อาจารย์ประจำภาควิชาชีวเคมี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ค้นคว้าสารเซซามินจากงาดำ ช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็งที่เป็นต้นกำเนิดของโรคต่างๆ ปัจจุบันได้ทำการจดสิทธิบัตรไปแล้ว 3 ประเทศ คือไทย สหรัฐอเมริกา และมาเลเซีย พร้อมสร้างรายได้กว่า 30 ล้านบาทตอบแทนให้กับมหาวิทยาลัยในอีก 4 ปีข้างหน้า
ศาสตราจารย์ ดร.ปรัชญา คงทวีเลิศ หน่วยวิจัยที่มีความเป็นเลิศทางด้านวิศวกรรมเนื้อเยื่อและเซลล์ต้นกำเนิด ภาควิชาชีวเคมี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับสารสกัดงาดำ “เซซามิน” เปิดเผยว่า จากที่ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการใช้โภชนบำบัดเป็นอย่างมาก คือการกินอาหารให้เป็นยา การใช้อาหารช่วยในการรักษาโรค โดยการดัดแปลงอาหารธรรมดาให้เป็นอาหารที่เหมาะสมกับโรคที่เป็นอยู่ จึงได้ทำการศึกษาวิจัยงาดำขึ้น พบว่างาดำมีสารเซซามินที่ช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็งและช่วยฟื้นฟูสภาพเซลล์ที่เสื่อมให้กลับมาทำงานเป็นปกติได้ นอกจากนี้ยังพบว่าเซซามินช่วยทำให้แคลเซียมประสานกับกระดูกเพิ่มมากขึ้น สามารถป้องกันโรคข้อเข่าเสื่อม โรคกระดูกพรุน และยังสามารถปกป้องเซลล์ประสาทที่เสื่อมสภาพให้สามารถกลับมาทำงานเป็นปกติได้ สรุปได้ว่าสารสกัดเซซามินจากงาดำสามารถต้านเซลล์ต่างๆที่เสื่อมสภาพแล้ว ยังสามารถฟื้นฟูและป้องกันเซลล์ที่ถูกทำลายลงได้ ทั้งนี้เริ่มทำการศึกษาวิจัยตั้งแต่ปี 2553 ได้พัฒนาสารเซซามินจากงาดำในรูปแบบแคปซูลอาหารเสริม และให้ผู้ป่วยโรคสมองและโรคมะเร็งรับประทานสารเซซามินจากงาดำแคปซูลควบคู่กับยาที่แพทย์สั่ง พบว่าผ่านไป 6 เดือนผู้ป่วยที่เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต เป็นเจ้าชายนิทรา พูดไม่ได้ ขยับตัวไม่ได้ กลับมาพูดได้ นอกจากนี้ ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการรักษาด้วยคีโมมีอาการผมร่วงหมด เมื่อรับประทานสารเซซามินจากงาดำแคปซูลควบคู่ยาตามแพทย์สั่งพบว่าผมได้งอกขึ้นเป็นปกติ และผู้ป่วยอีกหลายรายที่ได้ทำการทดสอบ ด้วยวิธีการรับประทานสารเซซามินจากงาดำแคปซูลควบคู่ไปกับยาที่รักษา กลับได้ผลเป็นปกติถึง 90 %
"ที่ผ่านมาได้รับทุนสนับสนุนจาก “ทุนวิจัยรางวัลเซเรบอส” (Cerebos Awards) สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา โครงการวิจัยนวัตกรรมทางเคมี สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคณะแพทยศาสตร์ จนกระทั่งในปี 2559 มีผู้ป่วยทั่วโลกให้ความสนใจสารเซซามินจากงาดำที่สามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งได้ ซึ่งปัจจุบันได้ทำการจดสิทธิบัตรไปแล้วทั้งหมด 3 ประเทศ ได้แก่ไทย สหรัฐอเมริกา และมาเลเซีย เนื่องจากเป็นงานวิจัยที่จับต้องได้ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงและเป็นประโยชน์กับคนทั่วโลก" ศ.ดร.ปรัชญากล่าว และว่า โครงการนี้สามารถสร้างรายได้ตอบแทนมหาวิทยาลัยเชียงใหม่แล้วกว่า 7 ล้านบาท คาดว่าปี 2564 จะสร้างรายได้เข้ามหาวิทยาลัยได้ถึง 30 ล้านบาท
ศาสตราจารย์ ดร.ปรัชญา กล่าวด้วยว่า ในอนาคตหวังว่ามหาวิทยาลัยต้องลดการพึ่งพารายได้จากการเรียนการสอนลงไป แต่เน้นไปที่การทำงานวิจัยที่นำไปสู่การพัฒนาประเทศ และสามารถนำนวัตกรรม งานวิจัย มาผลิตและสร้างรายได้ มหาวิทยาลัยต้องเน้นรายได้จากการวิจัยที่สร้างนวัตกรรมและนำไปสู่เชิงพาณิชย์ออกมาทำใช้ได้จริง ส่งออกได้จริง ลดต้นทุนได้จริง นำพาประเทศก้าวพ้นกับดักรายได้ปานกลาง ขณะเดียวกันก็เป็นแหล่งรายได้สำคัญของมหาวิทยาลัยด้วย มหาวิทยาลัยโดยเฉพาะในระดับบัณฑิตศึกษาต้องรับนักศึกษาให้ลดลงแต่มีคุณภาพเข้มข้น ขณะเดียวกันอาจารย์มหาวิทยาลัยต้องหาเงินทุนวิจัยจากภาคเอกชนให้ได้มากขึ้น เพื่อนำมาจ้างนักศึกษาระดับบัณฑิต
*************************
ประชาสัมพันธ์ คณะแพทยศาสตร์ มช.-ข่าว/ภาพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น