลือดจากการอุดตันของก๊าซไนโตรเจนในนักดำนํ้า การเกิดฟองอากาศในกระแสเลือดไปอุดตันตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งเครื่องนี้สามารถเพิ่มความดันทำให้ฟองอากาศมีขนาดเล็กลงจนทำให้ออกซิเจนผ่านเข้าไปในเลือด ทำให้เลือดสามารถไหลเวียนไปเลี้ยงสมองและส่วนต่างๆ ได้ดีขึ้น

ส่วนชนิดและลักษณะของห้องปรับบรรยากาศ ที่ใช้ดำเนินการรักษาผู้ป่วยอยู่ในปัจจุบัน เป็นห้องปรับความดันบรรยากาศสูงชนิดคนเดียว (Monoplace Chamber) มีลักษณะคล้ายหลอดแก้วใหญ่ทำด้วยพลาสติกอะครีลิคใส สามารถทนความกดบรรยากาศได้สูงสุด 3 บรรยากาศ จุผู้ป่วยนอนได้ครั้งละ 1 คน ผู้ป่วยสามารถผ่อนคลาย นอนพัก หรืดูโทรทัศน์ขณะเข้ารับการรักษา ภายในห้องนี้เพิ่มความกดบรรยากาศด้วยออกซิเจน ผู้ป่วยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยในการหายใจ มีระบบสื่อสาร ผู้ป่วยสามารถพูดคุยติดต่อกับบุคคลภายนอกได้ขณะเข้ารับการรักษา ปัจจุบันมีหลายโรคที่สามารถรักษาได้ด้วย Hyperbaric Oxygen Therapy โดยใช้เครื่อง Hyperbaric Chamber ได้แก่ โรคฟองแก๊สอุดตันในหลอดเลือดแดง โรคลดความดันบรรยากาศหรือโรคน้ำหนีบ แก้ไขภาวะการเป็นพิษจากแก๊สคาร์บอนมอนนอกไซด์ แก๊สไซยาไนด์หรือการสำลักควันไฟ โรคติดเชื้อที่ทำให้เกิดการตายของเนื้อเยื่อ การติดเชื้อของเนื้อเยื่อจากแบคทีเรียที่ไม่ใช้ออกซิเจน การติดเชื้อเรื้อรังของกระดูก โรคฝีในสมอง การบาดเจ็บของเนื้อเยื่อเนื่องจากการถูกบดขยี้ การได้รับบาดเจ็บจากรังสี โรคแผลหายยาก การเสียเลือดจำนวนมากในผู้ป่วยกลุ่มเลือดหายาก การปลูกถ่ายผิวหนังและกล้ามเนื้อในผู้ป่วยบางภาวะ แผลไฟไหม้หรือจากความร้อน สูญเสียการมองเห็นจากเส้นเลือดแดงของตาอุดตัน และสูญเสียการได้ยินเฉียบพลันโดยไม่ทราบสาเหตุ

ผศ.นพ.เธียรไชย ภัทรสกุลชัย กล่าวต่อว่า ที่ศูนย์บำบัดด้วยออกซิเจนความกดบรรยากาศสูง โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เริ่มใช้เครื่อง “Hyperbaric  Chamber” ชนิดตู้เดี่ยว มูลค่า  6 ล้านบาท จำนวน  2 เครื่อง  รักษาผู้ป่วยมาตั้งแต่ปี 2557 นับว่าเป็นเครื่องที่มีมาตรฐานเครื่องแรกเครื่องเดียวในภาคเหนือ ให้การรักษาผู้ป่วยฟันผุและเหงือกอักแสบจากการฉายแสงมากที่สุด รองลงมาคือโรคเบาหวาน, กระเพาะปัสสาวะอักเสบจากการฉายแสง , เส้นเลือดอุดตัน , แผลจากการผ่าตัดที่มีปัญหาจากการขาดเลือดไปเลี้ยง, แผลติดเชื้อรุนแรง และลำไส้ใหญ่ส่วนปลายอักเสบจากการฉายแสง ตามลำดับ ทำการรักษาผู้ป่วยมาแล้ว 120 ราย รวมกว่า 3,700 ครั้ง ซึ่งผู้ป่วย 1 รายจะต้องเข้ารับการรักษา 30-40 ครั้ง และสูงสุดไม่เกิน 60 ครั้ง ครั้งละ 2 ชั่วโมง  ขึ้นอยู่กับชนิดของโรค ใช้ออกซิเจนคนละ 30,000 ลิตร เฉลี่ย 200-300ลิตร ต่อนาที ในขณะที่ผู้ป่วยทั่วไปใช้เพียง 5-10 ลิตร โดย 1 วันสามารถรักษาผู้ป่วยได้ 6-8 ราย ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษายาวนานที่สุด คือ โรคเบาหวาน และเส้นเลือดอุดตัน แล้วผ่าตัดล้มเหลว การรักษาให้ผลค่อนข้างดีถ้าไม่เป็นกระดูกตายมาก่อนจะได้ผลเกือบ 100%

