All online

วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ข่าว ; สาธารณสุขเชียงใหม่เตือนประชาชนระวังป้องกันโรคที่มากับภัยหนาว


ร้อยเอกภูรีวรรธน์  โชคเกิด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า เนื่องจากขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่อากาศเย็นลง และในบางพื้นที่อาจจะเย็นลงโดยเฉียบพลัน จากสภาวะอากาศเช่นนี้อาจส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ แทรกซ้อนได้ง่าย โดยเฉพาะใน 3 กลุ่มเสี่ยง คือ กลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี กลุ่มผู้สูงอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป และกลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหอบหืด โรคปอดเรื้อรัง โรคตับ โรคไต และโรคโลหิตจาง เป็นต้น เนื่องจากมีภูมิต้านทานโรคต่ำ จะทำให้เจ็บป่วยง่าย และเมื่อป่วยแล้ว อาการมักรุนแรงกว่าคนทั่วไป ซึ่งคนในกลุ่มเหล่านี้ต้องระมัดระวังโรคที่มากับอากาศหนาว คือ โรคไข้หวัด, โรคไข้หวัดใหญ่, โรคปอดบวม, โรคหัด, โรคหัดเยอรมัน โรคไข้สุกใส โดยเฉพาะโรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเป็นโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจที่มีการแพร่ระบาดตลอดปี เนื่องจากการติดเชื้อไวรัสที่อยู่ในน้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย ติดต่อโดยการไอหรือจาม และภัยที่มักเกิดใน   ฤดูหนาวอีกอย่างคือภาวะหนาวตาย ส่วนใหญ่เกิดในผู้สูงอายุและผู้ดื่มสุราแล้วไม่ได้สวมเสื้อผ้ากันหนาวอย่างเพียงพอ

สำหรับสถานการณ์ การป่วย-ตาย ของโรคไข้หวัดใหญ่ จากข้อมูลงานระบาดวิทยา กลุ่มงานควบคุมโรค สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่เดือน มกราคม – 28 พฤศจิกายน 2559 พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ทั้งสิ้น 10,410 ราย ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ชนิด A จำนวน 4,344 ราย ชนิด B จำนวน 3,021 ราย ชนิด AH1 จำนวน 19 ราย และชนิด AH1N1 จำนวน 4 ราย ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต ซึ่งอาการทั่วไปของผู้ที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่คือมีไข้สูง ปวดเมื่อยตามตัว เจ็บคอ และมีน้ำมูก ไอมีเสมหะ บางรายอาจมีอาการหายใจเหนื่อยหอบ เจ็บแน่นหน้าอก คลื่นไส้อาเจียน อ่อนเพลีย อาการเหล่านี้เป็นอาการที่แสดงให้เห็นว่าไม่ได้เป็นแค่ไข้หวัดธรรมดา บางรายอาจพบอาการแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ วิธีการรักษาไข้หวัดใหญ่ที่ได้ผล คนไข้ควรได้รับยาต้านไวรัส ภายใน 48 ชั่วโมง หลังจากมีอาการไข้ ซึ่งจะช่วยลดความรุนแรงของโรค นอกจากนั้นจะเป็นการรักษาตามอาการ เช่น ทานยาแก้ไข้ ยาแก้ไอ และพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นต้น โดยระดับความรุนแรงของโรคไข้หวัดใหญ่ขึ้นอยู่กับภูมิต้านทานของแต่ละคน คนที่มีภูมิต้านทานต่ำ เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ตลอดจนคนที่เป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคไต เบาหวาน และมะเร็ง กลุ่มนี้หาก พบการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ influenza จะมีความเสี่ยงสูงขึ้นที่จะเกิดพบอาการแทรกซ้อน เช่น ปอดอักเสบ และอาการติดเชื้อในหูชั้นในตามมาได้

เพื่อเป็นการป้องกันการระบาดของโรค สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่จึงแนะนำให้ประชาชนดูแลร่างกายให้แข็งแรง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ กินอาหารปรุงสุกใหม่ ใช้ช้อนกลาง และล้างมือบ่อยๆ เพื่อกำจัดเชื้อโรคและสิ่งสกปรกที่ติดมากับมือ ส่วนผู้ป่วยที่เป็นโรคไข้หวัด ให้พักผ่อนมากๆ และสวมหน้ากากอนามัย หยุดเรียน หยุดทำงาน เพื่อป้องกันเชื้อแพร่ไปสู่คนอื่น หากไข้ไม่ลดภายใน  2 วัน หรือมีอาการหอบเหนื่อย ให้รีบไปพบแพทย์เนื่องจากอาจมีอาการแทรกซ้อนได้ สำหรับศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โรงเรียนอนุบาล ขอให้ดำเนินการตามมาตรการ ตรวจคัดแยกเด็กป่วยทุกเช้า รวมทั้งดูแลความสะอาดอุปกรณ์ของเล่น ขอใช้ต่างๆภายในศูนย์ และโรงเรียนเพื่อป้องกันการระบาดของโรค

นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวเพิ่มเติมว่า อยากจะฝากเตือนให้ระวังภัยที่แฝงมากับเสื้อกันหนาวมือสอง ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมเนื่องจากมีรูปแบบทันสมัย หนา ให้ความอุ่นเป็นอย่างดี ที่สำคัญราคาไม่สูงเกินไป ทำให้ประชาชนหันมาซื้อเสื้อกันหนาวมือสองมาใส่กันเป็นจำนวนมาก โดยอาจลืมนึกถึงผลกระทบที่ตามมาจากสิ่งสกปรกหรือเชื้อโรคต่าง ๆ ที่ติดมากับผ้า และที่สำคัญไม่มีใครทราบแหล่งที่มาของผ้าว่ามาจากไหน เจ้าของเสื้อผ้านั้นป่วยเป็นโรคผิวหนังหรือโรคอันตรายอื่น ๆ หรือไม่ แต่เพื่อเป็นการไม่ประมาท ควรนำเสื้อผ้ามือสองไปมาทำความสะอาดก่อนใช้หลาย ๆ ครั้ง ด้วยขั้นตอนง่าย ๆ เช่น นำมาต้มในน้ำเดือด แล้วซักด้วยผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้า ก่อนที่จะนำไปตากแดดจัด เพื่อให้แสงอุลตร้าไวโอเล็ตช่วยฆ่าเชื้ออีกครั้งหนึ่ง น่าจะเป็นวิธีการทำความสะอาดเชื้อที่มากับผ้าได้ในระดับหนึ่ง

ส่วนผู้ที่ดื่มสุราเป็นประจำหรือผู้ที่คิดว่าการดื่มสุราเพื่อความอบอุ่นของร่างกาย ให้ระมัดระวังเมื่อเกิดอาการเมาแล้วหลับไปโดยไม่ได้สวมเสื้อผ้ากันหนาวและผ้าห่มกันหนาว อาจทำให้เสียชีวิตได้จากอุณหภูมิที่ลดลงช่วงดึกถึงเช้า และอีกภัยที่มักพบในช่วงฤดูหนาวคือ อันตรายจากเครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊ส เนื่องจากจังหวัดเชียงใหม่มีสถานที่ท่องเที่ยว รีสอร์ทบนดอยสูงที่มีอากาศหนาวเย็น จึงทำให้นิยมติดเครื่องทำน้ำอุ่นด้วยระบบแก๊ส ซึ่งอาจมีอันตรายจากการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ ทำให้เกิดก๊าซพิษในห้องน้ำเมื่อสูดดมเข้าไปเป็นเวลานาน        ทำให้เกิดอาการหน้ามืด หมดสติบางรายถึงขั้นเสียชีวิต จึงเตือนให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว เมื่อใช้ห้องน้ำที่ติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊ส ควรสังเกตว่าห้องน้ำมีพัดลมระบายอากาศหรือหน้าต่างหรือไม่ และไม่ควรอาบน้ำเป็นเวลานาน นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่กล่าวในที่สุด

********************

ข่าว ; รองแม่ทัพภาคที่ 3 ตรวจเยี่ยมการป้องกันควบคุมการปลูกพืชเสพติดในพื้นที่เชียงใหม่


รองแม่ทัพภาคที่ 3 ตรวจเยี่ยมกองบัญชาการเฉพาะกิจ ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองทัพภาคที่ 3 จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมเน้นย้ำการทำงานจริงจังและมีประสิทธิภาพ นำแนวทางคนอยู่กับป่า พัฒนาคุณภาพชีวิต ลดปัญหาการปลูกฝิ่น

พล.ต.ผดุง ยิ่งไพบูลย์สุข รองแม่ทัพภาคที่ 3 และรองผู้บัญชาการกองบัญชาการเฉพาะกิจ ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองทัพภาคที่ 3 ตรวจเยี่ยมกองบัญชาการเฉพาะกิจ ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองทัพภาคที่  ที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้การดำเนินงานของกองบัญชาการเฉพาะกิจ ฯ เป็นไปตามแผนการควบคุมพื้นที่ปลูกฝิ่นและตัดทำลายไร่ฝิ่น ประจำปี 2560 ที่ต้องการลดพื้นที่ปลูกฝิ่นและพืชเสพติดชนิดอื่นในพื้นที่ลงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งพัฒนาคุณภาพชีวิตราษฎรชาวไทยภูเขาให้มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้โดยปราศจากการพึ่งพาฝิ่น

รองแม่ทัพภาคที่ 3 และรองผู้บัญชาการกองบัญชาการเฉพาะกิจศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า การตรวจเยี่ยมครั้งนี้ได้เน้นย้ำการทำงานให้มีประสิทธิภาพคุ้มค่ากับงบประมาณ เนื่องจากเรื่องยาเสพติดเป็นเรื่องที่หลายประเทศให้ความสนใจ โดยฝิ่นเป็นส่วนหนึ่งของปริมาณสารตั้งต้นได้ โดยได้ให้คำแนะนำ รับฟังการดำเนินงานของหน่วย พร้อมข้อห่วงใยจากท่านแม่ทัพภาคที่ 3 ให้ทำงานจริงจังและมีประสิทธิภาพ สำหรับการปฏิบัติงานขณะนี้ได้มีการบินสำรวจแล้วพบปริมาณฝิ่น 2 งาน ในพื้นที่ที่รับมอบจากสถาบันสำรวจและติดตามการปลูกพืชเสพติด (สพส.)โดยเป็นพื้นที่รับผิดชอบของกองพลทหารราบที่ 7 และฝ่ายทหารพรานศูนย์ปฏิบัติการ กองทัพภาคที 3 คาดว่าปีนี้ฝิ่นจะได้รับผลกระทบจากฝนที่มีระยะเวลายาวนานกว่าทุกปี ทำให้เกิดความเสียหาย  และมีการปลูกรอบ 2 ใหม่  ส่งผลให้ในช่วงเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2560 อาจมีการตัดทำลายเพิ่มเติม

สำหรับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ที่มีการลักลอบปลูกฝิ่นในปีนี้ รองแม่ทัพภาคที่ 3 และรองผู้บัญชาการกองบัญชาการเฉพาะกิจศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า ขณะนี้พยายามให้หน่วยในพื้นที่ดูแลว่าปัญหาของการปลูกฝิ่น คือ ความต้องการรายได้ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญ เนื่องจากได้ง่ายแต่เป็นรายได้ที่ไม่แน่นอน ถ้าถูกตัดทำลายไปรายได้ก็ไม่มี ถือว่ายืนอยู่บนความเสี่ยง ซึ่งตรงนี้จะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตหรือโครงสร้างพื้นฐานของประชาชนให้มีรายได้จากทางด้านอื่นได้อย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม สามารถยุติการปลูกฝิ่นอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากปัญหาของชุมชนพื้นที่สูงมักจะเกิดจากป่าไม้ อย่างไรก็ตาม หากได้รับรู้ปัญหาของชุมชนแล้วก็จะสามารถกำหนดแผนงาน บูรณาการแผนงานกับส่วนราชการต่างๆได้ แม้ว่าจะมีข้อจำกัดในเรื่องกฎหมาย แต่ถ้าหากประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เชื่อว่าปัญหาการลักลอบปลูกฝิ่นจะลดลงตามลำดับ

