จากการไปเยี่ยมบ้านที่บ้านเวียง ต.วังผาง อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ซึ่งอยู่ใกล้กับตลาดนัด (กาดงัว) ชาวบ้านเล่าว่า พ่อครูอำนวย กลำพัด เข้าสู่วงการดนตรีพื้นเมือง ฝึกร้องเพลงมาตั้งแต่ก่อนปี พ.ศ.2500 ต่อมาเป็นผู้ตั้งวงละครคณะ “อำนวยโชว์” มีพ่อครูอินตา ณ ลำปาง เป็นครูเพลง ภายในวงมีการแสดงการละเล่นทุกรูปแบบทั้งการร้องเพลงลูกกรุง เพลงลูกทุ่ง การเล่นละครเวที ละครซอ เพลงซอ ซึ่งคณะละครซอทางสถานีวิทยุเอเอ็มสมัยนั้น เริ่มตั้งแต่สถานีวิทยุ วป.ถ. 2 มีการแสดงทั้งในห้องออกอากาศ และแสดงบนเวทีหน้าสถานี เมื่อมีคนจ้างไปแสดงที่ไกล ๆก็ไป คนในคณะมีทั้งช่างซอ ตลก นักร้อง โดยมีค่าตัววันละ 5-6 บาท พอๆกับค่าจ้างเกี่ยวข้าวในสมัยนั้น เล่นละครซอออกอากาศจนกระทั่ง กองทัพภาคที่ 3 และสำนักข่าวสารอเมริกัน (USIS) เชิญไปทำการแสดงในพื้นที่สีแดงและสีชมพู เพื่อปฏิบัติการจิตวิทยาดึงประชาชนให้กลับมา ไม่ให้หลงเชื่อคอมมิวนิสต์ซึ่งยุคนั้นมีการโฆษณาชวนเชื่อ
ดร.พระครูปลัดอุทัย รัตนปัญโญ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร อาจารย์ภาควิชาปรัชญาและศาสนา วิทยาลัยสงฆ์นครลำปาง ในฐานะลูกศิษย์เอกผู้ได้รับถ่ายทอดวิชาค่าวฮ่ำ ตำรา และเอกสารต่างๆจากพ่อครูอำนวย กลำพัด เล่าว่า พ่อครูอำนวย เป็นศิลปินเมืองเหนือที่ยิ่งใหญ่ ได้รับรางวัลสูงสุดคือ เพชรราชภัฏ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ นอกนั้นเป็นโล่รางวัลต่าง ๆ ในท้องถิ่น เหตุผลเพราะเมื่อเสนอไปแล้วไม่มีผู้เห็นความสำคัญ อย่างไรก็ตาม ผลงานของพ่อครูอำนวย กลำพัด มีมากมายทั้งเพลงซอ ค่าวฮ่ำ ภาษิต คำโบราณสอนใจ สอนคนให้รักเดียวใจเดียว มีศีลธรรม ละเว้นอบายมุข สอนลูกสอนหลานให้เป็นคนรักนวลสงวนตัว เป็นผู้จัดทำระบบต้นแบบค่าวฮ่ำคำอู้สาว (จีบหนุ่มจีบสาว เป็นค่าวเป็นเครือ) ตั้งแต่สมัยโบราณมา เป็นผู้เชิดชู ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมเหนืออย่างเอกอุ ตราบจนถึงวาระสุดท้าย วันสุดท้ายก่อนเสียชีวิตก็ยังพูดคุยกับศิษย์เอกเรื่องค่าวฮ่ำ จ๊อยซอ อันเป็นศิลปวัฒนธรรมประจำของคนเมือง
ในวันเสียชีวิต 13 พฤษภาคม 2560 พ่อครูอำนวย กลำพัด ขับรถมาจากบ้าน 68/1 ต.วังผาง อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน มาพบกับ ดร.พระครูปลัดอุทัย ที่วัดพระสิงห์วรวิหารตั้งแต่ตอนสาย จากนั้นช่วงบ่ายได้รับยาและอาหารเสริมเสริจแล้วได้ขับรถกลับบ้าน เมื่อไปถึงหน้าสถานีตำรวจภูธรหางดงก็หมดสติกลางถนนด้วยโรคหัวใจล้มเหลว ทั้งนี้ ศพของพ่อครูอำนวย กลำพัด จะตั้งที่บ้านเวียงหนองล่องในวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2560 นี้
*******************
บุญญฤทธิ์ ตุลาพันธ์พงศ์-เรียบเรียง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น