มาพบกับ “บนกรีนกอล์ฟ” โดย “ยล พัตเยี่ยม” ที่หน้ากีฬา “ไทยนิวส์” กันอีกครั้งหนึ่ง.....เป็นข่าวดีสำหรับวงการกอล์ฟและบางกิจกรรม หลังจาก ศบค. มีมติผ่อนปรนให้พื้นที่เราสามารถดำเนินการได้หลายอย่าง แต่ในที่นี้จะขอกล่าวถึงเฉพาะเรื่อง กีฬากอล์ฟ ซึ่งเป็นหนึ่งในกีฬากลางแจ้งที่ได้รับการผ่อนปรนให้จัดการแข่งขันได้ ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 เป็นต้นไป โดยมีข้อจำกัดบางประการ เช่น ต้องจำกัดจำนวนคนดู ซึ่งกรณีนี้ว่ากันตามตรงรายการแข่งขันที่มีคนดูก็จะมีเฉพาะ การแข่งขันของเยาวชน กับ การแข่งขันระดับอาชีพ เท่านั้น ซึ่งผู้ชมส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ปกครอง เป็นญาติ หรือกองเชียร์ของผู้เล่น การจำกัดจำนวนจึงไม่ใช่เรื่องยาก โดยเฉพาะรายการเยาวชนของ สมาคมกีฬากอล์ฟแห่งประเทศไทยฯ ภาคเหนือบน ไม่อนุญาตให้เข้าชมในสนามเลย ส่วนการแข่งขันของนักกอล์ฟทั่วไปแต่ละสนาม แต่ละชมรม หรือแต่ละกลุ่มที่จัดกันขึ้นมา ไม่เคยเห็นว่ามีคนเข้าไปดู อาจจะมีคนติดตามผู้เล่นบ้างในบางรายการอย่างมากก็ 4-5 คน ดังนั้น ประเด็นนี้ไม่มีปัญหา ควบคุมได้แน่นอน ส่วนการปฏิบัติของผู้แข่งขันและเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการแข่งขันหรือเจ้าหน้าที่สนาม อันนี้ไม่ต้องเพิ่มอะไรเลยเพราะแต่ละสนามได้กำหนดมาตรการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดอยู่แล้ว กิจกรรมใดที่จะมีความเสี่ยงหรือต้องมีการรวมกลุ่มกัน เช่นงานเลี้ยง เขาก็งดแล้วเปลี่ยนมาใช้รายงานผลทางออนไลน์แทน เชื่อว่าขณะนี้หลายสนาม หลายชมรม คงจะเตรียมการวางแผนจัดแข่งขันกันบ้างแล้ว.....ได้รับทราบมาจาก ครูเต๋อ วีระชัย สุขบุญชูเทพ เลขานุการ ชมรมกอล์ฟเยาวชนสิงห์เชียงราย ว่าขณะนี้กำลังดำเนินการจัดตั้งเป็น ชมรมกอล์ฟเยาวชนสิงห์ภาคเหนือ เพื่อจะได้เข้าไปจดทะเบียนเข้าเป็นสมาชิกกับ สมาคมกีฬากอล์ฟแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งจะทำให้ได้สิทธิต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น ทั้งกับชมรมและตัวนักกีฬากอล์ฟ ส่วนการแข่งขันของชมรมครั้งต่อไปซึ่งเป็นสนามที่ 2 ก่อนหน้านี้ยังไม่สามารถวางแผนหรือกำหนดวันได้ เพราะต้องรอดูสถานการณ์การระบาดของ โควิด 19 และแนวทางของทางการเสียก่อน และเมื่อขณะนี้มีการผ่อนปรนแล้ว เชื่อว่าน่าจะสามารถจัดแข่งขันได้ในเร็ว ๆ นี้.....เมื่อการแข่งขันกอล์ฟเริ่มดำเนินการได้ ได้รับแจ้งจาก ลุงมังค์ กฤษดา เทียมดาว ว่าทีมนักกอล์ฟเยาวชนแพร่ เริ่มหันมาซ้อมอย่างเอาจริงเอาจังมากขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมเข้าร่วมแข่งขันแล้ว.....พบกันใหม่ฉบับหน้า สวัสดีครับ.....
ยล พัตเยี่ยม
yodsup@gmail.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น