รองแม่ทัพภาคที่ 3 และรองผู้บัญชาการกองบัญชาการเฉพาะกิจศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองทัพภาคที่ 3 กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมากองทัพภาคที่ 3 ได้นำแนวพระราชดำริในเรื่องคนอยู่กับป่ามาใช้ในพื้นที่ บ้านห้วยปลาหลด ต.ด่านแม่ระเมา อ.แม่สอด จ.ตาก ที่เป็นบ้านตัวอย่างของการปลูกฝิ่นในอดีต และทางกองทัพภาคที่ 3 ได้เข้าไปปราบปรามจนเกิดเป็นพื้นที่รกร้าง  เมื่อปี 2517 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จพระราชดำเนินพระราชทานแนวพระราชดำริเปลี่ยนวิถีชีวิต โดยนำพันธุ์พืชมาปลูกทดแทนการปลูกฝิ่น  เพื่อให้ประชาชนมีรายได้จาการประกอบอาชีพ ด้วยความเข้มแข็งของชุมชนตามแนวทางพระราชทาน ทำให้วันนี้ประชาชนมีรายได้ประมาณ 20,000 บาทต่อครัวเรือน โดยไม่มีการปลูกพืชเชิงเดี่ยว มีเพียงต้นไม้และต้นกาแฟปลูกแทรกอยู่ในผืนป่า  ป่ามีความอุดมสมบูรณ์ มีแหล่งน้ำที่สะอาด สามารถลดปัญหาหมอกควันได้อย่างยั่งยืน เพราะไม่มีการเผาป่า ถือว่าเป็นต้นแบบของชุมชนที่สามารถแพร่ขยายความเข้มแข็งและความสำเร็จของชุมชนในพื้นที่ที่มีการปลูกพืชเสพติดอีกด้วย

********************

วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ภาพข่าว ; บุญวาทย์ 07 สังสรรค์ พร้อมร่วมรำลึกวันสถาปนาโรงเรียนครบรอบ 118 ปี


ผศ.อาคม ตันตระกูล ประธานรุ่น บุญวาทย์ 07 นำเพื่อนร่วมรุ่นร่วมงานวันสถาปนาครบรอบ 118 ปี ของโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย ลำปาง และร่วมทำบุญตักบาตร พร้อมมอบทุนการศึกษาแก่นักเรียนรุ่นหลัง จากนั้นเป็นการพบปะสังสรรค์ของศิษย์เก่าบุญวาทย์ 07 ณ ร้านปลาเผาผักสดลำปาง จ.ลำปาง

******************

ข่าว ; คณะแพทย์ มช. จัดแข่งขันตอบปัญหาวิชาการระดับนานาชาติ 2016


คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดแข่งขันตอบปัญหาวิชาการนานาชาติ Chiang Mai University International Medical Challenge 2016 (CMU-IMC 2016) เพื่อให้นักศึกษาแพทย์ได้พัฒนาความกล้าแสดงออก ในการเสาะแสวงหาโอกาสที่จะเรียนรู้ในสาขาวิชากายวิภาคศาสตร์ ตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงระดับคลินิก (Basic to Clinical Anatomy) มีส่วนร่วมเสริมสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ในระดับประเทศ และระดับนานาชาติ และเป็นการสร้างเครือข่ายความสัมพันธภาพอันดีงามกับเพื่อนร่วมวิชาชีพ  ต่างสถาบันทั้งระดับประเทศและระดับนานาชาติ โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19 – 21 พฤศจิกายน 2559 มีรองศาสตราจารย์โรม จิรานุกรม  รักษาการแทนรองอธิการบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และนักศึกษาเก่าสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีเปิดงาน

ศาสตราจารย์คลินิก นพ.วัฒนา  นาวาเจริญ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า เนื่องในโอกาสที่ประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เริ่มมีการเปิดเสรีทางด้านการเคลื่อนย้ายแรงงานของบุคลากรในสายอาชีพต่างๆ รวมถึงอาชีพแพทย์ ทำให้มีแนวโน้มที่จะเกิดการเพิ่มขึ้นของการติดต่อประสานงานและความร่วมมือระหว่างแพทย์ชาวไทยและชาวต่างชาติ ทั้งนี้ เป็นที่ตระหนักดีว่าบุคลากรชาวไทย ทั้งแพทย์และนักศึกษาแพทย์ ยังมีความไม่พร้อมทางด้านทักษะภาษาอังกฤษอยู่มาก การจัดการแข่งขันทางวิชาการ จะเป็นการนำชาวต่างชาติเข้ามาร่วมทำกิจกรรมกับนักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นับเป็นโอกาสอันดี ที่นักศึกษาแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จะได้ฝึกทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ ให้มีความกล้าแสดงออก ฝึกทักษะการบริหารจัดการกับกิจกรรมที่มีความสำคัญในระดับนานาชาติ และยังเป็นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างนักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กับนักศึกษาแพทย์ไทยและต่างชาติอีกด้วย   โดยมีอาจารย์แพทย์ และนักศึกษาแพทย์  จากสถาบันโรงเรียนแพทย์ทั่วประเทศ และต่างประเทศ เข้าร่วมแข่งขันทั้งหมด 7 ประเทศ  กว่า 41 ทีม ประกอบด้วยประเทศอินโดนีเซีย  จีน ฟิลิปปินส์  เวียดนาม มาเลเซีย  กัมพูชา และไทย  รวมจำนวนทั้งสิ้น 148 คน

ทั้งนี้ การเชิญบุคลากรทั้งอาจารย์แพทย์ และนักศึกษาแพทย์จากมหาวิทยาลัยหรือโรงเรียนแพทย์จากอาเซียนและประเทศจีนมาเข้าร่วมกิจกรรมที่จัดขึ้นในครั้งนี้ ยังเป็นการแสดงศักยภาพทางด้านวิชาการ ศักยภาพทางด้านการบริหารจัดการทรัพยากร และศักยภาพทางด้านการให้บริการทางการแพทย์ ให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาผู้เข้าร่วมกิจกรรม เพื่อแสดงให้เห็นว่าคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีความก้าวหน้าในด้านการเรียนการสอนและการให้บริการทางสาธารณสุข ในระดับแนวหน้าหรือทัดเทียม เมื่อเทียบกับมาตรฐานสากล

สำหรับผลการแข่งขันตอบปัญหาวิชาการนานาชาติ Chiang Mai University International Medical Challenge 2016 ปรากฏดังนี้
- ทีมที่ได้รับรางวัล ชนะเลิศ ได้แก่ทีม "CU2" จาก จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย
- รองชนะเลิศอันดับที่ 1 ทีม "UGM1" จาก Universitas Gadjah Mada ประเทศอินโดนีเซีย
- รองชนะเลิศอันดับที่ 2 ทีม “DIPONEGORO2” จาก Diponegoro University ประเทศอินโดนีเซีย
- รองชนะเลิศอันดับที่ 3 ทีม "UP College of Medicine" จาก University of the Philippines Manila ประเทศฟิลิปปินส์
- รองชนะเลิศอันดับที่  4 ทีม "MedNMU02" จาก คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช

ทั้งนี้ในปี 2560 คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้เตรียมจัดการแข่งขันตอบปัญหาวิชาการนานาชาติ CMU IMC ครั้งที่ 4 Chiang Mai University International Medical Challenge 2017 (CMU-IMC 2017) ในหัวข้อ โลหิตวิทยาและการธนาคารเลือด (Hematology and Transfusion Medicine)

***********************
ปชส.คณะแพทยศาสตร์ มช.-ข่าว/ภาพ

ภาพข่าว ; กรรมการส่งเสริมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รับมอบเงินบริจาคสนับสนุนการศึกษา


นางวีณา ภัทรประสิทธิ์ ประธานกรรมการส่งเสริมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รับมอบเงินบริจาคเพื่อสนับสนุนการศึกษา จากนางนารีรัตน์ จันทรมังกร จำนวน 100,000 บาท และนายประพันธ์ สุจริตพานิช จำนวน 20,000 บาท ณ ห้องประชุมหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล สำนักงานมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2559 ที่ผ่านมา

******************

ข่าว ; เชียงใหม่จัดงานมหกรรมการแสดงพื้นบ้านล้านนา รวมพลังศิลปินแสดงความอาลัย


เมื่อตอนเย็นวันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน 2559 ที่ลานพระบรมราชาอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน "มหกรรมการแสดงพื้นบ้านล้านนา" พลังศิลปินรวมใจ แสดงความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยมีนายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ให้การต้อนรับ

สำหรับงาน "มหกรรมการแสดงพื้นบ้านล้านนา" กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและแสดงความอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในฐานะองค์อัครศิลปิน โดยการรวมพลังของศิลปินพื้นบ้านล้านนา ประกอบด้วย การขับซอ การแสดงกลองล้านนา การฟ้อนเทียนถวายสักการะ เป็นต้น และเพื่อสนับสนุนให้ศิลปินพื้นบ้านล้านนามีพื้นที่ในการแสดงและมีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การแสดงของศิลปินแห่งชาติ ศิลปินพื้นบ้านล้านนา การจัดแสดงนิทรรศการและการสาธิตภูมิปัญญาพื้นบ้านของชุมชน โดยมีผู้ร่วมงานจำนวนมาก อาทิ ประชาชนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เครือข่ายด้านศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม ศิลปินพื้นบ้านใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ท่ามกลางประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศร่วมกิจกรรมและร่วมชมงานจำนวนมาก

******************
ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่-ข่าว/ภาพ

ข่าว ; จังหวัดเชียงใหม่จัดพิธีอุปสมบท จำนวน 89 รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล


เมื่อตอนเย็นวันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน 2559 นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีอุปสมบท จำนวน 89 รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  ซึ่งคณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่และหน่วยงานราชการจังหวัดเชียงใหม่ร่วมกันจัดขึ้นที่วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่

สำหรับการอุปสมบทถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นโครงการที่พสกนิกรร่วมกันจัดขึ้นเพื่อบำเพ็ญกุศลถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยในวันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน 2559 เป็นพิธีปลงผมนาค และจะมีพิธีอุปสมบทในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2559

******************
ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่-ข่าว/ภาพ

วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ภาพข่าว ; โรงเรียนวารีเชียงใหม่ มอบเงินสนับสนุนการศึกษา สมาคมนักศึกษาเก่าศึกษาศาสตร์ มช.


ผู้ช่วยศาสตราจารย์อาคม ตันตระกูล นายกสมาคมนักศึกษาเก่าคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นผู้แทน อาจารย์วารี ภัทราวณิชย์ ผู้อำนวยโรงเรียนวารีเชียงใหม่ มอบเงินจำนวน 100,000 บาท เพื่อสนับสนุนกิจกรรมทอดผ้าป่าการศึกษา ซึ่งจัดโดยสมาคมนักศึกษาเก่าคณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิยาลัยเชียงใหม่ โดยมี นารีรัตน์ จันทรมังกร อุปนายกฯ และกรรมการบริหารสมาคมร่วมรับมอบ ณ ศาลาธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

******************

ข่าว ; มช.จัดบรรพชาอุปสมบท ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช


รองศาสตราจารย์ นายแพทย์อำนาจ อยู่สุข รักษาการแทนรองอธิการบดีฝ่ายพัฒนาคุณภาพนักศึกษาและกิจการพิเศษ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ขอเชิญชาว มช. และผู้สนใจทั่วไป เข้าร่วมบรรพชาอุปสมบทพระภิกษุ 89 รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ระหว่างวันที่ 14 – 22 ธันวาคม 2559 ณ พัทธสีมาพระอุโบสถ วัดป่าดาราภิรมย์ พระอารามหลวง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งการบรรพชาอุปสมบทครั้งนี้ยังเป็นการแสดงออกซึ่งความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดไม่ได้ โดยเป็นความร่วมมือระหว่างคณะกรรมการดำเนินงานด้านส่งเสริมศาสนา ร่วมกับสำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม กองพัฒนานักศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และวัดป่าดาราภิรมย์ พระอารามหลวง

สำหรับผู้สนใจเข้าร่วมบรรพชาอุปสมบทครั้งนี้ สามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มการสมัครได้ที่ http://sdd.oop.cmu.ac.th และส่งใบตอบรับเข้าร่วมบรรพชาอุปสมบทไปยังกองพัฒนานักศึกษา สำนักงานมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ภายในวันอังคารที่ 6 ธันวาคม 2559 สำหรับบุคลากรมหาวิทยาลัยเชียงใหม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้โดยไม่ถือเป็นวันลา และในโอกาสสำคัญดังกล่าว ขอเชิญผู้มีจิตกุศลร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพในการบรรพชาอุปสมบทพระภิกษุ รูปละ 3,000 บาท หรือตามจิตศรัทธา โดยโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)  สาขามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ชื่อบัญชี “โครงการบรรพชาอุปสมบทพระภิกษุ 89 รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” เลขที่บัญชี 667-412250-7 และส่งสำเนาการโอนเงินไปยังกองพัฒนานักศึกษา สำนักงานมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หรือทางโทรสารหมายเลข 0-5394-3070 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-5394-3036 หรือ 0-5394-3055

