ปิดการสัมมนาสภาองค์กรนิสิต-นักศึกษา แห่งประเทศไทย ภาคเหนือ ครั้งที่ 1 ที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมการร่วมกันจัดตั้งสภาและมอบภารกิจการจัดสัมมนาครั้งต่อไปแก่ มหาวิทยาลัยนเรศวรในปี 2555 ขณะที่รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ชี้ว่า การจัดตั้งสภาองค์กรนิสิต-นักศึกษา แห่งประเทศไทย ภาคเหนือ จะเกิดประโยชน์ในการถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และสร้างเครือข่ายแก่นักศึกษาที่จะสามารถนำไปใช้ในอนาคต
รองศาสตราจารย์ อาคม กาญจนประโชติ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นประธานปิดการสัมมนาสภาองค์กรนิสิต-นักศึกษา ระดับอุดมศึกษาแห่งประเทศไทย เขตภาคเหนือ ครั้งที่ 1 ซึ่งสภานักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ ภายใต้การสนับสนุนของกองพัฒนานักศึกษา มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นเจ้าภาพจัดขึ้น ณ อาคารอำนวย ยศสุข มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ระหว่าง 15-17 กรกฎาคม 2554 มีตัวแทนจากมหาวิทยาลัยในเขตภาคเหนือเข้าร่วมการสัมมนา 21 สถาบัน
หลังจากจบการสัมมนาแล้ว ตัวแทนนิสิต นักศึกษา ที่เข้าร่วมการสัมมนาครั้งนี้ ได้ร่วมกันประกาศการจัดตั้งสภาองค์กรนิสิต-นักศึกษาระดับอุดมศึกษาแห่ง ประเทศไทย เขตภาคเหนือ (กลุ่มลุ่มน้ำปิง) โดยมีองค์กรนิสิต นักศึกษาจาก 20 มหาวิทยาลัยในพื้นที่ภาคเหนือร่วมกันจัดตั้ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การดำเนินงานและประสบการณ์ต่างๆ เพื่อจัดกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ในเขตภาคเหนือ เพื่อพัฒนาองค์กรนิสิต-นักศึกษา สู่ประชาคมอาเซียนและประชาคมโลก เพื่อร่วมกันพัฒนาสภานิสิต-นักศึกษาระดับอุดมศึกษาแห่งประเทศไทย เขตภาคเหนือ ให้เข้มแข็งและยั่งยืน โดยตัวแทนนิสิตนักศึกษาที่เข้าร่วมกันสัมมนาต่างปฏิญาณตนว่า จะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถและให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ตลอดจนสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นในหมู่คณะ และพัฒนาเขตภาคเหนือให้มีความเจริญก้าวหน้าสืบไป
ก่อนพิธีปิดการสัมมนา ได้มีพิธีส่งมอบธงสัญลักษณ์การจัดการสัมมนาสภาองค์กรนิสิต-นักศึกษาระดับ อุดมศึกษาแห่งประเทศไทย จากเจ้าภาพครั้งนี้คือมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ผ่านประธานในพิธีให้กับเจ้าภาพจัดการสัมมนาครั้งต่อไปซึ่งเป็นครั้งที่ 2 คือมหาวิทยาลัยนเรศวร โดยกำหนดจัดที่จังหวัดพิษณุโลก ในปี 2555
รองศาสตราจารย์ อาคม กาญจนประโชติ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวถึง สภาองค์การนิสิต-นักศึกษาระดับอุดมศึกษาแห่งประเทศไทย เขตภาคเหนือ ซึ่งตัวแทนนักศึกษา 22 สถาบันร่วมกันจัดตั้งขึ้นว่า จะเป็นประโยชน์ต่อนักศึกษาที่จะได้ฝึกทักษะชีวิต สามารถนำไปใช้ได้เมื่อสำเร็จการศึกษาไปประกอบอาชีพ ซึ่งสิ่งที่เห็นอย่างเด่นชัดจากการรวมกลุ่มจัดตั้งเครือข่ายอย่างน้อย 3 ประการคือ การถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์จากสถาบันขนาดใหญ่และก่อตั้งมาอย่างยาวนาน ไปยังมหาวิทยาลัยขนาดเล็กหรือมหาวิทยาลัยใหม่ เป็นการสร้างเครือข่ายให้เกิดความสามัคคีภายใต้การบูรณาการร่วมกันทำงาน และเป็นการพัฒนาวิสัยทัศน์ เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้สู่นักศึกษารุ่นต่อไป ซึ่งจะสร้างความเข้มแข็งอันเป็นประโยชน์แก่องค์การนักศึกษา แก่มหาวิทยาลัย และแก่สังคมประเทศชาติ
สำหรับสภาองค์การนักศึกษา เกิดขึ้นจากแนวความคิดของผู้บริหารด้านพัฒนานักศึกษาของสถานศึกษาต่างๆ ที่เห็นควรให้มีการสร้างเครือข่ายเพื่อสร้างความเจริญและบริหารกิจกรรมนักศึกษา โดยเริ่มต้นจากมหาวิทยาลัย 8 แห่งในจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำองค์การนักศึกษาหรือสโมสรนักศึกษาของแต่ละมหาวิทยาลัยมาสร้างเครือข่าย แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ช่วยเหลือ ร่วมงาน ร่วมจัดค่ายอาสา ร่วมแข่งขันกีฬา จนเกิดการพัฒนาสู่สภาองค์การนักศึกษา และได้ขยายเครือข่ายครอบคลุมไปทั่วพื้นที่ภาคเหนือ จนสถาบันการศึกษาในระดับอุดมศึกษาจำนวน 22 สถาบันใน 20 มหาวิทยาลัย ได้ร่วมจัดตั้งองค์การนิสิต-นักศึกษาระดับอุดมศึกษาเขตภาคเหนือขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น