สวัสดีครับ เพื่อร่วมเส้นทางโลกไซเบอร์ที่รักทุกท่่าน
ไม่ว่าท่านจะเข้ามาในบล็อกแห่งนี้ด้วยความตั้งใจ ไม่ตั้งใจ หลงเข้ามา หรือหาอย่างอื่นแล้วบังเอิญมาเจอ ขอให้เข้าใจไว้เุถอะครับว่า ท่านมาถูกที่แล้ว (มันถูกตรงไหนเนี่ย ที่หายังไม่เจอเลย)
ในโอกาสนี้จะขอคิดเป็นตัวอักษรในเรื่องเกี่ยวกับ การสื่อสาร (Communication) (ก็แน่ละ มีความรู้อยู่เรื่องเดียวนี่แหละ คิดเรื่องอื่น หากินทางอื่นไม่เป็นแล้วนี่) บางท่านอาจจะบอกว่า โอ๊ย รู้แล้ว รู้ดีด้่วย การสื่อสารก็คือการติดต่อไปมาระหว่างกัน การสื่อความหมายหรือข้อความถึงกัน การส่งข้อมูลข่าวสารไปมาหากัน การปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ก็แล้วแต่ใครจะให้คำนิยามไปตามบริบทของแต่ละที่แต่ละเวลา
นิยาม ไม่สำคัญเท่าการ เข้าใจ รู้เท่าทัน และนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ เกิดประสิทธิผล
คนเรานั้น มีการสื่อสารตั้งแต่เริ่มปฏิสนธิในท้องของแม่โน่นแหละ ซึ่งเราเองไม่รู้ตัว เพราะมีการส่งสารถึงแม่ผ่านทางสายสะดือ ผ่านระบบสัมผัส รวมทั้งผ่านทางจิตใจ จนคลอดออกมาเป็นคน เป็นทารก เป็นเด็ก เป็นวัยรุ่น เป็นวัยคะนอง เป็นผู้ใหญ่ เป็นวัยทำงาน เป็นวัยฉกรรจ์ เป็นวัยทอง (ดูเหมือนจะดีนะ แต่ไม่ค่อยมีใครอยากเป็น) เป็นวัยสูงอายุ วัยชรา และจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต คือตาย ยังไม่พอนะ บางคนตายแล้วยังมาเข้าฝันลูกหลาน ขอข้างขอส่วนบุญ บอกหวยบอกเบอร์ ซึ่งประ้เด็นหลังจากตายแล้วนี่ไม่ขอยืนยันนะครับ เพราะไม่มีข้อมูลทางวิชาการใดมาพิสูจน์ มีแต่ความเชื่อของบางคนเท่านั้น
เมื่อมีการสื่อสารตั้งแต่เกิดจนตาย ก็น่าจะมีทักษะดีกันทุกคน ซึ่งหากมองผิวเผินมันก็คงอย่างนั้น เหมือนเราหายใจ ทุกคนหายใจเป็นกันทั้งนั้น แต่เชื่อไหมครับว่า มีการสอนวิธีหายใจด้วย เอ้อ เอาสิ ใครสนใจต้องไปศึกษาค้นคว้าหาเองครับ เพราะไม่มีความรู้เหมือนกัน
ความจริงก็คือ มีเยอะไปที่ยังใช้การสื่อสารไม่ค่อยถูกต้อง เหมาะสม ทำให้ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นไม่เป็นไปตามที่หวัง ภาษาทางวิชาการเรียกว่า เข้ารหัสไปแล้ว ผู้ถอดรหัสถอดได้ไม่ตรงความหมาย ไม่ตรงตามที่ผู้ส่งสารต้องการ สรุปคือล้มเหลว
แล้วมันมีปัจจัยอะไรบ้างละ ที่จะช่วยทำให้การสื่อสารประสบความสำเร็จ..คือตอบก็คือ ทุกอย่าง ตั้งแต่ผู้ส่งสาร ตัวสาร สื่อที่นำไป ผู้รับสาร รวมทั้งสิ่งแวดล้อมและบริการระหว่างการสื่อสาร แล้วปัจจัยแต่ละอย่างก็ยังขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ ชนิดของสาร ลักษณะของสื่อ แล้วไหนจะสิ่งที่ไม่อยู่ในข่ายที่จะควบคุมหรือกำหนดได้ เช่น อารมณ์หรือความรู้สึกขณะทำการสื่อสารของแต่ละฝ่าย