********************
งานประชาสัมพันธ์ มช.-ข่าว/ภาพ

ข่าว ; ม.พายัพ แจกทุนการศึกษาเพื่อการรับสมัครนักศึกษาใหม่ ปีการศึกษา 2560


ผศ.ดร.สมพันธ์ วงษ์ดี อธิการบดีมหาวิทยาลัยพายัพ เปิดเผยว่า นับเป็นการก้าวเข้าสู่ปีที่ 43 แห่งการก่อตั้งมหาวิทยาลัยพายัพ ด้วยความมุ่งมั่นดำเนินพันธกิจการศึกษาเพื่อสร้างบัณฑิตให้เป็นผู้เปี่ยมด้วย “คุณธรรมนำใจ รับใช้สังคม วิชาการก้าวหน้า พัฒนาสู่สากล” และยังคงยึดมั่นใน “สัจจะ – บริการ” ผ่านการจัดหลักสูตรการศึกษาที่สามารถรองรับความต้องการของผู้เรียนได้หลากหลาย ทั้งหลักสูตรภาคปกติ หลักสูตรนานาชาติ หลักสูตรเทียบโอน และหลักสูตรภาคพิเศษ

"ในปีการศึกษา 2560 นี้ มหาวิทยาลัยได้ตระหนักถึงการขยายโอกาสการเรียนรู้และเปิดโอกาสให้นักเรียนที่กำลังจะสำเร็จการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือเทียบเท่า ได้เข้าศึกษาต่อ ณ มหาวิทยาลัยพายัพ มากยิ่งขึ้น จึงได้จัดให้มีทุนการศึกษาเพื่อการรับสมัครนักศึกษาใหม่ ประจำปีการศึกษา 2560 รวมทั้งสิ้น 10 ประเภททุน เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนผู้สนใจเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรต่าง ๆ ได้รับการสนับสนุนทุนการศึกษาที่เหมาะสมอันเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองได้" อธิการบดีมหาวิทยาลัยพายัพกล่าว และว่า สำหรับทุนการศึกษาทั้ง 10 ประเภท ได้แก่ 1.ทุนการศึกษาผู้มีศักยภาพสูง 2.ทุนบุตรศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยพายัพ 3.ทุนการศึกษานักศึกษาความสามารถพิเศษ 4.ทุนโรงเรียนในเครือสภาคริสตจักรในประเทศไทย 5.ทุนการศึกษาแก่เยาวชนคริสตจักรภาคที่ 1 -19 6.ทุนพี่น้องบุนนาค 7.ทุนนักกีฬา 8.ทุนบุตรสื่อมวลชน 9.ทุนบุตรบุคลากรหน่วยงานสภาคริสตจักรในประเทศไทย 10.ทุนส่งเสริมการศึกษา โดยผู้ขอรับทุนการศึกษาจะต้องกำลังศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพขั้นสูง (ปวส.) และคาดว่าจะสำเร็จการศึกษา ในปีการศึกษา 2559 เท่านั้น

ทั้งนี้ การสมัครขอรับทุนสามารถทำได้ทุกคณะ/สาขาวิชา (ยกเว้น ทุกสาขาวิชาในคณะพยาบาลศาสตร์แมคคอร์มิค คณะเภสัชศาสตร์ วิทยาลัยพระคริสต์ธรรมแมคกิลวารี วิทยาลัยนานาชาติ) ซึ่งผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์รับนักศึกษา โทร. 053-851478 ต่อ 240, 241 สำหรับทุนประเภทบุตรสื่อมวลชน ติดต่อสอบถามหรือขอรับทุนการศึกษาได้ที่ นายสุกิตติ วีเปลี่ยน โทร. 053 851 478 ต่อ 2544 หรือ https://www.facebook.com/pyuofficial

********************
สำนักสื่อสารองค์กร ม.พายัพ-ข่าว/ภาพ

ข่าว ; คณะนิเทศศาสตร์ ม.พายัพ จัดอบรมการจัดรายการผ่านสื่อกระจายเสียง


คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยพายัพ โดยคณะกรรมการบริการวิชาการ จัดโครงการบริการวิชาการสู่ชุมชน ประจำปีการศึกษา 2559 โดยได้จัดการอบรมเชิงปฏิบัติการให้กับโรงเรียนอนุบาลหนองป่าครั่ง เรื่อง “การจัดรายการผ่านสื่อกระจายเสียง” สำหรับการอบรมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ มีหัวข้อที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อครูและนักเรียนที่เข้าร่วมการอบรม อาทิ การบรรยายหัวข้อ “พูดอย่างไรให้โดนใจผู้ฟัง” โดยอาจารย์ญาณิศา จันทร์เส็ง ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร หัวข้อ “หลักการพูด ผ่านสื่อกระจายเสียง” โดยอาจารย์กุลวัฒน์ ทศพะรินทร์ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียง หัวข้อ “รูปแบบพื้นฐานในการจัดรายการผ่านสื่อกระจายเสียง” โดยอาจารย์ ผศ.จิรภัทร กิตติวรากูล อาจารย์ประจำคณะนิเทศศาสตร์ และการฝึกปฏิบัติเรื่องการเขียนบทเบื้องต้น รวมถึงให้ผู้เข้าร่วมการอบรมได้ทดลองออกอากาศจริงอีกด้วย  ณ อาคารประกาศก มหาวิทยาลัยพายัพ เขตแม่คาว

********************
สำนักสื่อสารองค์กร ม.พายัพ-ข่าว/ภาพ

วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ภาพข่าว ; คณะแพทย์ มช.ร่วมถวายสัตย์ปฏิญาณ รวมพลังแห่งความภักดีร่วมแสดงความอาลัย



ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์วัฒนา นาวาเจริญ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นำคณะผู้บริหารและบุคลากรตลอดทั้งนักศึกษา ทำพิธีร่วมถวายสัตย์ปฏิญาณรวมพลังแห่งความภักดี ร่วมแสดงความอาลัย และร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และเพลงพ่อแห่งแผ่นดิน พร้อมกันทันทั่วประเทศ เมื่อวันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน 2559 เวลา 08.00 น. หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ณ อาคารเฉลิมพระบารมี ชั้น1 คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

********************

ข่าว ; รายชื่อนักกีฬากอล์ฟตัวแทนเขต 5 เข้าร่วมแข่งขันนักเรียนนักศึกษาแห่งชาติ ประจำปี 2559


หลังจากเสร็จสิ้นการแข่งขันกอล์ฟ ในการแข่งขันกีฬานักเรียนนักศึกษาแห่งชาติรอบคัดเลือกเขต 5 ระหว่าง 22-24 พฤศจิกายน 2559 ณ สนามกอล์ฟสันติบุรี คันทรี่คลับเชียงราย จังหวัดเชียงราย ซึ่งผลการแข่งขันสามารถคัดเลือกนักกีฬากอล์ฟเป็นตัวแทนทีมเขต 5 เข้าร่วมการแข่งขันกีฬานักเรียนนักศึกษาแห่งชาติ ณ จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 9 คน เป็นนักกีฬาชาย 5 คน และหญิง 4 คน ดังนี้

ประเภททีมชาย 5 คนประกอบด้วย ด.ช.พิริยศักดิ์ บุญญฐี จังหวัดเชียงใหม่ นายรัฐศาสตร์ พรมเสน จังหวัดพะเยา นายพัฒนพงษ์ แสนบัวหลวง จังหวัดเชียงราย ด.ช.ประวิณ เอียดเอื้อ จังหวัดเชียงราย และ ด.ช.อัศม์เดช ศรีอุทัยศิริวงศ์ จังหวัดเชียงใหม่

ประเภททีมหญิง  4 คน ประกอบด้วย น.ส.แพรว นนทรักส์ จังหวัดลำปาง ด.ญ.เมียวนา อุปนันชัย จังหวัดเชียงราย ด.ญ.สุพัชนันท์ บุญจีน จังหวัดเชียงราย และ น.ส.ศุภนุช สงค์ประเสริฐ จังหวัดเชียงราย

ทั้งนี้ ผู้ที่ได้เป็นตัวแทนเข้าร่วมการแข่งขันจะได้รวมกันเป็นทีมเขต 5 รวมทั้งจะมีการแต่งตั้งผู้จัดการทีมและผู้ฝึกสอน ทั้งทีมชายและทีมหญิงเพื่อร่วมกันฝึกซ้อมก่อนจะเข้าร่วมการแข่งขันต่อไป

*********************

ภาพข่าว ; มูลนิธิพัฒนามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ช่วยเหลือผู้ประสบกับอุทกภัย


ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์นิเวศน์ นันทจิต ประธานมูลนิธิพัฒนามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคณะ นำข้าวสารจำนวน 3 ตัน (3,000 กิโลกรัม) พร้อมเครื่องอุปโภค บริโภค ไปมอบให้กับประชาชนอำเภอกัลยาณิวัฒนาที่ประสบกับอุทกภัย โดยได้รับการสนับสนุนยานพาหนะในการขนส่งจาก พลตรีเกษมสุข ตาคำ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 โดยมีปลัดอำเภอ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล และผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่ให้การต้อนรับและรับมอบ เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2559 ณ ที่ว่าการอำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่

*******************

ข่าว ; ผลกอล์ฟ กีฬานักเรียนนักศึกษาแห่งชาติเขต 5 ประจำปี 2559


การแข่งขันกอล์ฟ ในการแข่งขันกีฬานักเรียนนักศึกษาแห่งชาติรอบคัดเลือกเขต 5 ระหว่าง 22-24 พฤศจิกายน 2559 ณ สนามกอล์ฟสันติบุรี คันทรี่คลับเชียงราย จังหวัดเชียงราย ผลการแข่งขันมีดังนี้

ประเภททีมชาย เหรียญทอง ทีมจังหวัดเชียงใหม่ คะแนนรวม 3 วัน 932 ผู้เล่นประกอบด้วย ด.ช.ปัณณธร ช้อยจินดา ด.ช.อัศม์เดช ศรีอุทัยศิริวงศ์ ด.ช.พิริยศักดิ์ บุญญฐี นายชัชชน อภินันทสิทธิ์ นายยชุรเวท ประทีปอุษานนท์ เหรียญเงิน ทีมจังหวัดเชียงราย คะแนนรวม 3 วัน 955 ผู้เล่นประกอบด้วย ด.ช.พชรพล บั้งเงิน ด.ช.อาศิษฐ์ อารีพันธ์ ด.ช.ประวิณ เอียดเอื้อ นายธนดล แสนใจยา นายพัฒนพงษ์ แสนบัวหลวง เหรียญทองแดง ทีมจังหวัดแพร่ คะแนนรวม 3 วัน 1,232 ผู้เล่นประกอบด้วย ด.ช.รวิชญ์ แต้กุล ด.ช.นรวีร์ ศิริวาส ด.ช.ปุณณวิช วงศ์เมือง ด.ช.ณัฐวัตร อามาตร์

ประเภททีมหญิง เหรียญทอง ทีมจังหวัดเชียงราย คะแนนรวม 2 วัน 230 ผู้เล่นประกอบด้วย ด.ญ.พลอยชมพู ทองภู ด.ญ.สุพัชนันท์ บุญจีน ด.ญ.เมียวนา อุปนันชัย น.ส.ศุภนุช สงค์ประเสริฐ เหรียญเงิน ทีมจังหวัดเชียงใหม่ คะแนนรวม 2 วัน 248 ผู้เล่นประกอบด้วย ด.ญ.อัยยาวีฬ์ วัฒนวาณิชกร ด.ญ.ปราง โชติบาง น.ส.ธัญญธร แถลงการณ์

ประเภทบุคคลชาย เหรียญทอง ด.ช.พิริยศักดิ์ บุญญฐี จังหวัดเชียงใหม่ เหรียญเงิน นายรัฐศาสตร์ พรมเสน จังหวัดพะเยา เหรียญทองแดง นายพัฒนพงษ์ แสนบัวหลวง จังหวัดเชียงราย

ประเภทบุคคลหญิง เหรียญทอง น.ส.แพรว นนทรักส์ จังหวัดลำปาง เหรียญเงิน ด.ญ.เมียวนา อุปนันชัย จังหวัดเชียงราย เหรียญทองแดง ด.ญ.สุพัชนันท์ บุญจีน จังหวัดเชียงราย

นักกีฬายอดเยี่ยมชาย ด.ช.พิริยศักดิ์ บุญญฐี จังหวัดเชียงใหม่ นักกีฬายอดเยี่ยมหญิง ด.ญ.เมียวนา อุปนันชัย จังหวัดเชียงราย

ผู้ฝึกสอนทีมชายยอดเยี่ยม นายพงษ์สุพรรณ กันทิมา ทีมจังหวัดเชียงใหม่ ผู้ฝึกสอนทีมหญิงยอดเยี่ยม นายชยนต์ วิชาชัย ทีมจังหวัดเชียงราย

*********************

ภาพข่าว ; อาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มช.รับโล่อาจารย์ดีเด่นแห่งชาติ ปอมท.ปี2559


