หวั่นพระธาตุเจดีย์หลวงพังหลังจากฝนถล่มเมืองเชียงใหม่ต่อเนื่องถึงครึ่งเดือน ทำให้ต้นขนุนยักษ์อายุนับร้อยปีในวัดเจดีย์หลวงล้ม น้ำท่วมขังรอบพระธาตุเจดีย์ทั้งชั้นในกำแพงแก้ว บางวันมากจนล้นทะลักออก เจ้าอาวาสขอเทศบาลนครเชียงใหม่เร่งระบายน้ำออกโดยด่วน ขณะที่นายกเทศมนตรีรุดไปตรวจ และระดมกำลังคนและเครื่องสูบน้ำแก้ไข
เมื่อสายวันที่ 11 พฤษภาคม 2554 ที่วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พระครูโสภณกวีวัฒน์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสได้แจ้ง “ไทยนิวส์” ว่า ต้นขนุนยักษ์อายุนับร้อยปีอยู่ติดหอพิพิธภัณฑ์พระพุทธพจนวราภรณ์ ทิศเหนือของพระธาตุเจดีย์หลวงล้มลงเมื่อคืนที่ผ่านมา ลำต้นพาดขวางถนนทางไปศาลาบำเพ็ญกุศลศพ และ มมร.วิทยาเขตเชียงใหม่ ซึ่งต่อมาผู้สื่อข่าวรุดไปดูพบว่าเป็นขนุนยักษ์ขนาดสองคนโอบ โดยมีนายทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ได้ให้พนักงานบรรเทาสาธารณภัยของเทศบาลตัดขนุนยักษ์และเก็บกวาด ขณะเดียวกันพระครูโสภณกวีวัฒน์ ได้แจ้งขอความอนุเคราะห์จากเทศบาลเป็นการด่วนอีกกรณี เนื่องจากฝนตกติดต่อกันกว่าครึ่งเดือน มีน้ำท่วมขังรอบพระธาตุเจดีย์บางจุดระดับน้ำสูงถึง 50 ซม.โดยเฉพาะด้านทิศใต้องค์พระธาตุ นอกจากนั้นรอบกำแพงแก้วชั้นในของพระธาตุก็มีน้ำขังอยู่ทั้งสี่ด้าน
ต่อมานายทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่พร้อมเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยได้ตรวจสอบบริเวณองค์พระธาตุเจดีย์หลวง และเข้านมัสการพระราชเจติจารย์ เจ้าอาวาส ซึ่งกำลังห่วงว่าพระธาตุเจดีย์หลวงอาจจะทรุดลง หากมีน้ำท่วมขังอยู่นานวัน สังเกตวันไหนฝนตกหนักน้ำฝนจะล้นทะลักออกจากคูรอบองค์พระธาตุ ที่กรมศิลปากรได้บูรณะขุดค้นไว้เดิม ไหลนองออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของลานพระธาตุลงสู่ท่อระบายน้ำทางถนนราชมรรคา ทางด้านพระครูโสภณกวีวัฒน์ กล่าวเสริมว่า นับแต่ฝนตกติดต่อกันทุกคืนรอบองค์พระธาตุมีเสียงกบเขียดร้องระงมไปหมด ราวกับอยู่กลางทุ่งนา ทั้ง ๆ ที่พระธาตุเจดีย์อยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง และเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมือง เกรงว่าหากปล่อยน้ำขังไว้นานวันจะทำให้องค์พระธาตุล้มครืนลงก็ได้
นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ กราบนมัสการคณะสงฆ์วัดเจดีย์หลวงว่า ในวันเดียวกันนี้จะได้ให้ฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเข้ามาสูบน้ำออกโดยเร็ว และคงจะต้องนำเครื่องน้ำสูบน้ำประจำไว้ หากมีฝนลงมาอีกก็จะท่วมขังเช่นนี้อีก โดยเฉพาะกำแพงแก้วชั้นในซึ่งเป็นฐานสำคัญขององค์พระธาตุก็มีน้ำขังอยู่ปริมาณมาก
(ข่าวโดย บุญญฤทธิ์ ตุลาพันพงศ์)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น