นายเหริน ยี่เซิง กงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำเชียงใหม่ กล่าวเนื่องในโอกาสนี้ว่า "จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน" เป็นคำกล่าวที่ยังคงยั่งยืนตลอดมา ประกอบกับในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นโยบาย "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" ก็มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศไทยยุค 4.0 และ โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มีการแลกเปลี่ยนความร่วมมือระหว่างประเทศจีนกับไทยภาคเหนือ ทั้งด้านเศรษฐกิจการค้า วัฒนธรรม การศึกษา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมถึงด้านบุคลากรและด้านอื่น ๆ มาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและไทยภาคเหนือมีความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ประชาชนของทั้งสองประเทศก็มีการไปมาหาสู่กันมากขึ้น ส่งผลให้มีผู้ไปยื่นคำร้องขอวีซ่า ณ สถานกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำเชียงใหม่ มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกปี
ดังนั้น เพื่อยกระดับการบริการด้านวีซ่าให้สอดคล้องกับแนวโน้มการพัฒนาด้านการแลกเปลี่ยนบุคลากรระหว่างจีนและไทยภาคเหนือ และเพื่อให้สอดคล้องกับหลักปฏิบัติของสากล ศูนย์บริการวีซ่าจีนประจำเชียงใหม่จึงได้ถือกำเนิดขึ้น โดยศูนย์แห่งนี้เป็นองค์กรธุรกิจที่ลงทะเบียนและดำเนินการภายใต้กฎหมายของประเทศไทย และยังเป็นองค์กรที่ได้รับการอนุมัติจากสถานกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำเชียงใหม่ ในการเสนอเอกสารที่เกี่ยวข้องต่อการยื่นคำร้อง โดยเอกสารทั้งหมดจะถูกตรวจสอบและออกโดยสถานกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชน ประจำเชียงใหม่ เป็นการอำนวยความสะดวกและแสดงความเป็นมืออาชีพให้แก่ผู้ยื่นคำร้อง เป็นการยกระดับด้านส่งเสริมการแลกเปลี่ยนบุคลากรและความร่วมมือระหว่างจีนและไทยภาคเหนือให้ดียิ่งขึ้น
นายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ปัจจุบันการคมนาคมมีความสะดวกสบายมากขึ้น ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นเรื่องใกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวยังประเทศไทย หรือนักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปต่างประเทศล้วนเป็นเรื่องง่าย ในขณะที่สาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับประเทศไทยมายาวนาน ตามคำกล่าวที่ว่า "ไทยจีนไม่ใช่อื่นไกล พี่น้องกัน" โดยเฉพาะภาคเหนือของไทยมีความใกล้ชิดกับสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นอย่างมาก เพราะมีวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน อีกทั้งมีความร่วมมือระหว่างกันในหลายหลายด้าน ทำให้มีการเดินทางไปมาระหว่างกันอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งประเทศไทยเป็นประเทศที่ชาวจีนต้องการเดินทางมาท่องเที่ยวมากที่สุดต่อเนื่องมาเป็นเวลาหลายปี จากสถิติเมื่อปี 2561 มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาประเทศไทยกว่า 10,000,000 คน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังภาคเหนือของไทยกว่า 2,000,000 คน และในปีนี้มีการคาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวชาวจีนจะเดินทางมาภาคเหนือของไทยมากกว่า 2,000,000 คนเช่นเดิม ประกอบกับปัจจุบันมีสายการบินบินตรงจากจังหวัดเชียงใหม่ไปยังเมืองสำคัญของจีนมากกว่า 19 เส้นทาง
"การที่ศูนย์บริการวีซ่าจีนเข้ามาเปิดกิจการในจังหวัดเชียงใหม่นับเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะนอกจากจะช่วยอำนวยความสะดวกเรื่องการทำวีซ่าไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนได้สะดวกขึ้นแล้ว ยังนับเป็นการที่จะช่วยให้ความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยจีนแน่นแฟ้นมากขึ้นอีกด้วย" รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่กล่าว
สำหรับศูนย์บริการวีซ่าจีนประจำเชียงใหม่ จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2562 เป็นต้นไป โดยเปิดให้บริการสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาที่มีความประสงค์จะขอวีซ่าเดินทางไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน ฮ่องกง และมาเก๊า นอกจากนั้น สำหรับผู้ที่ประสงค์จะขอหนังสือรับรองเอกสารจากสถานกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่ จะต้องไปยื่นเอกสารที่ ศูนย์บริการวีซ่าจีนประจำเชียงใหม่ เท่านั้น ทางสถานกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำเชียงใหม่ จะไม่รับคำร้องขอยื่นเอกสาร แต่เอกสารการยื่นขอวีซ่าทั้งหมดจะยังคงต้องได้รับการอนุมัติและออกโดยสถานกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่ รวมถึงอำนาจในการกำหนดให้ผู้ยื่นคำร้องนำเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องมายื่นเพิ่มเติม หรือขอให้เข้ารับการสัมภาษณ์ที่สถานกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐ
ศูนย์บริการวีซ่าจีนประจำเชียงใหม่ (Chinese Visa Application Service Center) ตั้งอยู่ที่ โครงการกรีนพลัส มอลล์ 3 เลขที่ 161/48 หมู่ 4 ต.หนองป่าครั่ง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ หมายเลขโทรศัพท์ 052-080577 เปิดทำการทุกวันจันทร์-วันศุกร์ ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์และวันหยุดชดเชย โดยผู้ใช้บริการสามารถยื่นคำร้องและชำระค่าธรรมเนียมได้ระหว่างเวลา 09.00-15.00 น. คำร้องประเภทด่วน ให้ยื่นภายในเวลา 11.30 น. และสามารถรับเอกสารคืนได้หลังเวลา 15.00 น.ของวันทำการถัดไป ส่วนเวลารับเอกสารทั่วไป ระหว่าง 09.00-16.00 น. หรือเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Website: www.visaforchina.org
*****************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น