Banana

วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

บทความ ; ใช้ชีวิตอย่างไรไม่ให้เป็นทุกข์ ในสภาพอากาศร้อนจัด

อากาศร้อน อย่าเสี่ยงกับโรคลมแดด
จากสภาพอากาศที่ร้อนจัดต่อเนื่องในประเทศไทยปีนี้ แม้จะยังไม่มีสถิติผู้เสียชีวิตจำนวนมากเหมือนประเทศที่เผชิญคลื่นความร้อน แต่ก็สร้างความยากลำบากในการดำรงชีวิตเป็นอย่างมาก ทั้งการทำงาน การกินอยู่หลับนอน ท่ามกลางอุณหภูมิที่สูงผิดปกติ แม้แต่ตอนกลางคืนซึ่งบริเวณภาคเหนืออุณหภูมิจะต่ำกว่า 26 องศาเซลเซียสตลอดปี แต่ห้วงเวลา 2 เดือนนี้ อุณหภูมิกลางวันพุ่งขึ้นไปเกินกว่า 44 องศา ขณะที่กลางคืนอยู่ระดับ 31-41 องศา ถือว่าเป็นสภาพอากาศวิปริตมากที่สุดในรอบ 40 ปีทีเดียว
ฟังจาก น.พ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ฤดูร้อนปีนี้กรมอุตุนิยมวิทยาประเมินว่าอากาศร้อนจัด อุณหภูมิสูงสุดอาจสูงถึง 43-44 องศาเซลเซียส โดยโรคที่เกิดจากอากาศร้อนและเป็นอันตรายถึงชีวิตคือโรคลมแดดหรือ Heat Stroke ซึ่งเป็นกลุ่มอาการเจ็บป่วยที่รุนแรง เกิดจากการอยู่หรือออกกำลังกายหรือทำงานในที่อากาศร้อนจัดเป็นเวลานานจนร่างกายไม่สามารถปรับตัวหรือควบคุมระดับความร้อนภายในได้  ส่งผลต่อการทำงานของระบบหัวใจและหลอดเลือดรวมทั้งระบบประสาท ทำให้เสียชีวิตจากอวัยวะต่างๆ ทำงานล้มเหลว
ส่วนข้อมูลจากสำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค ระบุว่า ในระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่ พ.ศ.2546-2556 มีผู้เสียชีวิตจากโรคลมแดดรวม 196 คน  เฉพาะช่วงเดือนมีนาคม- เมษายน 2556 มีผู้เสียชีวิตจากลมแดด 20 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย อายุมากกว่า 60 ปี รองลงมาเป็นผู้มีอาชีพรับจ้าง ผู้มีโรคประจำตัวและดื่มสุรา โดยเสียชีวิตในบ้านมากที่สุด รองลงมาที่ทำงานและในรถยนต์ ส่วนปี 2556-2558 มีรายงานผู้เสียชีวิต 25 คน 28 คน และ 41 คนตามลำดับ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อาสาสมัครสาธารณสุข จึงได้ให้ความรู้และคำแนะนำในการป้องกันโรคลมแดดให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะ 6 กลุ่มเสี่ยงเกิดโรคนี้ง่ายได้แก่ กลุ่มแรกผู้ทำงานหรือทำกิจกรรมกลางแดด เช่นออกกำลังกาย กรรมกร ก่อสร้าง เกษตรกร  กลุ่มที่ 2 เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีและผู้สูงอายุ  กลุ่มที่ 3 ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคความดันโลหิตสูง  กลุ่มที่ 4 คนอ้วน กลุ่มต่อมาผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอ และสุดท้ายกลุ่มผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
สำหรับคำแนะนำสำหรับประชาชนทั่วไปคือ ให้พยายามหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดจัด ควรอยู่ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่ออกกำลังกายหรือทำงานกลางแดดเป็นเวลานาน หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรดื่มน้ำอย่างน้อยชั่วโมงละ 1 ลิตร แม้จะไม่รู้สึกกระหายก็ตาม สวมเสื้อผ้าที่โปร่งสบาย สีอ่อน ระบายอากาศได้ดี ไม่รัดรูป สวมแว่นกันแดด กางร่ม และทาโลชั่น  หากพบผู้หมดสติให้รีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วหรือโทรสายด่วน 1669
