รองแม่ทัพภาคที่ 3 ตรวจเยี่ยมกองบัญชาการเฉพาะกิจ ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองทัพภาคที่ 3 จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมเน้นย้ำการทำงานจริงจังและมีประสิทธิภาพ นำแนวทางคนอยู่กับป่า พัฒนาคุณภาพชีวิต ลดปัญหาการปลูกฝิ่น
พล.ต.ผดุง ยิ่งไพบูลย์สุข รองแม่ทัพภาคที่ 3 และรองผู้บัญชาการกองบัญชาการเฉพาะกิจ ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองทัพภาคที่ 3 ตรวจเยี่ยมกองบัญชาการเฉพาะกิจ ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองทัพภาคที่ ที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้การดำเนินงานของกองบัญชาการเฉพาะกิจ ฯ เป็นไปตามแผนการควบคุมพื้นที่ปลูกฝิ่นและตัดทำลายไร่ฝิ่น ประจำปี 2560 ที่ต้องการลดพื้นที่ปลูกฝิ่นและพืชเสพติดชนิดอื่นในพื้นที่ลงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งพัฒนาคุณภาพชีวิตราษฎรชาวไทยภูเขาให้มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้โดยปราศจากการพึ่งพาฝิ่น
รองแม่ทัพภาคที่ 3 และรองผู้บัญชาการกองบัญชาการเฉพาะกิจศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า การตรวจเยี่ยมครั้งนี้ได้เน้นย้ำการทำงานให้มีประสิทธิภาพคุ้มค่ากับงบประมาณ เนื่องจากเรื่องยาเสพติดเป็นเรื่องที่หลายประเทศให้ความสนใจ โดยฝิ่นเป็นส่วนหนึ่งของปริมาณสารตั้งต้นได้ โดยได้ให้คำแนะนำ รับฟังการดำเนินงานของหน่วย พร้อมข้อห่วงใยจากท่านแม่ทัพภาคที่ 3 ให้ทำงานจริงจังและมีประสิทธิภาพ สำหรับการปฏิบัติงานขณะนี้ได้มีการบินสำรวจแล้วพบปริมาณฝิ่น 2 งาน ในพื้นที่ที่รับมอบจากสถาบันสำรวจและติดตามการปลูกพืชเสพติด (สพส.)โดยเป็นพื้นที่รับผิดชอบของกองพลทหารราบที่ 7 และฝ่ายทหารพรานศูนย์ปฏิบัติการ กองทัพภาคที 3 คาดว่าปีนี้ฝิ่นจะได้รับผลกระทบจากฝนที่มีระยะเวลายาวนานกว่าทุกปี ทำให้เกิดความเสียหาย และมีการปลูกรอบ 2 ใหม่ ส่งผลให้ในช่วงเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2560 อาจมีการตัดทำลายเพิ่มเติม
สำหรับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ที่มีการลักลอบปลูกฝิ่นในปีนี้ รองแม่ทัพภาคที่ 3 และรองผู้บัญชาการกองบัญชาการเฉพาะกิจศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า ขณะนี้พยายามให้หน่วยในพื้นที่ดูแลว่าปัญหาของการปลูกฝิ่น คือ ความต้องการรายได้ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญ เนื่องจากได้ง่ายแต่เป็นรายได้ที่ไม่แน่นอน ถ้าถูกตัดทำลายไปรายได้ก็ไม่มี ถือว่ายืนอยู่บนความเสี่ยง ซึ่งตรงนี้จะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตหรือโครงสร้างพื้นฐานของประชาชนให้มีรายได้จากทางด้านอื่นได้อย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม สามารถยุติการปลูกฝิ่นอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากปัญหาของชุมชนพื้นที่สูงมักจะเกิดจากป่าไม้ อย่างไรก็ตาม หากได้รับรู้ปัญหาของชุมชนแล้วก็จะสามารถกำหนดแผนงาน บูรณาการแผนงานกับส่วนราชการต่างๆได้ แม้ว่าจะมีข้อจำกัดในเรื่องกฎหมาย แต่ถ้าหากประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เชื่อว่าปัญหาการลักลอบปลูกฝิ่นจะลดลงตามลำดับ
รองแม่ทัพภาคที่ 3 และรองผู้บัญชาการกองบัญชาการเฉพาะกิจศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองทัพภาคที่ 3 กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมากองทัพภาคที่ 3 ได้นำแนวพระราชดำริในเรื่องคนอยู่กับป่ามาใช้ในพื้นที่ บ้านห้วยปลาหลด ต.ด่านแม่ระเมา อ.แม่สอด จ.ตาก ที่เป็นบ้านตัวอย่างของการปลูกฝิ่นในอดีต และทางกองทัพภาคที่ 3 ได้เข้าไปปราบปรามจนเกิดเป็นพื้นที่รกร้าง เมื่อปี 2517 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จพระราชดำเนินพระราชทานแนวพระราชดำริเปลี่ยนวิถีชีวิต โดยนำพันธุ์พืชมาปลูกทดแทนการปลูกฝิ่น เพื่อให้ประชาชนมีรายได้จาการประกอบอาชีพ ด้วยความเข้มแข็งของชุมชนตามแนวทางพระราชทาน ทำให้วันนี้ประชาชนมีรายได้ประมาณ 20,000 บาทต่อครัวเรือน โดยไม่มีการปลูกพืชเชิงเดี่ยว มีเพียงต้นไม้และต้นกาแฟปลูกแทรกอยู่ในผืนป่า ป่ามีความอุดมสมบูรณ์ มีแหล่งน้ำที่สะอาด สามารถลดปัญหาหมอกควันได้อย่างยั่งยืน เพราะไม่มีการเผาป่า ถือว่าเป็นต้นแบบของชุมชนที่สามารถแพร่ขยายความเข้มแข็งและความสำเร็จของชุมชนในพื้นที่ที่มีการปลูกพืชเสพติดอีกด้วย
********************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น