นายจรัส ปันธิ รักษาการหัวหน้าสำนักงานสภาพนักงาน เป็นผู้แทนมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เข้าร่วมในพิธีประกาศเกียรติคุณและมอบโล่รางวัลเกียรติยศเพื่อเป็นเกียรติให้แก่ รศ.ดร.พรรณพิไล ศรีอาภรณ์ จากคณะพยาบาลศาสตร์ ที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นอาจารย์ดีเด่นแห่งชาติ ปอมท. ประจำปี 2559 ในสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ โดยมี ฯพณฯ นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบโล่รางวัล เมื่อวันที่ 24 พฤศิกายน 2559 ในการประชุมวิชาการ ปอมท. ประจำปี 2559 ณ โรงแรมนงนุชการ์เด้น รีสอร์ท จังหวัดชลบุรี

*****************

วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ข่าว ; ซัมมิทกรีนวัลเล่ย์ เชียงใหม่ NEW DELIGHT GOLF PACKAGE สำหรับคนไทยและไทยเรสซิเดนท์


นายไสว ยอดอุดม ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส สนามซัมมิท กรีนวัลเล่ย์ เชียงใหม่ กล่าวว่า ในเดือนพฤศจิกายน 2559 นี้ สนามซัมมิท กรีนวัลเล่ย์ เชียงใหม่ คันทรี คลับ ได้จัดรายการส่งเสริมการขายสำหรับนักกอล์ฟชาวไทยและนักกอล์ฟต่างชาติที่พำนักในประเทศไทย คือรายการโปรโมชั่น  NEW DELIGHT GOLF PACKAGE ซึ่งประกอบด้วย แพคเกจเล่นกอล์ฟในราคาคนละ 1,500 บาท รวมกรีนฟี แคดดี้พร้อมรถกอล์ฟ โดยรายการนี้เริ่มตั้งแต่เวลา 11.00 น. ทุกวัน อีกรายการคือแพกเกจ มา 6 จ่าย 5 คือนักกอล์ฟสามารถเล่นได้ถึง 6 คน โดยจ่ายค่าบริการเพียง 5 คนเท่านั้น หรือหากจะทำการสะสมจำนวนครั้งเป็นของตนเองก็สามารถทำได้ โดยการมาใช้บริการ 5 ครั้ง จะได้รับการบริการแถมฟรี 1 ครั้ง ซึ่งแพกเกจทั้งหมดนี้ สามารถใช้บริการได้ตั้งแต่บัดนี้ ไปจนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2559 นี้เท่านั้น

ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส สนามซัมมิท กรีนวัลเล่ย์ เชียงใหม่ ยังได้กล่าวถึงสภาพสนามในขณะนี้ด้วยว่า ทั้งกรีน แฟร์เวย์ และส่วนประกอบต่างๆ ของสนามซัมมิท กรีนวัลเล่ย์ เชียงใหม่ ล้วนมีความสมบูรณ์เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ นักกอล์ฟสามารถเล่นได้อย่างสนุกสนานและมีความสุขแน่นอน ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือจองเวลาออกรอบได้ที่ แผนกการตลาด โทร. 053 - 298222 - 3 ต่อ 253

*********************

ข่าว ; คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดโครงการมหาวิทยาลัยเด็ก


ศูนย์บริการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (ศวท-มช.) ร่วมกับสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์ (สสวท.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และบริษัทเซฟรอน ประเทศไทย จำกัด จัดกิจกรรมโครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย (ส่วนภูมิภาค) โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.สัมพันธ์  สิงหราชวราพันธ์ คณบดี คณะวิทยาศาสตร์ เป็นประธานเปิดโครงการ และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศรีสุลักษณ์  ธีรานุพัฒนา รองผู้อำนวยการศูนย์บริการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินโครงการ มีนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนต่างๆ ในภาคเหนือสนใจเข้าร่วมงานจำนวนทั้งสิ้น 110 คน โดยมีการมอบเกียรติบัตรให้แก่นักเรียนผู้เข้าร่วมโครงการหลังปิดกิจกรรม เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2559 ณ อาคาร 30 ปี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

รูปแบบกิจกรรมโครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย (ส่วนภูมิภาค) จัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในครั้งนี้ ประกอบด้วย 4 ฐานกิจกรรม โดยมีอาจารย์ภาควิชาต่างๆ ในคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นวิทยากรผู้เชียวชาญให้ความรู้ ได้แก่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อรอนงค์  อาร์คีโรปัญโญ และ อาจารย์ ดร.บัณฑิต  ลีละศาสตร์ เป็นวิทยาการฐานวิชาเคมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อรุโณทัย จำปีทอง และ อาจารย์ ดร.นรินทร์  พรินทรากุล เป็นวิทยากรฐานวิชาชีววิทยา อาจารย์ ดร.ชัยพร  ตั้งทอง เป็นวิทยากรฐานวิชาคณิตศาสตร์ และ อาจารย์ ดร.สกล  แสนทรงสิริ เป็นวิทยากรฐานวิชาฟิสิกส์ เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนเกิดทักษะการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ผ่านกิจกรรมทดลองที่ท้าทายและน่าสนใจในห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์โดยมีอาจารย์มหาวิทยาลัย ผู้เชี่ยวชาญและนักวิจัย เป็นวิทยากรและมีพี่เลี้ยงที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน คอยให้คำแนะนำและกระตุ้นกระบวนการคิดและการเรียนรู้ ตั้งแต่การสังเกต การตั้งคำถามและค้นหาคำตอบได้อย่างสนุกสนานและมีความสุข ทำให้เกิดทัศนคติที่ดีต่อการเรียนวิทยาศาสตร์ในอนาคต

********************
ประชาสัมพันธ์ มช.-ข่าว/ภาพ

ข่าว ; แม่โจ้โพลล์สำรวจพบภาคเกษตรส่วนใหญ่ยังมีการออม แต่ภาพรวมยังคงประสบปัญหา


“ไทย คือ ชาติกสิกรรม” เป็นคำกล่าวที่เราได้ยินคุ้นหูมาอย่างยาวนาน ในอดีตภาคการเกษตรของไทยมีความสำคัญในฐานะที่ช่วยพัฒนาระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยจะเห็นได้จากมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรต่างๆ เช่น ในปี 2557 มีมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตร คือ อันดับ 1 ยางธรรมชาติ มูลค่าการส่งออก 244,748 ล้านบาท รองลงมาคือ ข้าวและผลิตภัณฑ์ มูลค่า 191,228 ล้านบาท ปลาและผลิตภัณฑ์ มูลค่า 120.657 ล้านบาท (สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร, 2557) นอกจากนี้ภาคเกษตรกรรมยังมีความสำคัญในแง่ความมั่นคงและยั่งยืนด้านอาหารและยาของประเทศ แต่ในทางกลับกันกลับพบว่าภาคเกษตรของไทยประสบปัญหาที่สะสมมาอย่างยาวนาน เช่น

อันดับแรก ด้านทรัพยากรธรรมชาติ พบว่าที่ดินทางการเกษตรมีความเสื่อมโทรมอันเนื่องมาจากการใช้สารเคมีทางการเกษตรในปริมาณมาก และมีวิธีการผลิตทางการเกษตรที่ไม่เหมาะสม อีกทั้งเกษตรกรไทยส่วนใหญ่ประสบปัญหาขาดแคลนที่ดินทำกิน

ประการที่ 2 ด้านสุขภาวะของเกษตรกรไทย พบว่า เกษตรกรมีแนวโน้มอายุที่สูงขึ้น และปัญหาสุขภาพต่างๆ ส่งผลกระทบถึงประสิทธิภาพทางการผลิตทางการเกษตร

ประการที่ 3 ปัญหาด้านการตลาด พบว่า เกษตรกรขาดอำนาจในการต่อรองราคาและถูกเอารัดเอาเปรียบทางการค้า

จากสาเหตุข้างต้นส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของเกษตรกรในภาพรวม กล่าวคือ เมื่อเกษตรกรผลิตได้ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน ส่งผลให้รายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย ประกอบกับการเข้าไม่ถึงสถาบันการเงิน ทำให้ต้องไปกู้เงินนอกระบบ ส่งผลให้เกษตรกรมีภาวะหนี้สินสูงและการออมต่ำ ซึ่งหากฟังจากลักษณะครัวเรือนในภาคการเกษตรที่เป็นประชาชนกลุ่มใหญ่ของประเทศ  ทำให้ปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อคนจำนวนมาก ในอนาคตที่มีแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรที่จะมีเกษตรกรอายุเฉลี่ยสูงขึ้น ส่งผลถึงภาระในการเลี้ยงดูคนชราเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและพยากรณ์ทางการเกษตร (แม่โจ้โพลล์) ได้สำรวจความคิดเห็นของเกษตรกรทั่วประเทศ (ภาคเหนือ ร้อยละ 41.82 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 24.55 ภาคกลาง ร้อยละ 25.45 และภาคใต้ ร้อยละ 8.18) จำนวนทั้งสิ้น 660 คน ระหว่างวันที่ 20 ตุลาคม – 10 พฤศจิกายน  2559  ในหัวข้อ "การออมกับเกษตรกรไทย" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจเกี่ยวกับพฤติกรรมการออมในภาคครัวเรือนของเกษตรกรไทย และความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อการออมและข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหา

ผลการสำรวจพบว่าเกษตรกรส่วนใหญ่ ร้อยละ 75.91 มีการออม โดยมีรูปแบบการออมได้แก่ อันดับ 1 (ร้อยละ 59.70) ฝากธนาคาร เช่น ธกส. ออมสินและกรุงไทย เป็นต้น อันดับ 2 (ร้อยละ 23.64) คือ เก็บไว้เองที่บ้าน อันดับ 3 (ร้อยละ 20.91) คือ ฝากกองทุนหมู่บ้านหรือกลุ่มออมทรัพย์ของหมู่บ้าน ส่วนอีกร้อยละ 24.09 ที่บอกว่าไม่มีการออม พบว่ามีสาเหตุมาจากการมีภาระหนี้สินเดิมที่ต้องชำระและมีภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือนสูง

สำหรับความคิดเห็นต่อปัจจัยที่ส่งผลต่อการออมของครัวเรือนเกษตรกรนั้น พบว่า อันดับ 1 (ร้อยละ 72.58) ได้แก่ การมีรายได้ของครัวเรือนอยู่ในระดับต่ำ อันดับ 2 (ร้อยละ 57.27) ได้แก่ การมีภาระค่าใช้ในครัวเรือนสูง เช่น การส่งเสียลูกหลานเรียนหนังสือ เป็นต้น อันดับ 3 (ร้อยละ 34.55) ได้แก่ ผลตอบแทนจากการออมไม่คุ้มค่า เมื่อสอบถามถึงการปรับตัวและแก้ไขปัญหาเพื่อเพิ่มการออมในครัวเรือน พบว่า อันดับ 1 (ร้อยละ 55.45) ใช้วิธีการปรับลดค่าใช้จ่ายในส่วนที่ไม่จำเป็นเพื่อนำไปออม อันดับ 2 (ร้อยละ 55.00) ใช้วิธีการหาอาชีพเสริมอื่นๆ เพื่อเพิ่มรายได้ อันดับ 3 ร้อยละ 41.67 ใช้วิธีการลดต้นทุนการผลิตทางการเกษตรเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ในส่วนของข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลเพื่อส่งเสริมให้เกิดการออมในครัวเรือนของเกษตรกร พบว่า อันดับ 1 (ร้อยละ 63.79) พบว่า เกษตรกรต้องการได้รับความช่วยเหลือในการยกระดับรายได้ของเกษตรกร อันดับ 2 (ร้อยละ 50.91) รัฐบาลควรมีมาตรการเพิ่มอัตราผลตอบแทนในการออมเพื่อจูงใจให้เกิดการออม และอันดับ 3 (ร้อยละ 30.09) เพิ่มรูปแบบการออมที่เหมาะสมให้แก่เกษตรกร

จากผลการสำรวจจะพบว่าแม้กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่จะมีการออมของภาคครัวเรือนในรูปแบบต่างๆ แต่ในขณะเดียวกันก็พบว่าครัวเรือนในภาคการเกษตรก็มีปัญหาต่างๆ อยู่อีกมาก เช่น หนี้สินสะสม ภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือนที่สูงขึ้น และต้นทุนการผลิตทางการเกษตร ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการสร้างให้เกิดการออมในเกษตรกร ดังนั้นส่วนที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายควรให้ความสำคัญกับการออมในครัวเรือนภาคการเกษตร เนื่องจากการออมถือเป็นปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนการลงทุนด้านการผลิตและถือเป็นตัวชี้วัดความมั่นคงทางเศรษฐกิจของครัวเรือน ซึ่งหากครัวเรือนภาคเกษตรที่เป็นครัวเรือนส่วนใหญ่ของประเทศมีรายได้ต่ำและขาดเงินออมเพื่อลงทุนทำการผลิตทางการเกษตรแล้ว ก็จะก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาอย่างแน่นอน