รู้วิธีคลายร้อน ช่วยลดปัญหาให้น้อยลง
อย่างไรก็ตาม ยังมีข่าวดีจากนายวันชัย  ศักดิ์อุดมไชย อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งว่า จากแบบจำลองพยากรณ์อากาศพบว่าลมที่พัดปกคลุมประเทศไทย จะเริ่มเปลี่ยนทิศ จากลมตะวันออกเฉียงใต้ลมประจำฤดูร้อน เป็นลมตะวันตกเฉียงใต้หรือลมประจำฤดูฝนในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะช่วงวันที่ 18-20 พฤษภาคม 2559 คาดว่าลมจะเปลี่ยนทิศทางอย่างชัดเจน  ซึ่งจะพัดเอาความชื้นจากทะเลอันดามันเข้ามาปกคลุมประเทศไทย ทำให้เริ่มมีฝนตกในภาคใต้ฝั่งอันดามั  ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างก่อน จากนั้นกลุ่มฝนจะขยับขึ้นมาทางด้านทิศเหนือ ซึ่งจะมีฝนตกในภาคเหนือเพิ่มขึ้น โดยปริมาณฝนในปีนี้คาดว่าจะมากกว่าปีที่แล้ว 10-20 % หรือมากกว่าค่าปกติเล็กน้อย และจะตกมากขึ้นตั้งแต่เดือน กรกฎาคม - กันยายน ทำให้พื้นที่ลาดเชิงเขาและที่ราบลุ่มอาจประสบปัญหาน้ำท่วมขังได้ ขณะที่พื้นที่กรุงเทพมหานครจะค่อยๆ ร้อนน้อยลง อุณหภูมิจะลดลงในสัปดาห์หน้า จาก 37-38 องศาเซลเซียส เหลือ 34 องศาเซลเซียสในบางวัน
สำหรับสภาพอากาศช่วงนี้ยังร้อนถึงร้อนจัดโดยทั่วไป โดย เฉพาะภาคเหนือทั่วทั้งภาคมีอุณหภูมิสูง 41- 44 องศาเซลเซียส รวมถึงบางจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งยังมีโอกาสเกิดพายุฤดูร้อน มีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางพื้นที่ ได้แก่จังหวัดน่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ เลย หนองบัวลำภู  อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร นครราชสีมา และชัยภูมิ
ในช่วงวันที่ร้อนจัดอย่างนี้มีวิธีคลายร้อนจากเว็บไซต์กะปุกเขียนแนะนำไว้ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ จึงขอสรุปมาบอกกล่าวต่อคือ บ้านใครมีเครื่องปรับอากาศก็ขอให้ใช้อย่างคุ้มค่าไม่ต้องกลัวเปลืองไฟฟ้า ส่วนบ้านที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศก็ขอให้เปิดประตูหน้าต่าง ผ้าม่าน เปิดพัดลมใกล้หน้าต่าง งดอาบน้ำอุ่น ใช้แป้งเย็นทาตามตัวบ้าง นอกจากนั้น ในการดำเนินชีวิตประจำวันก็ควรสวมเสื้อผ้าที่เบาบาง อยู่ห่างจากอุปกรณ์ความร้อน นอนห่างจากคนรอบข้าง ดับไฟดวงที่ไม่จำเป็น ก็จะช่วยบรรเทาความร้อนไปได้ส่วนหนึ่ง
ข้อมูลแจ้งว่า ชาวอียิปต์ที่ต้องใช้ชีวิตท่ามกลางทะเลทรายอันร้อนระอุ เขาจึงมีวิธีคลายร้อนที่หลากหลาย หนึ่งในนั้นก็คือการแช่ผ้าขนหนูไว้ในน้ำเย็นจัดแล้วนำมาห่อหุ้มตัวในเวลานอน แต่เมืองไทยไม่ได้ร้อนจัดถึงขนาดนั้น ก่อนนอนก็เพียงนำผ้าขนหนูแช่น้ำเย็นมาเช็ดถูตัวแล้วประแป้งหอมเย็นอีกหน่อย ก็น่าจะช่วยคลายร้อนได้พอสมควร

*******************

บุญญฤทธิ์ ตุลาพันธ์พงศ์ – รายงาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น