เออ มันดูช่างยากซะจริงๆ เลิกอ่านดีกว่ามั้งเนี่ย เพราะยิ่งอ่านยิ่งจะห่างจากตัวเราไปทุกที....ยังครับ ถ้าจะเปลี่ยนใจมาอ่านต่อก็ยังไม่ถือว่าผิดกติกา เอ้า งั้นว่าต่อไป
ในครั้งนี้ขอคิด (เป็นตัวหนังสือ) ให้ได้อ่านก้นเป็นเบื้องต้นก่อนก็แล้วกันว่า ประเภทของการสื่อสาร เท่าที่นักวิชาการเขาแบ่งเอาไว้มันมีอะไรบ้าง ... ตามมาครับ ประเภทการสื่อสารประกอบด้วย
- การสื่อสารภายในตนเอง หรือการสื่อสารภายในบุคคล เขาก็เรียก เอาภาษาอังกฤษซะหน่อย เดี๋ยวจะหาว่าไม่เป็นนักวิชาการ (Intrapersonal Communication) บางคนบอก จะบ้าป่าว ตัวเองรู้อยู่แล้วในตัวเอง จะไปสื่อสารกับตัวเองทำไม มันก็มีครับ บางครั้งเราพูดกับตัวเองยังมีเลย ไหนจะความคิด ความรู้สึกนึกคิด และการส่งผ่านข้อมูลทางประสาทสัมผัุนต่างๆ ก็รวมอยู่ด้วย เช่น เห็นมะม่วงเปรี้ยวๆ ก็น้ำหลายไหล อันนี้ก็เป็นการสื่อสารภายใน
- การสื่อสารระหว่างบุคคล (Interpersonal Communication) เป็นการสื่อสารของคนตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ถ้ามากมายเหลือกจะคณานับก็จะกลายเป็นแบบอื่นต่อไป
- การสื่อสารกลุ่ม (Group Communication) อันนี้ก็นับได้ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเช่นเดียวกัน แต่ถ้าจะให้ดีคำว่ากลุ่มก็น่าจะเกิน 2 คนนะ ไปจนถึงหลายคน บางตำราก็มีการแบ่งเป็นกลุ่มย่อยกลุ่มใหญ่อีกนะ
- การสื่อสารองค์กร (Corporate Communication) ก็คือการสื่อสารที่เกิดขึ้นภายในหน่วยงาน ไม่ว่าจะจากส่วนไหนถึงส่วนใด คนมากคนน้อยก็แล้วแต่สถานการณ์
- การสื่อสารสาธารณะ (Public Communication) หมายถึงการสื่อสารกับผู้คนที่รวมตัวกันเป็นจำนวนมาก เช่น การพูดในที่ประชุม ที่ชุมนุมชน การปราศรัย บางเจ้าก็อาจเรียกว่าเป็นการสื่อสารกลุ่มใหญ่
-การสื่อสารมวลชน (Mass Communication) ก็คือการสื่อสารที่เกิดขึ้นกับคนจำนวนมาก กินวงกว้าง สื่อสารกันโดยไม่รู้จักกัน คนส่งก็ส่งไป คนรับก็รับไป มีบ้างบางครั้งที่มีการสื่อสารสองทางสามทาง ก็โดยภาพรวมแล้วคือกว้างใหญ่ไม่สามารถวัดขนาดพื้นที่หรือนับจำนวนผู้เกี่ยวข้องกับการสื่อสารได้
โอกาสนี้คงต้องขอจบการคิดไว้ชั่วคราว กลัวว่าท่านที่อ่านจะเบื่อซะก่อน ส่วนคนคิดนะยังจะมาคิดออกเป็นตัวให้ได้อ่านกันอีกในคราวต่อไป
บอกไว้ซะก่อนครับว่า จะมาคิดเรื่องเกี่ยวกับการสื่อสารตามวัตถุประสงค์ เช่น สื่อสารองค์การ สื่อสารการตลาด สื่อสารเพื่อการใดการหนึ่งโดยเฉพาะ และอาจจะต่อด้วย การสื่อสารในภาวะวิกฤติ ว่าแต่ละอย่างจะใช้การสื่อสารแบบใดจึงจะเหมาะจะควร และได้ผลตามความมุ่งหมาย คือคนรับสารเข้าใจตรงกับที่ผู้ส่งสารต้องการ ที่สำคัญคือ เกิดประโยชน์สูงสุดต่อส่วนรวม.............แล้วเจอกัน
จาก...ศูนย์ข่าวจิ๊บจิ๊บ
สวัสดีครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น