สรุปผลการสำรวจความคิดเห็นของเกษตรกรทั่วประเทศ ในหัวข้อ "การออมกับเกษตรกรไทย"
1. สถานการณ์การออมของครัวเรือนเกษตรกรในปัจจุบัน
1) มีการออม ร้อยละ 75.91 โดยมีรูปแบบการออม คือ (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
1. ฝากธนาคาร เช่น ธกส. ออมสินและกรุงไทย เป็นต้น (ร้อยละ 59.70)
2. เก็บไว้เองที่บ้าน (ร้อยละ 23.64)
3. ฝากกองทุนหมู่บ้านหรือกลุ่มออมทรัพย์ของหมู่บ้าน (ร้อยละ 20.91)
4. การซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิตและการซื้อฉลากเพื่อการออม (ร้อยละ 19.39)
5. ซื้อสินทรัพย์อื่นๆ เช่น ที่ดิน (ร้อยละ 12.12)
2) ไม่มีการออม ร้อยละ  24.09 โดยมีสาเหตุมาจาก (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
1.มีภาระหนี้สินเดิมที่ต้องชำระ (ร้อยละ 21.70)
2.มีภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือนสูง (ร้อยละ 15.15)
3.มีรายได้น้อยไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย (ร้อยละ 13.03)
2. ความคิดเห็นต่อปัจจัยที่ส่งผลต่อการออมของครัวเรือนเกษตรกร (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
อันดับ 1 ได้แก่ รายได้ของครัวเรือนอยู่ในระดับต่ำ ร้อยละ 72.58
อันดับ 2 ได้แก่ มีภาระค่าใช้ในครัวเรือนสูง เช่น การส่งเสียลูกหลายเรียนหนังสือ เป็นต้น ร้อยละ 57.27
อันดับ 3 ได้แก่ ผลตอบแทนจากการออมไม่คุ้มค่า ร้อยละ 34.55
อันดับ 4 ได้แก่ ความน่าเชื่อถือของสถาบันการเงิน เช่น กลุ่มออมทรัพย์หรือสหกรณ์ เป็นต้น ร้อยละ 28.79
อันดับ 5 ไม่มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการออม ร้อยละ 16.67
3. การปรับตัวและแก้ไขปัญหาเพื่อเพิ่มการออมในครัวเรือน (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
อันดับ 1 ทำการปรับลดค่าใช้จ่ายในส่วนที่ไม่จำเป็นเพื่อนำไปออม ร้อยละ 55.45
อันดับ 2 หาอาชีพเสริมอื่นๆ เพื่อเพิ่มรายได้ ร้อยละ 55.00
อันดับ 3 หาวิธีการลดต้นทุนการผลิตทางการเกษตรเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ร้อยละ 41.67
อันดับ 4 จะมีการวางแผนและเป้าหมายการออมที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ร้อยละ 38.18
อันดับ 5 เพิ่มช่องทางการออมที่หลากหมายมากยิ่งขึ้น ร้อยละ 24.39
4. ข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลเพื่อส่งเสริมให้เกิดการออมในครัวเรือนเกษตรกร (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
อันดับ 1 คือ ช่วยเหลือยกระดับรายได้ของเกษตรกรให้เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย ร้อยละ 63.79
อันดับ 2 มีมาตรการเพิ่มอัตราผลตอบแทนเพื่อจูงใจให้เกิดการออม ร้อยละ 50.91
อันดับ 3 เพิ่มรูปแบบการออมที่เหมาะสมให้แก่เกษตรกร ร้อยละ 30.09

ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม
1. ภาค 1) เหนือ ร้อยละ 41.82 2) ตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ  24.55 3) กลาง ร้อยละ  25.45 4) ใต้ ร้อยละ  8.18
2. เพศของผู้ตอบแบบสอบถาม 1) ชาย ร้อยละ 49.09 2) หญิง ร้อยละ 49.70 3) เพศทางเลือก ร้อยละ 1.21
3. อายุของผู้ตอบแบบสอบถาม ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ มีอายุเฉลี่ย 43 ปี ต่ำสุด 18 ปีและอายุสูงสุด 80 ปี
4. รายได้จากภาคการเกษตรต่อปี ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ มีรายได้เฉลี่ย  115,992 บาท ต่ำสุด 30,000 บาท และสูงสุด  580,000 บาท
5. รายได้นอกภาคการเกษตรต่อปี ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ มีรายได้เฉลี่ย 52,680 บาท ต่ำสุด 5,000 บาท และสูงสุด 500,000 บาท
6.ระดับการศึกษา 1) ประถมศึกษา ร้อยละ  33.64 2) มัธยมศึกษา ร้อยละ 27.73 3) ปวช./ปวส. ร้อยละ 15.91 4) ปริญาตรี ร้อยละ 17.58 5) สูงกว่าปริญญาตรี ร้อยละ 3.33 6) ไม่ได้เรียน ร้อยละ 1.82

********************

ข่าว ; บรรยากาศการท่องเที่ยวเชียงใหม่เริ่มคึกคัก ดอยอินทนนท์อากาศเริ่มหนาวเย็นลงตามลำดับ


เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 18 พฤศจิกายน 2559 นายรุ่ง หิรัญวงษ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ รายงานบรรยากาศดอยอินทนนท์ว่า ในช่วงเช้าของวันบริเวณยอดดอยอินทนนท์และกิ่วแม่ปานมีอุณหภูมิสูงขึ้นกว่าวันก่อนเล็กน้อย โดยที่ยอดดอยอินทนนท์อุณหภูมิวัดได้ 6 องศาเซลเซียส นักท่องเที่ยวที่ลุ้นอยากจะชมแม่คะนิ้งครั้งแรกของฤดูหนาวปีนี้ก็เลยต้องผิดหวังเล็กน้อย และต้องติดตามกันต่อไปว่าปีนี้จะเกิดวันในวันใด ส่วนที่กิ่วแม่ปานอุณหภูมิวัดได้ 9 องศา จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่กิ่วแม่ปาน กม.42 มีนักท่องเที่ยวไปรอและบันทึกภาพพระอาทิตย์ยามเช้ากันคึกคักเหมือนเดิม  และที่ฮือฮาอย่างมากของนักท่องเที่ยวคือเช้าของวันนี้ปรากฏว่าดอกกุหลาบพันปี หรือคำแดง ได้เริ่มบานแล้ว ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถชมได้ที่เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน  และต่อจากนี้ไปดอกกุหลาบพันปีทั้งสีดำแดงและสีแดง จะทยอยบานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาเที่ยวชมได้ตลอดเวลา ขณะเดียวกันอากาศวันนี้เปิดเห็นพระอาทิตย์ขึ้น และเห็นทะเลหมอกที่สวยงาม ส่วนจุดท่องเที่ยวอื่น ๆ ทั้งน้ำตกแม่กลาง น้ำตกวชิระธาร และน้ำตกแม่ยะ ในเขตอุทยานก็สวยงามไม่แพ้กัน นักท่องเที่ยวต่างก็เดินทางไปชมพร้อมถ่ายภาพกันอย่างสนุกสนาน

ส่วนสถานทีท่องเที่ยวอื่น ๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งดอยอ่างขาง ดอยผ้าห่มปก. อ.ฝาง ดอยเชียงดาว อ.เชียงดาว ดอยสุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ ห้วยน้ำดัง อ.แม่แตง ดอยม่อนแจ่ม อ.แม่ริม ก็ยังคงมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปสัมผัสอากาศหนาวเย็น ชมทะเลหมอก พระอาทิตย์ยามเช้า อย่างหนาตาเช่นกัน บรรยากาศโดยรวมทั้งในตัวเมืองเชียงใหม่ สถานบันเทิงต่าง ๆ มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวจีนและชาวยุโรป รวมทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยเองอย่างหนาแน่น ทำให้สถานที่พักโรงแรม เกสเฮ้าท์ ของเชียงใหม่ มีการจับจองกันจนใกล้เต็ม ซึ่งอัตราค่าที่พักในช่วงนี้จะมีการขึ้นราคาบ้างตามฤดูกาล

ทางด้านนายรักชัย ศรีนวน เวรพยากรณ์อากาศ ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ รายงานว่า บริเวณภาคเหนือมีอากาศเย็นและมีหมอกในตอนเช้า ขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนาเนื่องจากทัศนวิสัยลดลง ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา บริเวณความกดอากาศสูงกำลังอ่อนปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ประกอบกับในช่วงวันที่ 18-22 พฤศจิกายน 2559 คลื่นกระแสลมตะวันออกจะเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคกลางตอนล่าง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนได้ในระยะนี้ สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทย ทำให้ตอนล่างของภาคใต้ฝั่งตะวันออกยังคงมีฝนตกหนักได้บางแห่ง
ภาคเหนือตอนบนอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 19-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณยอดดอยอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-20 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุดวันนี้ วัดได้ 8.6 องศาเซลเซียส ที่ยอดดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่

******************

ข่าว ; เชียงใหม่พร้อมบูรณาการทุกภาคส่วนเฝ้าระวังป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า


จังหวัดเชียงใหม่เปิดวอร์รูมติดตามสถานการณ์การป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า เน้นด้านการป้องกันโดยสร้างความตระหนักและชี้ถึงผลกระทบต่อสุขภาพ เศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว โดยให้ส่วนราชการ องค์กรท้องถิ่นและท้องที่ทุกระดับถือเป็นหน้าที่ในการสอดส่องดูแล

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2559 เวลา 10.30 น. นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมคณะทำงานศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าจังหวัดเชียงใหม่ ประจำปี 2560 และเปิดห้องศูนย์อำนวยการสั่งการฯ (War Room) ที่ชั้น 1 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อใช้เป็นศูนย์สั่งการติดตามสถานการณ์แก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าในพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตป่าสงวนแห่งชาติและเขตป่าไม้ ซึ่งถือเป็นวาระสำคัญที่ต้องดำเนินการแก้ไขอย่างต่อเนื่อง โดยบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ทบทวนสถานการณ์ วิเคราะห์สั่งการ ให้ศูนย์ระดับอำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน จัดชุดปฏิบัติการเข้าระงับเหตุอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ จังหวัดเชียงใหม่ได้ออกประกาศ 2 ฉบับ เรื่อง มาตรการป้องกันการจุดไฟเผาในที่โล่งและพื้นที่การเกษตร และเรื่อง มาตรการทางกฎหมายในการควบคุมไฟป่าในเขตป่าไม้ เพื่อกำหนดให้พื้นที่ทุกแห่งในจังหวัดเชียงใหม่เป็นเขตควบคุมไฟป่า กำหนดมาตรการป้องกันไฟป่า เพื่อเป็นแนวทางความร่วมมือป้องกันการจุดไฟเผาในที่โล่ง และพื้นที่การเกษตร โดยกำหนดบทลงโทษตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2485, พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504, พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 และ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มีโทษจำคุกสูงสุด 15 ปี และปรับสูงสุด 150,000 บาท โดยเมื่อปีที่ผ่านมาจังหวัดเชียงใหม่จับกุมผู้กระทำผิด 18 คดี ขณะเดียวกันก็ได้กำชับให้ข้าราชการในพื้นที่ทุกคน ทุกสังกัด นายกเทศมนตรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน คณะกรรมการหมู่บ้าน คณะกรรมการชุมชน และสมาชิกสภาท้องถิ่น ถือเป็นหน้าที่ต้องสอดส่องดูแลเอาใจใส่ และร่วมชี้แจงให้ประชาชนในท้องที่ปฏิบัติตามประกาศอย่างเคร่งครัด

รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่กล่าวว่า ในช่วงฤดูแล้งระหว่างเดือนพฤศจิกายน ต่อเนื่องถึงเดือนเมษายนของทุกปี ไฟป่าและหมอกควันได้สร้างความเสียหายแก่ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าอย่างต่อเนื่อง ทำให้รัฐต้องสูญเสียงบประมาณในการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ เครื่องมือและยานพาหนะเข้าระงับดับไฟป่าเป็นจำนวนมาก รวมถึงการจุดไฟเผาในที่โล่งและพื้นที่การเกษตร การเผาขยะ เผาเศษใบไม้ และเผาเพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับทำเกษตรกรรม ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่อย่างประมาณค่าไม่ได้  จึงอยากให้ชาวเชียงใหม่ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันตระหนัก ป้องกันและแก้ปัญหาร่วมกัน ไม่โยนความรับผิดชอบให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นส่งผลต่อภาพรวมทั้งจังหวัด

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาให้แต่ละอำเภอไปกำหนดห้วงเวลาการลดปริมาณเชื้อเพลิง และกำหนดรูปแบบ วันที่ และสถานที่ เพื่อเปิดตัวกิจกรรมรณรงค์คิกออฟ ในแต่ละอำเภอเอง เนื่องจากมีบริบทที่แตกต่างกัน ส่วนการกำหนดช่วง 60 วันแห่งการเฝ้าระวังแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า เบื้องต้นกำหนดไว้ระหว่างวันที่ 20 กุมภาพันธ์ – 20 เมษายน 2560 หากมีการเปลี่ยนแปลงจะนำเข้าหารือในที่ประชุมศูนย์อำนวยการสั่งการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจะมีการประชุมติดตามสถานการณ์เป็นประจำทุกวันอังคาร เวลา  09.00 น.

