เนิ่นนานเกินกว่า 3 ทศวรรษ สำหรับการประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนในฐานะนักข่าวกีฬา เติบโตขึ้นมาจนกระทั่งเป็นหัวหน้าข่าว เป็นกรรมการในสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงใหม่ กรรมการในสมาคม ชมรมทางด้านการกีฬา และที่ปรึกษาในด้านกีฬาในเขต 5 และเครือข่ายทั้งภาคเหนือและภาคอื่นๆ ทั่วประเทศ
สำหรับ “กำแพงยักษ์” หรือชื่อจริงคือ บรรจงศักดิ์ ไชยประสิทธิ์ เป็นที่รู้จักกันทั่วไปและไว้วางใจในหมู่นักข่าวกีฬาว่าเป็นผู้อาวุโส ที่ไม่เพียงแต่รอบรู้ในเรื่องเกมกีฬา กฎกติกา มารยาท ตลอดถึงระเบียบประเพณีในแวดวงกีฬาอย่างโชกโชน เพราะกว่าค่อนชีวิตของเขาอยู่ในแวดวงนี้มาโดยตลอด ทั้ง ๆ ที่เขาน่าจะดำเนินตามรอยเท้าของบิดา พ.ต.ท.สงวนศักดิ์ ไชยประสิทธิ์ อดีตสารวัตรใหญ่ สภ.อมก๋อย ซึ่งมุ่งมั่นปั้นให้บรรจงศักดิ์ เข้ารับราชการเป็นตำรวจ โดยเริ่มต้นจากการไปสอบและได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจตระเวนชายแดนอยู่ในพื้นที่ภาคใต้
แต่ด้วยความรักความพึงพอใจในอิสระ และอยากอยู่บ้านเกิดเมืองนอน บรรจงศักดิ์ จึงได้ลาออกจากราชการมาทำหน้าที่เป็นนักข่าว แม้จะเริ่มต้นเป็นนักข่าวโรงพัก ทำข่าวอาชญากรรม เริ่มต้นจาก น.ส.พ.ระมิงค์ เมื่อหลังปี 2519 ด้วยหน่วยก้านที่บึกบึนเข้มแข็ง และตัวสูงใหญ่ จึงถูกชักนำให้ไปดูแลข่าวด้านกีฬา ไม่กี่ปีต่อมา ชาญชัย ลิ้มจรูญ หัวหน้าข่าวและทายาท “ไทยนิวส์” ก็ชักชวนให้เข้ามาเป็นฝ่ายข่าวกีฬา ซึ่งมี อินสม ปัญญาโสภา เป็นหัวหน้าข่าวอยู่ บรรจงศักดิ์ได้เรียนรู้หล่อหลอมงานข่าวด้านกีฬาและสังคมมาแบบเกาะติด เริ่มตั้งแต่กีฬามวย ในยุค เสธ.ยอด พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย เป็นนายสนามมวยเดชานุเคราะห์ (ค่ายกาวิละ) ต่อมาถึงด้านฟุตบอล กอล์ฟ และรวมไปจนทุกประเภทกีฬาที่สามารถจะอธิบายได้ว่า แต่ละประเภทมีกฎ กติกา และระเบียบวิธีการเป็นอย่างไร รวมทั้ง ความชื่นชอบส่วนตัวในกีฬากอล์ฟ ก็ทำให้เขาได้เข้าสู่วงการกีฬาที่มีผู้คนระดับนำของสังคมเข้าไปเล่น จึงทำให้ความเป็นทั้งนักข่าวกีฬา และนักกีฬาเติมเต็มอย่างสมบูรณ์แบบ