นอกจากนี้การรักษาโรคด้วย Hyperbaric Chamber ยังทำให้สมองและร่างกายได้รับออกซิเจนสูงกว่าการให้ออกซิเจนตามปกติหลายเท่า จนสามารถช่วยให้สมองทำงานได้ดีขึ้น รวมถึงการช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทในส่วนต่างๆของร่างกาย ช่วยส่งเสริมและกระตุ้นการเจริญของเนื้อเยื่อและหลอดเลือดฝอย  ช่วยยับยั้งและต่อต้านการติดเชื้อโรคบางชนิด เพิ่มประสิทธิภาพเซลล์เม็ดเลือดขาวในการทำลายเชื้อโรค ช่วยให้เลือดไหลเวียนไปสู่อวัยวะที่ขาดเลือดได้ดีขึ้น ลดอาการบวมของอวัยวะ ลดขนาดของฟองอากาศในเนื้อเยื่อและหลอดเลือด และยังพบว่ามีผลในด้านความสวยความงามที่ช่วยทำให้ผิวขาวขึ้น  ผมดกดำขึ้น ผมขาวลดลง ผิวพรรณเต่งตึง สุขภาพแข็งแรง ซึ่งเป็นผลจากการที่ร่างกายได้รับออกซิเจนที่เพิ่มขึ้น โดยในอนาคตอาจจะมีการวิจัยเรื่องศาสตร์ชะลอวัย (Anti-aging) ร่วมกับนักวิจัยอีกด้วย

*****************

ข่าว ; เชียงใหม่เปิดการรณรงค์ปลอดควันพิษจากไฟป่า ฝ่าฝืนโดนโทษหนัก

จังหวัดเชียงใหม่จัดกิจกรรมรณรงค์ให้ปลอดควันพิษจากไฟป่า เพื่อให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม โดยเตรียมเครื่องมือและกำลังพลพร้อมรับมือวันแรกในการประกาศ 60 วันห้ามเผาเด็ดขาด ผู้ฝ่าฝืนจะถูกลงโทษอย่างเด็ดขาด

วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2560 นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีเปิดงานกิจกรรมวันรณรงค์ให้ปลอดควันพิษจากไฟป่า ประจำปี 2560 ณ บริเวณหน้าอาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่ากรมป่า ไม้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เจ้าหน้าที่ทหาร อาสาสมัครรักษาดินแดน ตลอดจนหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ข้าราชการ พนักงานเจ้าหน้าที่ เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 500 คน