********************
ส.ปชส.เชียงใหม่-ข่าว/ภาพ

วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ข่าว ; สวนสัตว์เชียงใหม่จัดทำเครื่องเล่นใหม่เสริมให้แพนด้าทั้งสองตัวปีนป่ายและออกกำลังกาย


สวนสัตว์เชียงใหม่ติดตั้งเครื่องเล่นใหม่ขึ้นในส่วนจัดแสดงหมีแพนด้า ทั้งของ “ช่วงช่วง” ตัวผู้ และ “หลินฮุ่ย” ตัวเมีย เพื่อส่งเสริมพฤติกรรมให้หมีแพนด้าทั้งสองตัวใช้เล่นปีนป่ายและออกกำลังกายให้มีสุขภาพดี เป็นการเตรียมความพร้อมก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงฤดูผสมพันธุ์ในปีหน้า ขณะเดียวกันกำลังเร่งปรับภูมิทัศน์ส่วนจัดแสดงกลางแจ้งให้คู่รักหมีแพนด้าออกโชว์ตัวสัมผัสอากาศหนาวและสภาพตามธรรมชาติอย่างใกล้ชิด

นายนิพนธ์ วิชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่  กล่าวว่า ขณะนี้โครงการวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้าในประเทศไทย ได้จัดทำและดำเนินการติดตั้งเครื่องเล่นจากวัสดุธรรมชาติขึ้นภายในส่วนจัดแสดงหมีแพนด้าทั้งของ “ช่วงช่วง” แพนด้าตัวผู้ และ “หลินฮุ่ย” แพนด้าตัวเมีย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเครื่องเล่นดังกล่าวนี้ใช้วัสดุหลักเป็นไม้ที่เรียงต่อกันเป็นชั้นๆ และมีบันไดพาดให้สามารถปีนป่ายได้ รวมทั้งมีชิงช้าให้แกว่งไกวด้วย ทั้งนี้เพื่อให้หมีแพนด้าทั้งสองตัวใช้เล่นปีนป่ายและออกกำลังกายไปพร้อมกัน ซึ่งจะเป็นการช่วยส่งเสริมพฤติกรรมและสุขภาพให้แข็งแรงสมบูรณ์ เป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมพร้อมก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงฤดูผสมพันธุ์ในปีหน้า ทั้งนี้ในเบื้องต้นพบว่าหมีแพนด้าทั้งสองตัวแสดงความชื่นชอบเครื่องเล่นนี้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะหลินฮุ่ยตัวเมีย ที่ปีนป่ายเล่นอย่างสนุกสนานตลอดทั้งวัน

ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่กล่าวด้วยว่า ในช่วงระยะนี้ที่ย่างเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวของประเทศไทยแล้ว ทางสวนสัตว์เชียงใหม่กำลังเร่งดำเนินการปรับปรุงสภาพและจัดภูมิทัศน์ส่วนจัดแสดงกลางแจ้งของหมีแพนด้า ทั้งการปลูกต้นไผ่และทำน้ำตกจำลอง ตลอดจนปรับสภาพโดยรอบให้ใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการนำหมีแพนด้าทั้ง 2 ตัวออกมาจัดแสดงกลางแจ้งในช่วงฤดูหนาวที่อากาศหนาวเย็น เพื่อให้ได้ออกกำลังกายพร้อมสัมผัสอากาศหนาวเย็นและสภาพตามธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในเร็วๆนี้  ส่วนจะเริ่มนำหมีแพนด้าทั้งสองตัวออกสู่ส่วนจัดแสดงกลางแจ้งเมื่อใดนั้น จะมีการประเมินและพิจารณาหารือร่วมกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาข้อสรุปอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะแจ้งให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ทราบและเข้าชมต่อไป

*******************
ปชส.สวนสัตว์เชียงใหม่-ข่าว/ภาพ

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ข่าว ; กำหนดจัดงานอุทยานหลวงราชพฤกษ์ เปิดให้เข้าชม 9 ไฮไลท์ ตลอดระยะเวลา 90 วัน

“อุทยานหลวงราชพฤกษ์” (Royal Park Rajapruek) นามพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2553 ถือเป็นสวนของพ่อ สวนแห่งการเรียนรู้ เผยแพร่งานโครงการหลวง โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ความรู้เกี่ยวกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและความหลากหลายทางชีวภาพ พรั่งพร้อมไปด้วยพฤกษานานาพรรณ “ตระการพรรณพฤกษา แหล่งล้ำค่าแห่งการเรียนรู้” ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่การจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกฯ 2549 มีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกเข้าเยี่ยมชมอุทยานหลวงราชพฤกษ์แล้วกว่า 5 ล้านคน

โดยในช่วง High Season ของปี 2559 นี้ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ร่วมกับมูลนิธิโครงการหลวง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานภาคี ได้กำหนดจัดงาน “อุทยานหลวงราชพฤกษ์ (Royal Park Rajapruek)” ขึ้น เพื่อเป็นการสืบสานต่อพระราชปณิธานแนวพระราชดำริ เผยแพร่พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ ในระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2559 ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2560 งาน “อุทยานหลวงราชพฤกษ์ (Royal Park Rajapruek)” นับเป็นการจัดงานเพื่อให้ประชาชนคนไทยได้น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เรียนรู้ ซาบซึ้งในพระจริยวัตร พระอัจฉริยภาพ หลักการทรงงานที่ประชาชนชาวไทยต้องนำมาเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต เพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปอย่างที่พ่อต้องการ

กิจกรรมที่น่าสนใจในงาน เริ่มจากไฮไลท์ที่ 1 นิทรรศการ “7 ทศวรรษ กษัตริย์นักพัฒนา” ณ หอคำหลวง นิทรรศการที่แสดงถึงพระปรีชาสามารถ พระอัจฉริยภาพในด้านต่างๆ พระวิริยะอุตสาหะในการทรงงานเพื่อพสกนิกรของพระราชาผู้ทรงครองแผ่นดินโดยธรรม ชมวีดีทัศน์ประกอบเพลงในบทเพลงพระราชาผู้ทรงธรรมและบทเพลงคำสอนของพ่อที่แสดงให้ถึงการสนองงานตามแนวพระราชดำริ การพัฒนาการเกษตรบนพื้นที่สูงของมูลนิธิโครงการหลวง และสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ซึ่งนิทรรศการนี้จะเปิดให้เข้าชมเพียงวันละ 6 รอบ

ไฮไลท์ที่ 2 ถือว่าเป็นอีกหนึ่งความสำคัญของงานนี้ ดิน น้ำ ป่า ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ณ สวนเกษตรทฤษฎีใหม่ แสดงวิถีเกษตรของพ่อ “จากนภา ภูผา สู่มหานที” ไม่ว่าจะเป็น การจำลองป่าต้นน้ำ ป่า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่าง ฝายชะลอน้ำ การบำบัดน้ำเสียด้วยระบบพืชบำบัด แปลงรวบรวมพันธุ์หญ้าแฝก แปลงสาธิตสภาพดินที่มีปัญหาและวิธีการแก้ไข ระบบนิเวศน์ป่าชายเลน รวมทั้งโครงการเครือข่ายอ่างเก็บน้ำ (อ่างพวง) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยการผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำมากมาสู่อ่างที่ปริมาณน้อยกว่า เพื่อเฉลี่ยปริมาณน้ำและเชื่อมต่อกันอย่างเป็นระบบ เพื่อนำมาใช้ในการดูแลรักษาสวน โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ (GISTDA) นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่ให้นักท่องเที่ยวได้มีส่วนร่วม เช่น การเกี่ยวข้าวและสีข้าว การแสดง 3 ดำ มหัศจรรย์ ตามแนวพระราชดำริ การเลี้ยงปลาในกระชัง การปลูกพืช ผัก และไม้ผล Food bank สาธิตการทำหัตถกรรมจากเฮมพ์ จำหน่ายผลิตภัณฑ์และผลผลิตทางการเกษตร สาธิตการทำเกษตรจากเกษตรกรตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จโดยการน้อมนำตามแนวพระราชดำริ และกิจกรรมการเรียนรู้สำหรับเด็กและเยาวชน ตลอดจนการจัดเสวนาทางด้านการเกษตร จากเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญของสำนักวิจัยและสำนักพัฒนา สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน)

ไฮไลท์ที่ 3 เรียนรู้ประวัติความเป็นมาของมูลนิธิโครงการหลวง ดั่งคำขวัญที่ว่า “โครงการหลวง ช่วยชาวเขา ช่วยชาวเรา ช่วยชาวโลก” และชื่นชมพรรณไม้งามโครงการหลวง พร้อมลิ้มลองเมนูพิเศษจากร้านครัวโครงการหลวงด้วยวัตถุดิบที่สด สะอาด ปลอดภัย ใส่ใจสุขภาพ เมนูดี อร่อย ณ สวนมูลนิธิโครงการหลวง

ไฮไลท์ที่ 4  ล้านเหตุผลที่คนไทยรักในหลวง ร.9 ชมภาพแห่งความทรงจำเมื่อครั้งเสด็จประพาสจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งเรื่องเล่าสุดประทับใจของพสกนิกรผู้ถวายงานใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท และประมวลภาพกิจกรรมถวายความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชของหน่วยงานต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาตราบนิจนิรันดร์ ณ อาคารถวายความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

ไฮไลท์ที่ 5  ร่วมรังสรรค์ สร้างสังคมที่ดีผ่านหน่วยงานภาคี นิทรรศการจากองค์กรชั้นนำของประเทศที่ได้น้อมนำเอาโครงการในพระราชดำริด้านต่างๆ มาปรับใช้เพื่อประโยชน์ต่อสังคม รวมทั้งกิจกรรมการเรียนรู้ อาทิ ธ.ก.ส.กับความรู้การเกี่ยวข้าว เรื่องเล่าจากโตโยต้า โซลูน่า เลขไทย สู่โรงสีข้าวรัชมงคล ปลูกต้นไม้กับการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรียนรู้เรื่องธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ โดย ธนาคารแห่งประเทศไทยและธนาคารกรุงไทย กิจกรรมแยกขยะ จัดสวนรีไซเคิลกับ ปตท. รวมทั้งสัปดาห์สินค้าจาก CP และสินค้าในเครือเบอร์ลี่ ยุคเกอร์

ไฮไลท์ที่ 6 ชมความสวยงามดอกทิวลิป ลิลลี่ คาร์เนชั่น บีโกเนีย พิทูเนีย บลูฮาวาย ดาเลีย เจอราเนียม ฯลฯ รวมถึงไม้ดอกเมืองหนาวอีกนับล้านดอกจากมูลนิธิโครงการหลวงและโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง พร้อมใจกันเบ่งบานงดงามเต็มสวนให้ได้ชื่นชมและประทับใจกันตลอด 90 วัน รวมทั้งเรือนกล้วยไม้ ที่จะสะพรั่งไปด้วยกล้วยไม้ทั้งพันธุ์แท้และพันธุ์ผสม พบกับปะติมากรรม ต้นไม้ของพ่อ ที่ประดิษฐ์จากกล้วยไม้ออนซิเดียมสีเหลืองทั้งต้น ชมไม้ดอกเมืองหนาวโดดเด่นจากดอยสูงในเรือนไม้ดอกควบคุมอุณหภูมิ ที่จะสลับหมุนเวียนให้ได้ชมตลอด 3 เดือน อุโมงค์ไม้ดอกสายรุ้งสุดแสนโรแมนติกยาวกว่า 70 เมตร สัมผัสดินแดนในฝันกับโฉมใหม่ของสวนเนเธอร์แลนด์ ชมดอกทิวลิปกว่าหมื่นต้นที่พร้อมบานสะพรั่งในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ปิดท้ายด้วย สวนแห่งสีสันกับการผสมผสานของดอกไม้หลายหลากสีที่สวนพรมบุปผา