จนกระทั่งในปี 2557 “ไทยนิวส์” หาผู้มีประสบการณ์มาช่วยกันแชร์ความสามารถในการบริหารจัดการ และดูแลเป็นบรรณาธิการข่าวหน้า 1 บรรจงศักดิ์ ไชยประสิทธิ์ นอกจากทำข่าวกีฬาแล้ว ยังมาทำหน้าที่ดูแลข่าวหน้า 1 และเป็นผู้ควบคุมทีมร่วมกับเพื่อนยุพราชด้วยกันอย่าง วิชัย ทิพย์รัตน์ ทำให้ทีมข่าวหน้า 1 ไทยนิวส์มีความเข้มแข็งเป็นอย่างมาก จนกระทั่ง “ไทยนิวส์” ย้ายที่ตั้งจากถนนสามล้านมาอยู่ถนนโพธารามย่านหลังวัดเจ็ดยอด เขาจึงเป็นพระเอกในการควบคุมทั้งหน้ากีฬาและหน้า 1 อย่างสมความภาคภูมิใจ
แต่ด้วยเหตุแห่งการทำงานข่าวที่ใคร ๆก็ทราบดีว่าไม่มีเวลาให้ดูแลสุขภาพ ไม่มีแม้เวลาให้เจ็บไข้ได้ป่วย บรรจงศักดิ์ ไชยประสิทธิ์ เริ่มมีอาการซูบผอมลงในช่วงต้นปี 2558 เพื่อน ๆ ห่วงใยสอบถาม จึงทราบว่าเริ่มมีอาการของโรคเบาหวาน แต่ก็เชื่อว่าเขาคงจะเอาชนะมันได้เพราะประสบการณ์ต่างๆ แม้ระหว่างการเจ็บป่วยก็ยังมาปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง เขาบอกว่า “ด้วยใจรัก” และความเป็นนักข่าวมันเป็นเลือดที่ข้นมากกว่าความเจ็บป่วยใด ๆ ถึงขั้นวิกฤตวันหนึ่งเมื่อต้องเข้าโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ซึ่งผู้บริหารไทยนิวส์ ร่วมกับ ผศ.อาคม ตันตระกูล ที่ปรึกษาฯ ได้รับความกรุณาอย่างยิ่งจาก ศ.คลินิก น.พ.วัฒนา นาวาเจริญ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช. และ ผศ.น.พ.นิสิต วรรนัธฉริยา ผอ.โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ได้รับเข้าทำการรักษาอย่างดีจากแพทย์มือหนึ่ง
บรรจงศักดิ์ ไชยประสิทธิ์ รักษาอาการเบาหวาน ความดัน และภายหลังพบมะเร็งเพิ่มขึ้นมาอีกอย่าง แต่ด้วยความมุ่งมั่นว่าจะเอาชนะมันให้ได้ บางวันเขาก็กลับออกมาพักที่บ้านและไปทำข่าว ส่งข่าว รายงานข่าวตามปกติ จนกระทั่งเมื่อต้นปี 2560 เริ่มมีอาการไม่สบายอีกครั้งจึงกลับเข้ารักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่
และมาถึงวันที่ 11 มกราคม 2560 อาการวิกฤตปรากฏขึ้น ญาติพี่น้อง และลูก ๆ จึงได้นิมนต์พระสงฆ์มาเทศน์และเจริญพระพุทธมนต์ถึงเตียงผู้ป่วย จนสุดท้ายเวลา 18.00 น.เศษ บรรจงศักดิ์ ไชยประสิทธิ์ ก็อำลาจากไปด้วยความสงบ สิริอายุ 62 ปี (เกิดวันที่ 12 ธันวาคม 2497) ขอให้ดวงวิญญาณของเพื่อนร่วมวิชาชีพผู้ทระนง ผู้สร้างปรากฏการณ์ในแวดวงข่าวกีฬาของการกีฬาภาคเหนือและประเทศไทย จงไปสู่สุคติในสัมปรายภพโน้นเทอญ
**********************
บุณย์ มหาฤทธิ์ - เรื่อง
ภาพประกอบจากไลน์กลุ่มราชการกับสื่อ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น