กิจกรรมในครั้งนี้ถูกจัดขึ้นโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 (เชียงใหม่) สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 เพื่อรณรงค์กระตุ้นให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจและตระหนักถึงอันตรายของไฟป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และร่วมกันรณรงค์ให้ประชาชนและเกษตรกรงดการจุดไฟเผาป่า ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชนหน่วยงานภาครัฐองค์กรเอกชน ในการป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่าร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2560 เป็นวันแรกของการประกาศ 60 วันห้ามเผาเด็ดขาด โดยห้ามเผาในที่โล่งทุกชนิดอย่างเด็ดขาดในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ทั้งนี้ เนื่องจากจังหวัดเชียงใหม่ได้ประสบปัญหาหมอกควันปกคลุมในช่วงฤดูแล้ง อันมีสาเหตุมาจากการเกิดไฟป่า การเผาในที่โล่ง สภาพภูมิประเทศที่เป็นแอ่งกระทะ มีภูเขาล้อมรอบ ประกอบกับความกดอากาศสูง ทำให้หมอกควันแผ่ปกคลุมทั่วเมืองเชียงใหม่ อันจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพและความเสียหายทางเศรษฐกิจกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว จึงมีประกาศจังหวัดเชียงใหม่ให้ปัญหาหมอกควันและไฟป่าเป็นวาระของจังหวัดเชียงใหม่ ที่ต้องดำเนินการแก้ไขอย่างจริงจังและต่อเนื่อง หากมีการเผาหลัง 60 วันแห่งการห้ามเผานี้ กำหนดมาเพื่อการควบคุมไม่ให้เกิดการเผาพร้อมๆ กันจนควบคุมไม่ได้ หากผู้ใดจะทำการเผาสิ่งใดก็ตาม แม้จะสิ้นสุดช่วงห้ามเผาไปแล้วต้องขออนุญาตจากทางอำเภอก่อนทุกครั้ง ส่วนช่วง 60 วันแห่งการห้ามเผาทุกชนิดเด็ดขาดจะมีการกำชับเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น ซึ่งหากตรวจพบหรือจับได้ว่ามีการฝ่าฝืนจะมีการลงโทษอย่างเฉียบขาด ซึ่งมีการตั้งรางวัลนำจับไว้ด้วย โดยผู้ชี้เบาะแสเพื่อนำไปสู่การจับกุมผู้ที่ทำการเผาในช่วง 60 วัน จะได้รางวัลนำจับรายละ 5,000 บาท โดยสามารถแจ้งเหตุได้ที่ศูนย์อำนวยการสั่งการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าจังหวัดเชียงใหม่ หมายเลขโทรศัพท์ 053 112236 หรือโทร 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

******************

วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ข่าว ; คณะแพทย์ มช. จัดกอล์ฟการกุศล “หมอเจ้าฟ้า” ประจำปี 2560

คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กำหนดจัดแข่งขันกอล์ฟการกุศล ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ รายได้สมทบ “กองทุนหมอเจ้าฟ้า”  ในวันอาทิตย์ ที่ 12 มีนาคม 2560 ณ สนาม The Royal Chiangmai  Golf  Resort

ศ.นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แจ้งว่า การแข่งขันกอล์ฟการกุศล ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ รายได้สมทบ “กองทุนหมอเจ้าฟ้า” ประจำปี 2560 กำหนดจัดในวันอาทิตย์ ที่ 12 มีนาคม 2560 ช็อตกันสตาร์ท 2 รอบคือ รอบเช้า 06.30 น. และรอบบ่าย 12.30 น. ณ สนาม The Royal Chiangmai  Golf  Resort  อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ แบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 ประเภทประกอบด้วย ประเภททีม 5 คน และประเภทบุคคล แบ่งเป็น 5 ไฟลท์คือ ไฟลท์ A แต้มต่อ 0-12 ไฟลท์ B แต้มต่อ 13-18 ไฟลท์ C แต้มต่อ 19-24 ไฟลท์ SENIOR แต้มต่อ 0-24 ไฟลท์ LADY แต้มต่อ 0-24 และไฟลท์ JUNIOR แต้มต่อ 0-24 โดยทีมชนะเลิศจะได้รับรางวัลถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ส่วนประเภทบุคคลชนะเลิศและรองชนะเลิศแต่ละไฟลท์ จะได้รับถ้วยเกียรติยศจากผู้มีเกียรติ รวมทั้งสิ้น 20 รางวัล

นอกจากนั้น ยังมีรางวัลพิเศษอีกมากมาย  อาทิ รางวัล Hole in one  หลุม 6 รถยนต์  Nissan Almera Sportech 1 คัน รางวัล Hole in one หลุม 11 รถยนต์ Nissan  March 1 คัน รางวัลตีใกล้ธงหลุมพาร์ 3 ทุกหลุม รางวัลตีไกลใกล้เส้น และรางวัลจับฉลากทั้งรอบเช้าและรอบบ่าย ทั้งยังมีกิจกรรมพิเศษคือบริการตรวจสุขภาพฟรีสำหรับผู้เข้าร่วมงานก่อนการแข่งขันอีกด้วย

ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสมัครเข้าร่วมการแข่งขันได้ที่ งานประชาสัมพันธ์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่  หมายเลขโทรศัพท์ 053-936150 หรือที่สนาม The Royal  Chiangmai  Golf  Resort  หมายเลขโทรศัพท์ 053-849301-6 อัตราค่าสมัครประเภททีม VIP ทีมละ 30,000 บาท ประเภททีมทั่วไป รอบเช้าทีมละ 16,000 บาท รอบบ่าย ทีมละ 20,000 บาท และประเภทบุคคลรับสมัครเฉพาะรอบเช้า คนละ 3,200 บาท

สำหรับกองทุนหมอเจ้าฟ้า คณะแพทยศาสตร์  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา  กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์  เป็นกองทุนที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย” และชื่อ “หมอเจ้าฟ้า” เป็นพระราชสมัญญานามที่ประชาชนชาวเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียง ได้ถวายแด่องค์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ขณะเสด็จฯ มาทรงงาน ณ โรงพยาบาลแมคคอร์มิค จังหวัดเชียงใหม่ นับเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ซึ่งมิได้เคยปรากฏที่ใดมาก่อนในประเทศ ที่พระบรมวงศานุวงศ์จะทรงงานเป็น “นายแพทย์” และพระราชทานการรักษาพยาบาลให้แก่สามัญชนคนธรรมดาทั่วไป  ยังความซาบซึ้งใจในพระมหากรุณาธิคุณเป็นที่สุด และในปีพ.ศ.2527 คณะแพทยศาสตร์  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่  ได้จัดตั้งกองทุนพัฒนาอาจารย์แพทย์ขึ้น พร้อมอัญเชิญพระราชสมัญญานาม  “หมอเจ้าฟ้า”  เป็นชื่อกองทุน โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญ 2 ด้าน ได้แก่ ด้านแรกเพื่อพัฒนาศักยภาพทางวิชาการ วิชาชีพของอาจารย์แพทย์  ให้มีความรู้ความสามารถในวิทยาการชั้นสูงและทันสมัย โดยการให้ทุนไปศึกษาและฝึกอบรม ณ ต่างประเทศ เพื่อจะได้นำเอาความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับกลับมาใช้พัฒนาการเรียนการสอน การให้บริการ การรักษา การวิจัยและเผยแพร่ความรู้สู่ชุมชน และด้านที่สอง เพื่อเป็นทุนสนับสนุนนักศึกษา 6 คณะวิทยาศาสตร์สุขภาพ ได้แก่ คณะแพทยศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ คณะพยาบาลศาสตร์ และคณะเทคนิคการแพทย์ ที่มีผลการเรียนดี มีความประพฤติเรียบร้อย แต่มีข้อจำกัดทางการเงิน ให้ได้รับโอกาสที่จะศึกษาตลอดหลักสูตรจนสำเร็จการศึกษา และออกไปประกอบอาชีพทำหน้าที่ของตนเพื่อรับใช้สังคมและประเทศชาติต่อไป

*******************

ข่าว ; เปิดตัวคณบดี และคณะผู้บริหารคณะแพทยศาสตร์ มช.ปี 2560-2563

วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา 10.30 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 15 อาคารเฉลิมพระบารมี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นำคณะผู้บริหารชุดใหม่เปิดตัวพร้อมแถลงนโยบาย วิสัยทัศน์ และทิศทางการบริหาร คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปีบริหาร 2560 - 2563 เพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศในการผลิตแพทย์และการบริการสุขภาพในระดับนานาชาติ ซึ่งประกอบด้วยรองคณบดี 6 คน ผู้ช่วยคณบดี 12 คน โดยเฉพาะผู้บริหารหน่วยงานที่เป็นหลักสำคัญของคณะ คือ ผู้อำนวยโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ได้แก่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์ วิชัย  ชื่นจงกลกุล ผู้อำนวยการศูนย์ศรีพัฒน์ ได้แก่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์ ธนินนิตย์ ลีรพันธ์ และผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ ได้แก่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์ นเรนทร์ โชติรสนิรมิต

