สาธารณสุขจังหวัดร่วมกับ อย. ตำรวจ และปปส. เข้าตรวจสอบโรงพยาบาลเอกชนย่านช้างเผือก พบว่ามีการสั่งยาซูโดเอฟริดีนเดี่ยวมากว่า 2 แสนเม็ด ตรวจหลักฐานมีการสั่งยา แต่ไม่มีการรับ และจ่ายเงิน พบเจ้าหน้าที่จัดซื้อเป็นคนดำเนินการ กำลังสอบสวนเชื่อมโยงกับขวดยาที่พบทิ้งกองขยะที่สันกำแพง เผยตั้งแต่นี้ไป ห้ามครอบครองยาซูโด ถือมีความผิด แม้คลินิก และร้านขายยยาต้องรับอนุญาตก่อน
ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 นพ.วัฒนา กาญจนกามล สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงาน อบ. ตำรวจ และ ปปส.ภาค 5 ได้ประชุมหารือถึงความคืบหน้ากรณีการตรวจสอบยาซูโดเอฟริดีนในโรงพยาบาลที่ต้องสงสัย และเปิดเผยว่าวันนี้ร่วมกับเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายได้ไปตรวจสอบที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่งตามที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดได้รายงานแก่ อย.ไปเมื่อกลางเดือนที่แล้วว่า รพ.ดังกล่าวมีความผิดปกติในการรายงานใช้ยาซูโดเอฟริดีนเดี่ยว ในช่วงระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคม 2554 มีการสั่งซื้อยา 60,000 เม็ด แต่การรายงานต้องรายงานไปที่ อย. เป็นรายงานเท็จ และมีการสั่งปรับไป 20,000 บาท วันนี้ อย.จึงเข้ามาตรวจสอบอีกครั้งพบว่า 2 ปีที่ผ่านมา 2553-54 มีการสั่งซื้อยาทั้งสิ้น 210,000 เม็ด
แต่จาการสอบสวนขั้นต้นพบว่ามีผู้แอบอ้างชื่อรพ.ดังกล่าว สั่งซื้อยาไปที่ อย. แต่ยาไม่ได้ส่งมาถึงที่ รพ. มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดซื้อจัดจ้างได้แอบอ้างในการสั่งซื้อยา ขณะนี้ อย.กับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจึงได้ดำเนินการไปตามระเบียบ คือ ได้ไปแจ้งความที่ สภ.ช้างเผือก เพื่อให้ลงบันทึกประจำวันรับทราบ จะได้มอบพนักงานสืบสวนให้สืบสวนเชื่อมโยงต่อไป อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นทาง เจ้าหน้าที่ ปปส. สอบสวนได้เชื่อมโยงไปที่ขวดยาที่พบที่สันกำแพง ก่อนหน้านี้สงสัยว่า อาจเป็นล็อตเดียวกันที่จัดส่งมา รพ.แห่งนี้ มีประมาณ 180 ขวด ๆ ละ500 เม็ดรวมประมาณ 90,000 เม็ด โดย 20,000 เม็ด เป็นซูโดเดี่ยว ซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภทที่ 2 อยู่แล้ว การจำหน่าย ครอบครองต้องได้รับอนุญาตจาก อย.ให้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้มีไว้ครอบครอง และใช้กับผู้ป่วยตามระเบียบการใช้วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ผู้ที่เกี่ยวข้องรับว่าเป็นผู้ที่สั่งซื้อมาโดยไม่ได้เป็นลายเซ็นของผู้อำนวยการ รพ.แห่งนี้ เป็นความผิดฐานมีไว้ครอบครองวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภทที่ 2 โดยไม่ได้รับอนุญาต และยาสองแสนกว่าเม็ดก็ไม่ได้นำมาใช้ในโรงพยาบาลแต่อย่างใด
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังตรวจพบว่า “ไอ้โม่ง” ผู้สั่งซื้อยาได้โอนเงินเองโดยไม่ผ่านระบบโรงพยาบาล เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดซื้อจัดจ้างของโรงพยาบาลนั่นเอง ซึ่งตามระเบียบจะต้องมีใบอนุญาตไว้ในครอบครองในเบื้องต้น พบมีหนึ่งคนที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง อย.ได้แจ้งความไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้ระบุว่าผู้บริหารโรงพยาบาลมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ กำลังอยู่ระหว่างสอบสวนขยายผลเชิงลึกต่อไป สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่ากรณีที่เกิดขึ้น เป็นยาที่หายไปจากระบบโดยไม่มีของกลาง ไม่มีในบัญชียาในโรงพยาบาลดังกล่าว มีเพียงตัวหนังสือการจ่ายเงิน และโรงพยาบาลไม่มีบันทึกการรับยา ดังนั้นจึงต้องสอบสวนต่อไปว่า มีการส่งยาลักษณะนี้ไปที่ใดบ้างซึ่งซูโดเดี่ยวมีไม่กี่แห่ง เพราะต้องมีใบอนุญาตให้ครอบครองตามระบบก่อน ขณะนี้ กระทรวงสาสุขได้ประกาศให้ซูโดเดี่ยวและผสม เป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภทที่ 2 ซึ่งก่อนหน้านี้แบบผสมไม่อยู่ในระบบนี้ ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2555 เป็นต้นไป ทั้งสองชนิดจะถูกประกาศวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภทที่ 2 รวมไปด้วย ผู้ใดมีในครอบครองต้องส่งคืนให้หมด ขณะนี้ได้แจ้งระงับใช้ยาทั้งสองชนิดนี้ในร้านขายยา และคลินิก ต่อไปการจะใช้ต้องขออนุญาตเป็นผู้ครอบครองก่อน จึงนำไปใช้ได้ มิฉะนั้นต้องส่งคืนให้หมด.
ข่าวโดย บุญญฤทธิ์ ตุลพาพันธ์พงศ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น