ไฮไลท์ที่ 7 อิ่มบุญ สุขใจ กับเส้นทางสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคล สุขใจไปกับสวนสวยดอกไม้งาม แถมยังได้อิ่มบุญกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ประดิษฐานในสวนต่างๆ อาทิ พระพุทธรูปสมถะวิปัสนากรรมฐาน ณ ลานต้นพิธิ์แห่งความจงรักภักดี ที่ได้จากการหลอมใบโพธิ์ทองแดงที่พสกนิกรเขียนคำถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในช่วงการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกฯ 2549 “องค์พระพิฆเนศ ณ สวนประเทศอินเดีย” เทพเจ้าแห่งความรู้ เป็นผู้มีปัญญาเลิศ ปราดเปรื่องในศิลปวิทยาทุกแขนง ขจัดอุปสรรคทั้งปวง กิจการทุกอย่างสำเร็จลุล่วงได้ด้วยดี “พระศรีศากยมุนี ณ สวนประเทศภูฏาน” พระพุทธรูปที่ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก กษัตริย์ภูฏาน เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2554 เด่นในเรื่องนำพาสันติภาพความสุขมาให้ และชะลอความชราของสรรพสัตว์ทั้งหมด “พระพุทธรูปปางมารวิชัย ณ สวนประเทศลาว” พระพุทธรูปไม้แกะสลัก นำพาความสงบสุขร่มเย็น ปราศจากศัตรู “พระอุปคุตปางสมาธิ หรือ พระบัวเข็ม ณ สวนสยามประเทศ” โดดเด่นด้านโชคลาภ คุ้มครองภัยพิบัติอันตรายทั้งปวง ให้คุณทางทรัพย์สิน ร่ำรวยเงินทอง และ “พระศากยมุนีปางมารวิชัย ณ สวนประเทศเนปาล” เด่นในเรื่องการขจัดอุปสรรคและอันตรายทั้งปวง เป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นที่เมืองปาทัน ประเทศเนปาล โดย สถานทูตเนปาลประจำประเทศไทย ได้นำมาประดิษฐาน เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2558

ไฮไลท์ที่ 8 ตลาดสินค้าเกษตร จำหน่ายผลิตภัณฑ์และผลิตผลทางการเกษตร อาทิ เมล่อน องุ่น สตรอเบอรี่ เสาวรส เคพกูสเบอร์รี่ มัลเบอร์รี่ มะเขือเทศ ผักสลัด กาแฟ ชา สมุนไพร พันธุ์ไม้ต่างๆ เป็นต้น ซึ่งล้วนเป็นผลผลิตของเกษตรกรบนพื้นที่สูง ที่ได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตจนเกิดผลสำเร็จ

ไฮไลท์ที่ 9 กิจกรรมพิเศษและกิจกรรมในวันสำคัญต่างๆ อาทิ กิจกรรม 5 ธันวา กิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี กิจกรรมเรียนรู้งานของพ่อในวันเด็กแห่งชาติ นิทรรศการภาพถ่ายด้วยรัก “10 ปี อุทยานหลวงราชพฤกษ์” ตลอดช่วงเดือนแห่งความรัก กิจกรรม Photo Spot สุดชิค พร้อมชมแสง สี ยามค่ำคืนของหอคำหลวงที่จะสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน นอกจากนี้ยังจะได้ชมเรือนร่มไม้ สวรรค์แห่งพันธุ์ไม้ร่มชื้น โดมไม้เขตร้อนชื้น แหล่งรวบรวมเฟิร์นโบราณ พรรณไม้หายาก สวนสมุนไพร จัดแสดงสมุนไพรที่รักษาโรคตามอาการ อาคารโลกแมลง สัมผัสความน่ารักของแมลงมีชีวิต อาทิ ตั๊กแตนใบไม้ ตั๊กแตนกิ่งไม้ ผีเสื้อ ฯลฯ

อัตราค่าเข้าชมงานอุทยานหลวงราชพฤกษ์ (Royal Park Rajapruek) คนไทย ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 70 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 150 บาท ข้าราชการ ผู้สูงอายุ นักเรียน นักศึกษา แสดงบัตรคนละ 70 บาท (มีบริการรถพ่วงชมสวนฟรี) ทั้งนี้ ยังมีบริการเช่าจักรยานคันละ 60 บาท/ครั้ง บริการเช่ารถกอล์ฟชั่วโมงละ 600 บาท และบริการห้องพักราคาพิเศษที่ราชพฤกษ์เพลส

งาน “อุทยานหลวงราชพฤกษ์ (Royal Park Rajapruek)” กำหนดจัดระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2559 ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2560 วันจันทร์-พฤหัสบดี เปิดเวลา 08.00 – 18.00 น. วันศุกร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เปิดเวลา 08.00 – 19.00 น. ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทรศัพท์หมายเลข 053-114110-5 หรือติดตามการอัพเดทกิจกรรมในงานได้ทางแฟนเพจ “อุทยานหลวงราชพฤกษ์”

****************
ปชส.อุทยานหลวงราชพฤกษ์ - ข่าว/ภาพ

ข่าว ; เชียงใหม่บำเพ็ญกุศลอุทิศถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช


วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน 2559 เวลา 17.00 น. ที่พระวิหารวัดป่าดาราภิรมย์ จังหวัดเชียงใหม่ นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานพิธีบำเพ็ญกุศลอุทิศถวาย แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร โดยมีพระราชวิสุทธิญาณเจ้าอาวาสวัดป่าดาภิรมย์ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์

ภายในพิธีมีการกล่าวพระบรมราโชวาท ต่อด้วยการสวดพระพุทธมนต์และสดับปกรณ์ สวดธรรมคาถา แสดงธรรมเทศนา ต่อด้วยการทอดผ้าบังสุกุลแด่พระสงฆ์ ถวายจตุปัจจัยไทยธรรม อีกทั้งยังมีการเจริญจิตตภาวนา แผ่กุศลอุทิศถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช การจัดพิธีครั้งนี้ มีหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ นิสิต นักศึกษา ประชาชนทุกหมู่เหล่าจำนวนมาก ร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีของพสกนิกรทุกหมู่เหล่า

****************
ปชส.เชียงใหม่ - ข่าว/ภาพ

ข่าว ; ผู้บริหาร 2 มหาวิทยาลัย หารือแนวทางวิจัยสิ่งประดิษฐ์ อุปกรณ์ และเครื่องมือทางการแพทย์


ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์คม สุคนธสรรพ์ รองคณบดี รับผิดชอบงานวิจัยคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์อาคม ตันตระกูล ที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เดินทางเข้าหารือร่วมกับ ดร.กิจจา ไชยทนุ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ และอาจารย์สาคร ปันตา อาจารย์ประจำหลักสูตรวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2559 เวลา 09.30 ณ ห้องประชุมสำนักงานคณะวิศวกรรมศาสตร์ อาคารเรียนรวม ชั้น 3  มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ถนนห้วยแก้ว อำเภอเมืองเชียงใหม่

การหารือดังกล่าวเพื่อกำหนดแนวทางการร่วมกันงานทำการวิจัยสิ่งประดิษฐ์ อุปกรณ์ และเครื่องมือทางด้านการแพทย์ ระหว่างคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กับ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ให้สามารถตอบโจทย์การใช้งานในทางการแพทย์อย่างแท้จริง ซึ่งภายหลังการหารือดังกล่าวแล้วเสร็จ จะได้มีการนำข้อสรุปต่างๆ เสนอต่อผู้บริหารของทั้งสองมหาวิทยาลัยเพื่อให้ความเห็นชอบ และกำหนดกรอบระยะเวลา ขั้นตอนวิธีการในการดำเนินงานร่วมกันต่อไป

******************

ข่าว ; เชียงใหม่อบรมการใช้ระบบ VDO Conference และรายงานสถานการณ์หมอกควัน


วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน 2559 ที่ห้องประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จ.เชียงใหม่ นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดการอบรมการใช้งานระบบ VDO Conference และระบบรายงานสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ แก่เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์และลดความรุนแรงของภัยที่จะเกิดขึ้น โดยที่ผ่านมาจังหวัดได้เตรียมความพร้อมตั้งแต่ก่อนฤดูไฟป่า โดยจัดการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหามลพิษหมอกควัน การทำแนวกันไฟ วางแผนชิงเผาตามหลักวิชาการให้แล้วเสร็จก่อนช่วงห้ามเผา การบังคับใช้กฎหมาย จัดชุดปฏิบัติการตรวจติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลรายงานสถานการณ์และแจ้งเหตุแบบ Real Time และการจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อลดพื้นที่ไฟป่าลงให้ได้มากที่สุด ด้วยการนำระบบ VDO Conference และระบบรายงานสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่มาใช้ในการแก้ไขและป้องกันการเกิดหมอกควันไฟป่าให้ได้ผลสัมฤทธ์อย่างเป็นรูปธรรมตามหลักวิชาการ

ทั้งนี้เนื่องจากจังหวัดเชียงใหม่ประสบปัญหาหมอกควันไฟป่าอย่างรุนแรงตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา ส่งผลกระทบทั้งต่อสุขภาพของประชาชนและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยมีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการเผาป่าเพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูกและเก็บหาของป่า ซึ่งต้องแก้ปัญหาด้วยการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าให้ได้ผล

******************
ปชส.เชียงใหม่ - ข่าว/ภาพ

ข่าว ; มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่แจ้งกำหนดการรับพระราชทานปริญญาบัตร ประจำปี 2559


รศ.ดร.ประพันธ์ ธรรมไชย อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ตามที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนการรับพระราชทานปริญญาบัตรมหาวิทยาลัยราชภัฏเขตภาคเหนือ จากวันที่ 27 – 30 ตุลาคม 2559 ออกไปก่อน และมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ได้แจ้งให้มหาวิทยาลัยราชภัฏในเขตภาคเหนือและบัณฑิตที่จะเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรทราบแล้วนั้น

บัดนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ กำหนดวันเสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ไปพระราชทานปริญญาบัตรมหาวิทยาลัยราชภัฏเขตภาคเหนือ ระหว่างวันที่ 6 – 9 มกราคม 2560  เวลา 16.00 น. และ 19.00 น. ตามลำดับ ณ หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ ศูนย์แม่ริม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ทั้งนี้ในส่วนของกำหนดการฝึกซ้อมและรายละเอียดต่างๆ สำหรับบัณฑิตมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ สามารถติดตามข่าวสารและรายละเอียดได้ทางเว็บไซต์ www.cmru.ac.th และทาง www.facebook.com/Bunditcmru2559 หรือสอบถามทางโทรศัพท์หมายเลข 053 - 885436 และ 053 - 885555

*******************
ประชาสัมพันธ์ มร.ชม.-ข่าว/ภาพ

วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ข่าว ; มทบ.33 จัดกิจกรรมสื่อมวลชนสัมพันธ์ โดยปีนี้บรรยากาศเป็นไปแบบเรียบง่าย




วันที่ 16 พฤศจิกายน 2559 เวลา 11.30 น. พลตรีเกษมสุข ตาคำ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 นำคณะนายทหารของหน่วยงาน ทั้งรอง ผบ.มทบ.33 ฝ่ายเสนาธิการ หัวหน้ากอง และกำลังพล จัดกิจกรรมสื่อมวลชนสัมพันธ์ โดยจัดเลี้ยงอาหารกลางวันขอบคุณและสังสรรค์สัมพันธ์สื่อมวลชนในจังหวัดเชียงใหม่ ณ ภัตตาคารเจี่ยท่งเฮง โดยมีสื่อมวลชนในจังหวัดเชียงใหม่ โดยมี ผศ.อาคม ตันตระกูล ประธานชมรมนักวิทยุและโทรทัศน์เชียงใหม่-ลำพูน และผู้สื่อข่าวประจำสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ นำคณะสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่เข้าร่วมงานจำนวนมาก พร้อมทั้งเป็นผู้แทนสื่อมวลชนกล่าวถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างสื่อมวลชนกับ มทบ.33 รวมทั้งขอบคุณ มทบ.33 ในการจัดกิจกรรมสื่อมวลชนสัมพันธ์ในครั้งนี้

สำหรับในภาคบ่าย เป็นการแข่งขันกีฬาเชื่อมความสัมพันธ์ 3 ชนิดกีฬาประกอบด้วย การแข่งขันกอล์ฟที่สนามกอล์ฟศูนย์กีฬาลานนา การแข่งขันฟุตบอลชายและแชร์บอลหญิง แข่งขันที่สนามกีฬาภายในค่ายกาวิละ จังหวัดเชียงใหม่ โดยผลการแข่งขัน กอล์ฟ เป็นการร่วมสังสรรค์ ไม่มีการคิดคะแนน ฟุตบอลชาย ทีม มทบ.33 เสมอกับทีมสื่อมวลชน 1-1 และแชร์บอลหญิง ทีมสื่อมวลชนเอาชนะทีม มทบ.33 ไปได้ 18-6

สำหรับการจัดกิจกรรมสื่อมวลชนสัมพันธ์นี้ มทบ.33 ได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยกิจกรรมสำคัญคือการแข่งขันกีฬาและการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ แต่เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์บ้านเมืองกำลังอยู่ในการถวายความอาลัย กิจกรรมครั้งนี้จึงได้จัดแบบเรียบง่าย อย่างไรก็ตาม บรรยากาศของการจัดงานและการแข่งขันกีฬาก็เป็นไปด้วยความอบอุ่นและมิตรภาพเช่นทุกปีที่ผ่านมา

*********************

วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ข่าว ; เปิดโครงการตำรวจภูธรภาค 5 "ช่วยชาวนาไทย"