ศาสตราจารย์ นายแพทย์ บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ กล่าวว่า คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นโรงเรียนแพทย์แห่งแรกในภูมิภาคของประเทศไทย ซึ่งได้ผลิตแพทย์ที่มีคุณภาพออกมารับใช้สังคมมานานกว่าครึ่งศตวรรษ ทั้งนี้ สำหรับใน 4 ปีต่อจากนี้ไปภายใต้การนำของคณะผู้บริหารชุดนี้ ทุกคนมีความพร้อมที่จะนำพาบุคลากรทางการแพทย์กว่า 5,000 คน ร่วมกันพัฒนาคณะแพทยศาสตร์ในทุักด้าน เช่น ด้านการศึกษาก็มุ่งผลิตบัณฑิตและบัณฑิตแพทย์ที่มีคุณภาพ คุณธรรม และทักษะการเป็นพลเมืองที่ดี ด้านการวิจัยก็มุ่งมั่นที่จะสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการของประเทศ และด้านการบริการก็จะเน้นบริการสุขภาพที่เป็นเลิศและเป็นที่ยอมรับจากสังคม ทั้งโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ศูนย์ศรีพัฒน์ และศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ อีกทั้งจะเป็นผู้นำด้านสุขภาพในระดับนานาชาติ เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางการส่งเสริมสุขภาพ บริการสุขภาพ บริการยิชาการและงานวิจัย รวมทั้งเป็นศูนย์กลางยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพอีกด้วย

สำหรับคณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ บรรณกิจ  โลจนาภิวัฒน์ ปัจจุบันอายุ 52 ปี เป็นศาสตราจารย์ประจำหน่วยศัลยศาสตร์ระบบปัสสาวะ ภาควิชาศัลยศาสตร์  คณะแพทยศาสตร์  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยมีตำแหน่งบริหารในปัจจุบันประกอบด้วย
-หัวหน้างานภาควิชาศัลยศาสตร์  คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
-ผู้อำนวยการหน่วยวิจัยทางคลินิก ( Clinical  Trial  Unit ) คณะแพทยศาสตร์ มหาลัยเชียงใหม่
-กรรมการบริหารเครือข่ายวิจัยกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย ( MedResNet )
-กรรมการบริหารสมาคมศัลยศาสตร์ระบบปัสสาวะในพระบรมราชินูปถัมภ์ ( Thai Urologic Association )
-ผู้อำนวยการศูนย์หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด  คณะแพทยศาสตร์  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
-ประธาน ( President ) ขององค์กร Asia – Pacific Prostate Society ( APPS )
-กรรมการบริหาร ( Founder member ) องค์กรฝึกผ่าตัดทางระบบปัสสาวะ Asia:Asian Urological  Surgery Training & Education Group ( AUGTEG )
-กรรมการในคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในคน คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ส่วนตำแหน่งบริหารในอดีต ประกอบด้วย
-รองคณบดีฝ่ายวิจัยและวิเทศสัมพันธ์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
-ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิจัยและวิเทศสัมพันธ์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
-ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายแพทย์ใช้ทุนแพทย์ประจำบ้าน คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
-ประธานสรรหากรรมการสภาปี 2555,2559 และกรรมการสรรหากรรมการสภา ปี 2557

