All online

วันพฤหัสบดีที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2560

ข่าว ; สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-เมียนมา รณรงค์เปิดด่านถาวรกิ่วผาวอก


เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2560 สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-เมียนมา ได้จัดการประชุมสัญจรพร้อมเปิดป้ายสาขาจังหวัดเชียงใหม่ โดยเป็นการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2559 ในเวลา 10.00 น. และการประชุมครั้งที่ 1/2560 ในเวลา 13.30 น. ที่คุ้มขันโตก จ.เชียงใหม่ โดยมีพลเอกวิชิต ยาทิพย์ นายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-เมียนมา เป็นประธานการประชุม ทั้งนี้ นอกเหนือจากวาระสำคัญประจำที่ต้องดำเนินการเป็นปกติในการประชุมแล้ว จุดมุ่งหมายหลักสำคัญของการประชุมสัญจรที่สาขาเชียงใหม่ ก็เพื่อรับทราบปัญหาและแลกเปลี่ยนแนวคิดในด้านเศรษฐกิจและสังคมของจังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะหลังการประชุมก่อนเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร ในวันที่ 4 เมษายน 2560 คณะกรรมการสมาคมฯ ได้ร่วมกันเดินทางไปตรวจภูมิประเทศ เพื่อรณรงค์และผลักดันให้มีการเปิดด่านถาวรที่กิ่วผาวอก อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมและอำนวยประโยชน์ต่อการลงทุนการค้าตามแนวชายแดน เกิดผลประโยชน์แก่ประชาชนของทั้งสองประเทศทั้งในพื้นที่จะใกล้เคียง เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีเส้นทางโลจิสติกส์เชื่อมโยงจากภาคเหนือของไทยในระยะทางไม่เกิน 150 กิโลเมตร ไปยังเมืองต่างๆ ในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เช่น เมืองสาด เมืองตองจี และเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าอีกแห่งหนึ่งของเมียนมา

"จากการเข้าพบกับ พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2560 ท่านได้ให้แนวคิดในการสนับสนุนการเปิดด่านถาวรที่กิ่วผาวอก จ.เชียงใหม่ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐบาล ถ้าทุกองค์กรที่เกี่ยวข้องมีความพร้อม เชื่อว่าทางด้านความมั่นคงไม่น่าจะมีปัญหาเพราะปัจจุบันความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเมียนมาอยู่ในสถานการณ์ที่ดีมาก" พลเอกวิชิต ยาทิพย์ นายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-เมียนมากล่าว

นายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-เมียนมากล่าวด้วยว่า ทางสมาคมมีความเชื่อมั่้นในศักยภาพของสาขาเชียงใหม่ ซึ่งมีนายกิตติพันธ์ นันทผาสุข เป็นประธานสาขา ที่จะมีบทบาทสำคัญใน 3 มิติคือ เป็นช่องทางเพิ่มการเป็นหุ้นส่วนทางวัฒนธรรมกับเศรษฐกิจระหว่างไทยกับเมียนมา เป็นองค์กรในการให้ความรู้และข้อมูลด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม การค้าและการลงทุน และเป็นกลไกขับเคลื่อนโดยประยุกต์พันธกิจไปสู่ประชาคมอาเซียน

สำหรับสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-เมียนมา ได้รับความเห็นชอบจากผู้นำระดับสูงของไทยและเมียนมาให้จัดตั้งขึ้นเป็นสมาคมคู่แฝด ตามยุทธศาสตร์ความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านแนวใหม่ เพื่อสร้างสันติภาพ ความผาสุก และความมั่นคงแก่ประชาชนของทั้งสองประเทศ เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2544 โดยมี พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานที่ปรึกษา พลเอก พัฒน์ อัคนิบุตร เป็นนายกสมาคมคนแรก ปัจจุบันมี พลเอก วิชิต ยาทิพย์ เป็นนายกสมาคม ขณะเดียวกันสภาเพื่อสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐของเมียนมา ก็ได้ประกาศจัดตั้งสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจเมียนมา-ไทย เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2544 โดยมี พลเอก ขิ่น ยุ้นต์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานอุปถัมภ์ พลอากาศโท จ่อ ตาน อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นประธานกรรมการบริหาร ปัจจุบัน ดร.ขิ่น ฉ่วย อดีตสมาชิกวุฒิสภา เป็นนายกสมาคม หลังจากก่อตั้งมาเป็นเวลา 15 ปี สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-เมียนมา ได้ขยายเครือข่ายไปทั่วประเทศ 19 สาขาประกอบด้วย ภาคเหนือ ได้แก่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และแม่สอด (จ.ตาก) ภาคกลาง ได้แก่ กาญจนบุรี เจดีย์สามองค์ พุน้ำร้อน ราชบุรี เพชรบุรี สมุทรสาคร และสมุทรปราการ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ นครราชสีมา อุบลราชธานี มุกอาหาร และนครพนม และภาคใต้ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง ภูเก็ต และพังงา

*****************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น