ศึกดวลวงสวิงประเภททีมผสมรูปแบบแมทช์เพลย์ระหว่างทีมไทยและทีมญี่ปุ่น “อมตะ เฟรนด์ชิพ คัพ 2018 พรีเซนเต็ด บาย โตโยต้า” ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรก ณ สนามอมตะ สปริง คันทรี คลับ จังหวัดชลบุรี พาร์ 72 ระหว่างวันที่ 21-23 ธันวาคม 2561 นักกอล์ฟชายเล่นที่ระยะ 7,328 หลา นักกอล์ฟหญิงระยะ 6,469 หลา โดยผู้เล่นในทีมประกอบด้วยนักกอล์ฟอาชีพและนักกอล์ฟสมัครเล่นชาย-หญิง ฝั่งละ 12 คน แข่งขัน 3 วัน รวม 28 แมทช์ สองวันแรก (21-22 ธ.ค.) แข่งขันแบบโฟร์ซัมส์ 4 คู่ในช่วงเช้า ส่วนช่วงบ่ายแข่งแบบโฟร์บอล 4 คู่ ขณะที่วันสุดท้าย (23 ธ.ค.) เป็นการแข่งขันแบบซิงเกิ้ลแมทช์ 12 คู่ ซึ่งคู่ที่ชนะจะได้ 1 แต้ม เสมอได้ 0.5 แต้ม แพ้ไม่ได้แต้ม
วันสุดท้ายของการแข่งขันเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2561 ซึ่งเป็นการดวลแบบซิงเกิ้ลแมทช์เพลย์ 12 คู่ ทีมใดได้แต้มถึง 14.5 ก่อนจะเป็นผู้ชนะ โดยทีมไทยทำคะแนนนำทีมญี่ปุ่นในรอบโฟร์ซั่มส์ และโฟร์บอล สองวันแรกที่ 10 ต่อ 6 มารอบสุดท้ายทำผลงาน ดังนี้
คู่ที่ 1 น้องเพชร-สดมภ์ แก้วกาญจนา วัย 20 ปี และมือสมัครเล่นโลกอันดับที่ 12 เล่นในนามทีมชาติไทยเป็นรายการสุดท้าย แพ้ ยูโตะ คัตสุระกาว่า วัย 20 ปีมือสมัครเล่นโลกอันดับ 343 ไป 1 ดาวน์ ญี่ปุ่นได้เพิ่มเป็น 7 คะแนน
คู่ที่ 2 น้องจีน-อาฒยา ฐิติกุลวัย 15 ปีเจ้าของเหรียญทองยูธ โอลิมปิค 2018 เจอกับ ยูริ โยชิดะ แชมป์เจแปน วีเมนส์ อเมเจอร์ 2018 น้องจีนเอาชนะไปได้ 1 อัพ ทำให้ทีมไทยขึ้นไปที่ 11 คะแนน
คู่ที่ 3 โปรแจ๊ซ-อติวิชญ์ เจนวัฒนานนท์ วัย 23 ปีมืออันดับ 126 ของโลกเจ้าของ 2 แชมป์เอเชียนทัวร์ พบกับ โคได อิชิฮาร่า มือทำเงินอันดับ 4 ในเจแปนกอล์ฟทัวร์ แจ๊ซเอาชนะไปได้ 1 อัพ ไทยขยับไปที่ 12 คะแนน
คู่ที่ 4 โปรสายป่าน- ปัณณรัตน์ ธนพลบุญรัศมิ์ วัย 21 ปี หนึ่งในผู้เล่นในแอลพีจีเอทัวร์ 2019 ปะทะ เอริกะ ฮาระ วัย 19 ปี มือทำเงินอันดับ 37 ในเจแอลพีจีเอทัวร์ ปรากฏว่า ปัณณรัตน์พลาดท่าแพ้ไป 1 ดาวน์ ญี่ปุ่นได้เพิ่มอีกเป็น 8 คะแนน
คู่ที่ 5 โลมายักษ์-พรหม มีสวัสดิ์ วัย 34 ปีเจ้าของแชมป์เอเชียนทัวร์ 2 รายการ มืออันดับ 116 ของโลก เจอกับเรียวโกะ โทคิมัตสึ วัย 24 ปี มือทำเงินอันดับ 1 เจแปนกอล์ฟทัวร์ คู่นี้สูสีแบ่งกันไปคนละแต้ม ไทยได้ 12.5 ญี่ปุ่นได้ 8.5 คะแนน