ทางด้านผลงานทางวิชาการระดับนานาชาติและระดับชาติ ที่สำคัญ ได้แก่
-ศาสตราจารย์ ได้รับเงินเดือนขั้นสูง ประจำหน่วยศัลยศาสตร์ระบบปัสสาวะ ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
-ประธานวิชาการสมาคมศัลยศาสตร์ระบบปัสสาวะในพระบรมราชินูปถัมภ์ ( Thai Urologic Association )
-ประธานจัดการประชุม World Congress on Videourology ณ โรงแรมดิเอมเพรส จังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 9-11 มิถุนายน 2559
-ประธานวิชาการการประชุม Asian Congress on Urology ณ โรงแรม Royal cliff พัทยา วันที่ 22-26 สิงหาคม 2555
-ประธานจัดการประชุม Asia Pacific Prostate Society ณ โรงแรมดิเอ็มเพลส จังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 12- 13 ตุลาคม 2560
-ตัวแทนประเทศไทยในการร่วมเขียนแนวทางปฏิบัติ ( NCCN Guideline ) ในทวีปเอเชียของโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งไต
-ตัวแทนประเทศไทยในการเก็บข้อมูลผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในทวีปเอเชีย( Asia CAP )
-Reviewer/Editorial Boarf ของวารสารนานาชาติหลายฉบับ Journal of Urology ,Journal of Endourology,Plos One,Plus D,Urology,Oncotarget,Pharmaceutical Science,Braz J Urology,Lasers in Medical Science,European Journal of Pharmacology,Advances in Urology,Prostate International,Asian J Urology,Indian J Urology,Singapore Med Journal,Urology Journal,Cancer Research Frontier,Saudi Medical Journal,Jacobs Journal of Nephrology and Urology.
-บรรยายในการประชุมต่างประเทศ ในฐานะตัวแทนของประเทศหรือตัวแทนทวีปเอเชีย ณ ประเทศ USA,United kingdom,Cape Town,Argentina,Australia,Japan,Taiwan,Hong Kong,Korea,China,Singapore,India,Sri Lanka,Malaysia,Indonesia,Philippine,Cambodia,Vietnam
-External Accessor ในการขอตำแหน่งศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยต่างประเทศ เช่น University of Malaya ประเทศมาเลเซีย

และการฝึกอบรมด้านการบริหาร ประกอบด้วย
-Mini - MBA สำหรับผู้บริหาร ณ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
-Hospital Management Program ณ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ ( Sasin Graduate Institute of Business Administration ) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

******************

ข่าว ; สวนสัตว์เชียงใหม่ได้สมาชิกลูกวัวแดงเพิ่ม 1 ตัว ทำให้มีวัวแดงรวมเป็น 9 ตัว

สวนสัตว์เชียงใหม่ได้ต้อนรับสมาชิกใหม่อีกแล้ว คราวนี้เป็นลูกวัวแดงเพศเมีย สัตว์ป่าหายากใกล้สูญพันธุ์ สุขภาพแข็งแรงเป็นอย่างดี ทำให้ขณะนี้สวนสัตว์เชียงใหม่มีสมาชิกวัวแดงรวมเป็น 9 ตัวแล้ว

นายนิพนธ์ วิชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ แจ้งว่า เมื่อวันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา 10.00 น. ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ที่ดูแลวัวแดงว่ามีลูกวัวแดงตกลูกมา 1 ตัว เป็นตัวเมีย โดยเบื้องต้นพบว่าสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ดี อยู่ในความดูของสัตวแพทย์และพี่เลี้ยงอย่างใกล้ชิด ทำให้ขณะนี้ที่สวนสัตว์เชียงใหม่มีประชากรวัวแดงรวมเป็น 9 ตัว

ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่กล่าวว่า วัวแดง เป็นวัวป่าชนิดหนึ่ง รูปร่างคล้ายวัวบ้านทั่วไป แต่มีลักษณะสำคัญที่แตกต่างจากวัวบ้านและกระทิงคือ มีวงก้นขาวทั้งในตัวผู้และตัวเมีย มีเส้นขาวรอบจมูก ขาทั้ง 4 ข้างมีสีขาวตั้งแต่หัวเข่าจนถึงกีบเท้า ระหว่างโคนขาของตัวผู้ไม่มีขน แต่เป็นหนังตกกระแข็ง ๆ เรียกว่า “กระบังหน้า” มีความยาวลำตัวถึงหัวประมาณ 190 – 255 เซนติเมตร หางยาว 65 – 70 เซนติเมตร สูงประมาณ 155 – 165 เซนติเมตร และมีน้ำหนักราว 600 – 800 กิโลกรัม พบในพม่า, ไทย, อินโดจีน, ชวา, บอร์เนียว, เกาะบาหลี, ซาราวัก, เซเลบีส สำหรับประเทศไทยเคยพบได้ทุกภาค อาหารของวัวแดง ได้แก่หญ้าอ่อน ๆ ใบไผ่อ่อน หน่อไม้อ่อน ลูกไม้ป่าบางชนิด ใบไม้ ยอดอ่อนของพืช และดอกไม้ป่าบางชนิด วัวแดงจะเริ่มผสมพันธุ์ได้เมื่อมีอายุ 2 ปีเศษ ระยะเวลาตั้งท้อง 8-10 เดือน ปกติออกลูกครั้งละ 1 ตัว ลูกจะหย่านมเมื่อมีอายุราว 9 เดือน หลังคลอดลูกแล้วแม่วัวแดงจะเป็นสัดและรับการผสมพันธุ์อีกได้ในเวลา 6-9 เดือน  มีอายุยืนประมาณ 30 ปี วัวแดงยังมีชื่อเรียกอื่น ๆ อีก เช่น "เพลาะ” เป็นต้น ปัจจุบันวัวแดงจึงเป็นสัตว์ที่มีรายชื่ออยู่ในพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 เนื่องจากเป็นสัตว์ป่าหายากและใกล้สูญพันธุ์

***************

วันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ข่าว ; เชียงใหม่เร่งจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์


จังหวัดเชียงใหม่ ติดตามการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ เพื่อหาแนวทางการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวอย่างเป็นระบบ มีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผลสูงสุด

ที่ห้องประชุมที่ทำการปกครองจังหวัด ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมติดตามและตรวจสอบการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ เพื่อพิจารณากำหนดพื้นที่เป้าหมาย แนวทางการจัดระเบียบ และกําหนดกลยุทธ์การจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวจังหวัดเชียงใหม่ โดยยึดตามยุทธศาสตร์แก้ปัญหาผู้หลบหนีเข้าเมือง

การจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวเพื่อการจ้างงานอย่างถูกกฎหมาย โดยควบคุมให้นายจ้างต้องทำสัญญาจ้างแรงงานต่างด้าว ซึ่งกำหนดระยะเวลาจ้างงาน อัตราค่าจ้าง และสวัสดิการอย่างชัดเจน พร้อมให้นายจ้างรับผิดชอบจัดหาที่อยู่อาศัยให้กับแรงงานต่างด้าว และแจ้งเจ้าหน้าที่ทราบตามกฎหมาย การคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐาน ทั้งสิทธิด้านการศึกษา ด้านสาธารณสุขและในการเดินทาง ซึ่งจะพิจารณากำหนดพื้นที่ควบคุมเป็นระดับจังหวัด และการกำหนดพื้นที่และเดินทางออกนอกเขตพื้นที่ให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงมหาดไทย และการใช้กระบวนการทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการแก้ปัญหา โดยส่งเสริมให้แรงงานต่างด้าวร่วมมือกับชุมชนไทยในการจัดระเบียบแรงงานและดูแลชุมชนร่วมกัน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของชุมชน การดูแลทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม การรักษาความมั่นคง ส่งเสริมจิตสำนึก ทัศนคติ และความรับผิดชอบของแรงงานต่างด้าวต่อชุมชน สังคม และประเทศไทย เพื่อสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างสงบสุข ตลอดจนประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจต่อสาธารณชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อชุมชน นายจ้าง และผู้ประกอบการในพื้นที่ให้ตระหนักถึงผลกระทบของการจ้างงานผิดกฎหมายด้วย

นอกจากนี้ยังได้พิจารณาแนวทางการขับเคลื่อนการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวของจังหวัดเชียงใหม่ โดยได้แต่งตั้งคณะกรรมการในการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติ ตามโครงการตรวจสอบและควบคุมประชากรแรงงานต่างด้าว เพื่อความสงบเรียบร้อยของสังคมไทยในพื้นที่เชียงใหม่

