Banana

วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

รายงานพิเศษ ; สัมผัสเมืองจีน กับสิ่งที่น่าเอามาเป็นเยี่ยงอย่าง

ได้มีโอกาสร่วมคณะสื่อมวลชนเชียงใหม่เดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามคำเชิญของสถานกงสุลสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่  ซึ่งนำทีมโดยนายเฉา เสี่ยวเหลียง กงสุลใหญ่คนปัจจุบัน ที่ได้มาสร้างความเปลี่ยนแปลงและสร้างมิติใหม่ที่ยังไม่เคยมีใครเคยทำมาก่อน ในการเชิญสื่อมวลชนเป็นคณะเดินทางไปทัศนศึกษายังประเทศของตนเองถึง 2 รอบคือ รอบแรกเมื่อเดือนธันวาคม 2557 จากเชียงของตามเส้นทาง R3A ไปสิ้นสุดที่นครคุนหมิง และรอบที่ 2 เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2558 ที่มหานครปักกิ่ง เมืองกวางโจ และเมืองเสิ่นเจิ้น
แน่นอน การเดินทางไปศึกษาดูงานต่างประเทศ ถือเป็นการไปดูบ้านดูเมือง ดูสภาพสิ่งแวดล้อม ดูการบริหารจัดการของประเทศนั้นๆ เพื่อนำเอาสิ่งที่ดีที่เหมาะที่ควรมาปรับใช้กับบ้านเมืองเราตามหน้าที่การงานที่ตนเองรับผิดชอบ ประโยชน์ก็จะตกแต่บ้านเมือง ซึ่งทุกประเทศยอมลงทุนจัดสรรงบประมาณให้บุคลากรได้ไปศึกษาดูงานกันอยู่เนืองๆ มากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่ความพร้อมและสถานการณ์ของตนเอง แต่การได้ไปศึกษาดูงานสาธารณรัฐประชาชนจีน 2 ครั้งในรอบ 2 ปีของคณะสื่อมวลชนเชียงใหม่และภาคเหนือนี้ ทางการจีนนอกจากได้เชิญอย่างสมเกียรติแล้ว ยังสนับสนุนงบประมาณมาดำเนินการเองโดยทางเราไม่ได้สิ้นเปลืองเงินทองแม้แต่บาทเดียว
วัตถุประสงค์หลักของการเชิญสื่อมวลชนไปทัศนศึกษายังประเทศจีนครั้งนี้ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 40 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตต่อกัน ระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อสานความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอยู่แล้ว ให้สนิทแนบแน่นเข้าไปอีก
จีนนั้นเป็นประเทศใหญ่ อะไรๆก็ต้องใหญ่ตามขนาดและจำนวนประชากรของประเทศ จะมาทำเล็กๆกระจุ๋มกระจิ๋มก็คงจะไม่สมศักดิ์ศรีเป็นแน่ เท่าที่ได้พบได้เห็นมากับตาที่พอจะยกมาเป็นตัวอย่างของความใหญ่อลังการในเมืองจีนก็อย่างเช่น
กำแพงเมืองจีน กำแพงที่ก่อสร้างขึ้นเมื่อประมาณ 2,500 ปีมาแล้ว มีความยาวนับหมื่นกิโลเมตรจึงได้ชื่อว่า กำแพงยาวหมื่นลี้ เมื่อได้เห็นกับตาก็ให้ประหลาดใจเหลือเกินว่า กำแพงกว้าง 5 เมตร สูง 7 เมตร ยาวเป็นหมื่นกิโลเมตร สร้างผ่านพื้นที่แตกต่างกันไปตามภูมิประเทศโดยเฉพาะบนเขาสูงชันที่แม้แต่จะเดินขึ้นตัวเปล่ายังลำบาก ขณะที่เครื่องทุ่นแรงเมื่อ 2-3 พันปีจะมีซักเท่าไร แล้วคนสมัยนั้นเขาทำกันได้อย่างไร
พื้นที่การเกษตรขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นกล้วยหอม ผักสวนครัว หรือยางพารา เมื่อเข้าสู่พื้นที่พืชชนิดใดก็จะมีเฉพาะพืชนั้นปลูกต่อเนื่องกันยาวจนสุดสายตา บ้านเมืองเราบางแห่งว่าแปลงใหญ่แล้ว หากเทียบกับที่เห็นในเมืองจีนจะรู้สึกว่าของเราเล็กไปเลย
จัตุรัสเทียนอันเหมิน ลานอเนกประสงค์ใจกลางเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีขนาดกว้าง 500 เมตร ยาว 880 เมตร พื้นที่ 440,000 ตารางเมตร สามารถจุคนได้ไม่น้อยกว่า 1 ล้านคน อะไรจะปานนั้น ซ้ำยังตั้งอยู่กลางมหานครปักกิ่ง เมืองหลวงของจีนอีกด้วย
แคนตัน ทีวี ทาวเวอร์ หรือกวางโจวทาวเวอร์ อาคารทรงกระบอกมีกิ่วตรงกลางที่มีความสูงรวมเสาอากาศถึง 600 เมตร เป็น 1 ในอาคารที่สูงที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่นครกวางโจว มณฑลกวางตุ้ง ที่นับเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจและความทะเยอทะยานที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
รถไฟความเร็วสูง กวางโจว เสิ่นเจิ้น เป็นรถไฟรูปทรงหัวกระสุน ทำความเร็วได้สูงสุดที่เห็นตอนเดินทางคือ 305 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่เท่าที่ได้ฟังมาเห็นว่านั่นยังไม่ได้เร่งความเร็วที่สุด เนื่องจากระยะทางเส้นดังกล่าวสั้นเกินกว่าจะใช้ความเร็วเต็มที่
เหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งสำหรับความยิ่งใหญ่ของประเทศจีน ที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพ ความยิ่งใหญ่ และการเอาจริงเอาจัง ประกอบกับความเด็ดขาดในการบริหารจัดการ ตั้งแต่สูงสุดลงมาทุกระดับ จึงได้ทำให้เมืองจีนประสบกับความยิ่งใหญ่ในหลายๆด้าน
แต่ถึงกระนั้น ฝ่ายรัฐของทางการจีนเองก็ไม่เคยทะนงว่าตัวเองเป็นยักษ์ใหญ่ แต่กลับคิดเพียงว่า จีนเองก็ต้องพัฒนาให้เจริญก้าวหน้าเคียงข้างพร้อมกันไปกับเพื่อนบ้านทั้งใกล้ทั้งไกล หนึ่งในนั้นคือประเทศไทยของเรานี่แหละ
หากจะถามว่า เมืองไทยของเราทำอย่างจีนได้ไหม คำตอบคือ “ได้” เราสามารถเอาเยี่ยงอย่างความเอาจริงเอาจัง คิดการใหญ่ ดำเนินการอย่างเป็นระบบ บริหารจัดการให้ดี เข้มงวดกวดขันการใช้จ่ายงบประมาณอย่าให้รั่วไหล ที่สำคัญต้องเด็ดขาดสำหรับการกระทำความผิดในลักษณะที่เป็นการจงใจหรือเกิดจากกมลสันดาน ไม่ใช่เพราะความประมาทเลินเล่อ หากทำเช่นนั้นได้ แม้เราไม่สามารถที่จะทำอะไรให้ใหญ่โตเท่าจีนต้นแบบ แต่หากเป็นแบบย่อลงตามอัตราส่วน เราก็ย่อมจะทำในสิ่งที่ใหญ่ๆในแบบของเราได้
****************

พยนต์ ยศสุพรหม – รายงาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น