วันที่ 15 พฤศจิกายน 2559 เวลา 09.30 น. พล.ต.ต.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เป็นประธานเปิดโครงการตำรวจภูธรภาค 5 "ช่วยชาวนาไทย" พร้อมกล่าวว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีนโยบายและมาตรการช่วยเหลือชาวนาไทย และการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวปีการผลิต 2559/2560 ด้านการตลาด เพื่อแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำนั้น ตำรวจภูธรภาค 5 ได้เล็งเห็นความสำคัญของชาวนาผู้ปลูกข้าว ที่ต้องเผชิญกับปัญหาราคาข้าวในท้องตลาดตกต่ำ จึงได้มีดำริให้ดำเนินโครงการดังกล่าวเพื่อการ "ซื้อข้าวจากชาวนา" โดยใช้ "หลักการรวมซื้อ" มาพัฒนาระบบการค้าให้เป็นธรรม บนหลักความพึ่งพาและความร่วมมือในการบริหารจัดการ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อการสร้างระบบที่เอื้อประโยชน์ มีการเชื่อมโยง การจัดหา และคัดสรรข้าวคุณภาพจากมือผู้ผลิตคือเกษตรกร ส่งตรงสู่ผู้บริโภคในราคาที่เป็นธรรม

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถอุดหนุนชื้อข้าวเกษตรกรได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงเดือนกันยายน 2560 ณ ตำรวจภูธรภาค 5 ถนนมหิดล ต.หนองหอย อ.เมือง จ.เชียงใหม่

*******************
ปชส.เชียงใหม่-ภาพ/ข่าว

ภาพข่าว ; องค์การสวนสัตว์บำเพ็ญกุศล ในโอกาสครบ 53 ปีในพระบรมราชูปถัมภ์



วันที่ 15 พฤศจิกายน 2559 เวลา 10.00 น . นายเบญจพล นาคประเสริฐ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับ รองผู้อำนวยการ ผู้อำนวยการสำนัก  ผู้อำนวยการสวนสัตว์และพนักงานองค์การสวนสัตว์ 8 แห่งทั่วประเทศไทย ได้ร่วมกันจัดพิธีบำเพ็ญกุศลถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ ที่ทำการองค์การสวนสัตว์ฯ เนื่องในโอกาสที่พระองค์ทรงรับองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ครบรอบ 53 ปี ในวันนี้

*******************
ปชส.สวนสัตว์เชียงใหม่-ภาพ/ข่าว

ข่าว ; คณะแพทยศาสตร์ มช.จัดกิจกรรมเนื่องใน “วันเบาหวานโลก” 2559


หน่วยต่อมไร้ท่อ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดกิจกรรมบริการวิชาการสู่สังคม เนื่องใน “วันเบาหวานโลก” ประจำปี 2559 เพื่อเพิ่มความรู้และทักษะในการดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวาน  นำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เหมาะสมเพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อน

ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์วัฒนา นาวาเจริญ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดงานโครงการบริการวิชาการเพื่อสังคม เนื่องใน "วันเบาหวานโลก" ประจำปี 2559 สำหรับผู้ป่วยเบาหวานและประชาชนที่สนใจทั่วไป เมื่อวันอังคาร ที่ 15 พฤศจิกายน 2559 ระหว่างเวลา 07.00 – 12.00 น. ณ ห้องโถงชั้น 1 อาคารเฉลิมพระบารมี  คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

รศ.นพ.ณัฐพงศ์ โฆษชุณหนันท์ หัวหน้าหน่วยต่อมไร้ท่อ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า เนื่องจากองค์การสหประชาชาติได้มีมติกำหนดให้วันที่ 14 พฤศจิกายน ของทุกปีเป็นวันเบาหวานโลก และเรียกร้องให้ทุกประเทศจัดทำนโยบายการป้องกันและดูแลโรคเบาหวาน เข้าเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาระบบสุขภาพอย่างยั่งยืน โดยตั้งแต่ปี พ.ศ.2550 เป็นต้นมา พร้อมรณรงค์ให้ประชากรในประเทศได้ตระหนักถึงการป้องกัน ใส่ใจดูแลรักษาโรคเบาหวาน ซึ่งคณะแพทยศาสตร์ มช. ได้จัดโครงการให้ความรู้แก่ผู้ป่วยเบาหวานและประชาชนทั่วไป เนื่องในวันเบาหวานโลกเป็นประจำต่อเนื่องทุกปี

จากการสำรวจสถานการณ์ของผู้ป่วยเบาหวานทั่วโลก ปัจจุบันมีผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานจำนวนประมาณ 150 ล้านคน และคาดว่าในอนาคตอีก  20 ปีข้างหน้า จำนวนผู้ป่วยเบาหวานจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 300 ล้านคน สำหรับประเทศไทยจากการสำรวจพบว่ามีผู้ป่วยเบาหวานประมาณ 2 ล้านคน โดยแบ่งเป็นผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 ประมาณ 46,000 คน และผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ประมาณ 1,950,000 คน ซึ่งเบาหวานเป็นโรคเรื้อรัง หากผู้ป่วยควบคุมเบาหวานได้ไม่ดีจะเป็นต้นเหตุที่ก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย อันเป็นปัญหาหลักที่ทำให้ผู้ป่วยต้องเสียชีวิตและทุพพลภาพ รัฐบาลต้องสูญเสียเงินงบประมาณในการดูแลรักษาเป็นอย่างมาก โดยผู้ที่เป็นโรคเบาหวานจะเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเป็นสองเท่าของผู้ที่ไม่ได้เป็นโรคเบาหวาน

และสำหรับในปีนี้คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้จัดกิจกรรมบริการสู่ประชาชน อาทิ ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดจากปลายนิ้ว ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง คำนวณดัชนีมวลกาย วัดรอบเอว วัดความดันโลหิต วัดเปอร์เซ็นต์ไขมันใต้ผิวหนัง นิทรรศการความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวาน เสวนาเรื่อง “เบาหวาน...รู้จักเพื่อป้องกัน รู้ทันเพื่อควบคุม” การประเมินความเสี่ยงของการเกิดโรคเบาหวาน ตรวจเท้าพร้อมให้คำแนะนำการดูแลเท้า การเลือกรองเท้าที่เหมาะสม สาธิตการทำอาหารเพื่อสุขภาพและอื่นๆอีกหลายรายการ

*******************
ปชส.คณะแพทยศาสตร์ มช.-ข่าว/ภาพ

ข่าว ; เครือข่าย OTOP เชียงใหม่มอบเสื้อผ้าย้อมสีดำ ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและผู้ประสบภัย



วันที่15 พฤศจิกายน 2559 เวลา 13.00 น. นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ รับมอบผ้าย้อมสีดำจาก นายนพวงศ์ รัฐผไท ประธานเครือข่าย OTOP จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมคณะทำงานเครือข่ายพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงใหม่ จำนวนทั้งสิ้น 300 ตัว ที่ห้องรับรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อนำไปมอบให้กับผู้ที่มีรายได้น้อยและเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่

********************
ปชส.เชียงใหม่-ภาพ/ข่าว

ข่าว ; สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่เตือนผลิตภัณฑ์อันตราย “ยาทาสเตียรอยด์”


จังหวัดเชียงใหม่พบการจำหน่ายผลิตภัณฑ์อันตราย "ยาทาสเตียรอยด์" ไม่มีเลขทะเบียนยา วางจำหน่ายแยกหรือควบคู่กับสบู่และครีมที่ไม่มีฉลากระบุ ระบาดตามร้านค้า ตลาดนัดทั้งจังหวัดเชียงใหม่ และตามจังหวัดต่างๆ สาธารณสุขเตือนผู้ใช้จะเป็นอันตรายและผู้ขายจะได้รับโทษตามกฎหมาย

ร้อยเอกภูรีวรรธน์  โชคเกิด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ แจ้งประชาสัมพันธ์เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อโฆษณาหรือซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมาใช้เพื่อทาหน้ารักษา ฝ้า กระ ผดผื่น หรือทาลำตัวเพื่อลดอาการผื่นคัน เนื่องจากเป็นยาที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่มีฉลากภาษาไทย ไม่ได้ขึ้นทะเบียนยา และยังพบว่าเป็นผลิตภัณฑ์ยาผสมสเตียรอยด์ที่มีความแรงสูงไม่ควรใช้บริเวณใบหน้า เพราะการใช้ยาทากลุ่มผลิตภัณฑ์ยาสเตียรอยด์ควรต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์หรือเภสัชกร ซึ่งพิษของยาสเตียรอยด์จะทำให้เกิดผิวเป็นริ้วลาย ผิวเปลี่ยนสีจากขาวเป็นกระดำกระด่าง เป็นสิวในบริเวณที่ทา ผิวบาง เส้นเลือดฝอยพอง ผิวหนังอักเสบรอบๆปาก ขนขึ้นดกบริเวณที่ทา และยังพบว่ามีส่วนผสมยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เจนตาไมซิน ซึ่งอาจเกิดการแพ้ยาได้สำหรับคนที่แพ้ยาชนิดนี้

นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายประกอบเป็นชุดสบู่ สีส้ม ตรวจพบกรดวิตามินเอซึ่งเป็นสารห้ามใช้ในเครื่องสำอาง มีพิษและผลข้างเคียง ทำให้หน้าแดงและแสบร้อนรุนแรง เกิดการระคายเคือง อักเสบ แพ้แสงแดดหรือแสงไฟได้ง่าย ผลิตภัณฑ์ตลับขาวตรวจพบปรอทแอมโมเนีย ซึ่งเป็นสารห้ามใช้ในเครื่องสำอาง พิษและผลข้างเคียง ทำลายไต ระบบประสาท เยื่อบุและทางเดินหายใจ การใช้เป็นเวลานานจะทำให้เกิดพิษสะสมของสารปรอทในผิวหนัง และดูดซึมเข้าสู่กระแสโลหิต ทำให้ตับและไตอักเสบ เกิดโรคโลหิตจาง ทางเดินปัสสาวะอักเสบ ทำลายสีของผิวหนังและเล็บมือ ทำให้ผิวบางลงเรื่อยๆ เกิดการแพ้ หรือเป็นแผลเป็น

นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ยังกล่าวย้ำเตือนว่า ผู้ใดจำหน่ายยาไม่มีทะเบียนและผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ไม่มีฉลากภาษาไทย และหากตรวจพบสารห้ามใช้ มีโทษตามกฎหมาย ทั้งนี้ได้แจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจเฝ้าระวังและดำเนินคดีกับผู้จำหน่าย หรือหากประชาชนพบเห็นการจำหน่ายหรือใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวแล้วมีอาการผิดปกติ สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัชสาธารณสุข โทรศัพท์ 053 894742 หรือที่เวปไซด์ www.fdachiangmai.com

อนึ่ง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ได้แจ้งเตือนประชาชนหรือผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับอนุญาต ถึงสิ่งที่ควรรู้สำหรับผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาและเครื่องสำอาง จะมีโทษตามกฎหมายดังนี้

พระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510
• ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 12 ระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท ตามมาตรา 101
• ขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 72(4) ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 122

พระราชบัญญัติ เครื่องสําอาง พ.ศ. 2558
• ขายเครื่องสำอางไม่มีฉลากมาตรา 32(2)จำคุกไม่เกิน 3 เดือนหรือปรับไม่เกิน 30,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 67 วรรคสอง
• ขายเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัยในการใช้ มีวัตถุที่ห้ามใช้ เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง ตามมาตรา 6(2) มาตรา 27(1) จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับตามมาตรา 74 วรรคสอง

********************
ประชาสัมพันธ์ สสจ.เชียงใหม่-ข่าว/ภาพ

ภาพข่าว ; ม.พายัพจัดพิธีนมัสการพระเจ้าเพื่อถวายความอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช


ผศ.ดร.สมพันธ์ วงษ์ดี อธิการบดีมหาวิทยาลัยพายัพ นำบุคลากร นักศึกษา และศิษย์เก่า พร้อมครอบครัว ร่วมพิธีนมัสการพระเจ้าเพื่อถวายความอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และร่วมกันจุดเทียนแปรอักษรพร้อมขับร้องบทเพลงพระราชนิพนธ์ “ความฝันอันสูงสุด” โดยคณะนักร้องจากวิทยาลัยดุริยศิลป์ และวิทยาลัยพระคริสตธรรมแมคกิลวารี เมื่อวันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2559 ณ อาคารสายธารธรรม มหาวิทยาลัยพายัพ

*******************
สำนักสื่อสารองค์กร ม.พายัพ-ภาพ/ข่าว

TV Online ; อ.สารภี ปล่อยแถวป้องกันปราบปรามผู้กระทำผิดห้วงลอยกระทง 2559

นางสุภาพรรณ บุญถนอม นายอำเภอสารภี เป็นประธานปล่อยแถวป้องกันปราบปรามผู้กระทำผิดในห้วงเทศกาลลอยกระทง ประจำปี 2559 ณ ลานหน้าที่ว่าการอำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่


Link TV Online

********************