นายพุฒิพงศ์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีแรงงานต่างด้าวที่ขึ้นทะเบียนอยู่ในระบบแล้วกว่า 154,000 คน และได้รับความร่วมมือของนายจ้างที่จะจ้างแรงงานต่างด้าวอย่างถูกกฎหมาย เนื่องจากกฎหมายแรงงานต่างดาวปัจจุบันมีโทษหนัก หากมีการจับกุมและโทษปรับในอัตราสูงสุด ทำให้ผู้ประกอบการหรือนายจ้างรู้สึกว่าไม่คุ้มค่าที่จะจ้างแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมาย ประกอบกับทางสำนักงานจัดหางานจังหวัดเชียงใหม่ได้มีการประชาสัมพันธ์และให้ข้อมูลกับนายจ้าง แรงงานต่างด้าว รับทราบว่าจะต้องทำอย่างไร ถึงจะทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายได้ เพราะที่แล้วมาปัญหาเกิดจากแรงงานต่างด้าวทำงานเพราะความไม่รู้ไม่เข้าใจ และมีบุคคลบางกลุ่มที่เป็นสายนายหน้าเข้าไปให้ข้อมูลผิดอีกด้วย ทั้งนี้การจัดระเบียบแรงงานต่างด้าว มีความสำคัญต่อความมั่นคงของประเทศในการป้องกันและปราบปรามปัญหาการค้ามนุษย์ การบังคับใช้แรงงานเด็กภายในเขตจังหวัด โดยจะต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบ ด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผลสูงสุด

***********************
ส.ปชส. เชียงใหม่-ข่าว/ภาพ

ข่าว ; แมสคอม มช. คว้า 2 รางวัลความสามารถทางวิชาการเครือข่ายนิเทศศาสตร์

นักศึกษาคณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้เข้าร่วมจัดการแข่งขันความสามารถทางวิชาการสาขาการประชาสัมพันธ์และการถ่ายภาพสินค้าอาหารในสตูดิโอ ซึ่งได้รับรางวัลจากการแข่งขัน  2 รางวัล ดังนี้

  รางวัลชนะเลิศ การแข่งขันความสามารถทางวิชาการสาขาการประชาสัมพันธ์ หัวข้อ "การประชาสัมพันธ์ในภาวะวิกฤต" สมาชิกในทีมประกอบด้วย นายธนวัฒน์ สร้อยสุวรรณ นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับเพื่อนร่วมทีมจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต มหาวิทยาลัยรังสิต และมหาวิทยาลัยศรีปทุม จัดโดยเครือข่ายนิเทศศาสตร์ ร่วมกับมูลนิธินิเทศ และคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2560
 
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 โครงการประลองความสามารถทางวิชาการ “การถ่ายภาพสินค้าอาหารในสตูดิโอ” จัดโดยเครือข่ายนิเทศศาสตร์ร่วมกับคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2560

***********************
ปชส. คณะการสื่อสารมวลชน มช.-ข่าว/ภาพ

ภาพข่าว ; กัซซันเลกาซี่ จับมือแม่โจ้ เดินสายทำตลาดสิงคโปร์ดึงนักกอล์ฟช่วงโลว์


ตัวแทนสนามกอล์ฟ กัซซัน เลกาซี่กอล์ฟ คลับ นำโดย นายสุพชฌาย์  เสวตไอยาราม ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด พร้อมด้วยตัวแทนสนาม แม่โจ้ กอล์ฟรีสอร์ท แอนด์สปา จากการนำของ นายเฉลิมพล ชูชาติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด และ น.ส.วราพร อากาศวิภาต ฝ่ายขายและการตลาด เดินทางไปยังประเทศสิงคโปร์ เพื่อโปรโมทตลาดและจำหน่ายแพคเกจการท่องเที่ยวกอล์ฟ ภายในงาน NATAS TRAVEL FAIR 2017 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 - 19 กุมภาพันธ์ 2560 ณ ประเทศสิงคโปร์ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยเฉพาะนักกอล์ฟจากประเทศสิงคโปร์ ให้เดินทางมาท่องเที่ยวยังจังหวัดเชียงใหม่ เป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงกรีนซีซั่น คือช่วงฤดูฝนที่การท่องเที่ยวโดยรวมจะลดลงจากฤดูหนาวให้ให้มีนักท่องเที่ยวมากขึ้น

*****************