คู่ที่ 6 โปรจูเนียร์-ธิฎาภา สุวัณณะปุระ วัย 25 ปี แชมป์แอลพีจีเอทัวร์ มาราธอน คลาสสิค เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา พบกับ ซากูระ โคอิวาอิ รองแชมป์แอลพีจีเอทัวร์ 11 รายการ ธิฎาภาเอาชนะไปได้ 2 อัพ ไทยนำ13.5 ต่อ 8.5
คู่ที่ 7 โปรช้าง-ธงชัย ใจดี วัย 49 ปี แชมป์อาชีพ 18 รายการ และอดีตมือ 1 ทำเงินเอเชี่ยนทัวร์ 3 สมัย ปะทะ มาซาฮิโร่ คาวามูระ วัย 39 ปีอันดับ 39 ในศึก ดิ โอเพ่น 2018 ญี่ปุ่นชนะไป 3 และ 2 ไล่ขึ้นมาที่ 9.5 ต่อ 13.5
คู่ที่ 8 โปรแหวน-พรอนงค์ เพชรล้ำ วัย 29 ปี รองแชมป์วีเมนส์ บริติช โอเพ่น 2018 และเจ้าของแชมป์ไทยแอลพีจีเอมาสเตอร์ 3 ปีซ้อน (ปี 2013-2015) เจอกับ ฟูมิกะ คาวากิชิ รองแชมป์เจแอลพีจีเอทัวร์ไดกิ้นคลาสสิค มืออันดับ 44 ของโลก คาวาซากิ เอาชนะไปได้ 5 และ 3 ญี่ปุ่นได้คะแนนเพิ่มเป็น 10.5
คู่ที่ 9 โปรหมาย-ประหยัด มากแสง วัย 52 ปี เจ้าของแชมป์ซีเนียร์เจแปนทัวร์ 5 รายการในปี 2018 และคว้าแชมป์จากทั่วโลกมากถึง 37 รายการ พบกับ ฮิเดโตะ ทานิฮาร่า ผู้เล่นเวิลด์คัพ 3 สมัย แชมป์อาชีพนานาชาติ 14 รายการ โดยคู่นี้ตัดสินกันที่หลุมสุดท้ายแบ่งกันไปคนละครึ่งแต้ม ไทย 14 ญี่ปุ่น 11
คู่ที่ 10 โปรโม-โมรียา จุฑานุกาล วัย 24 ปี เจ้าของแชมป์แอลพีจีเอทัวร์ รายการ แอลเอ โอเพ่น เมื่อเดือนเมษายน เจอกับ มามิ ฟูกูดะ เจ้าของแชมป์เจแอลพีจีเอทัวร์ 2 รายการ โปรโมพลาดเบอร์ดี้ ฟูกูดะเอาชนะด้วยพาร์ ที่หลุม18 ทีมญี่ปุ่นได้อีกหนึ่งแต้ม ไทยยังนำอยู่ 14 ต่อ 12
คู่ที่ 12 เล่นจบไปก่อนโดยโปรเม-เอรียา จุฑานุกาล มือ 1 ของโลกวัย 23 ปี และแชมป์เมเจอร์ 2 รายการ พบกับ นาสะ ฮาตาโอกะ แชมป์แอลพีจีเอทัวร์ รายการวอลมาร์ท เอ็นดับเบิ้ลยู นาสะ เอาชนะไปได้ 3 และ 2 ญี่ปุ่นเบียดขึ้นมา 14 ต่อ 13
คู่ที่ 11 ซึ่งจบเป็นกลุ่มสุดท้าย ไทยต้องการเพียงครึ่งแต้ม โปรอาร์ม-กิรเดช อภิบาลรัตน์ วัย 29 ปี โปรไทยคนแรกที่ได้ทัวร์การ์ดพีจีเอทัวร์ลงแข่งในปี 2019 ปะทะ ซาโตชิ โคไดระ เจ้าของแชมป์พีจีเอทัวร์ อาร์บีซี เฮอริเทจ เมื่อต้นปี กิรเดชปลดได้ที่หลุม 17 ถึงหลุม 18 อาร์มพัตต์ระยะ 5 ฟุต เอาชนะไปได้ 1 อัพ ทำให้ทีมไทยคว้าแชมป์ไปอย่างตื่นเต้นที่ 15 ต่อ 13
บุญชู เรืองกิจ และวิรดา นิราพาธพงศ์พร สองกัปตันทีมไทยกล่าวหลังทีมคว้าแชมป์ว่า ดีใจและขอบคุณลูกทีมทุกคนที่ช่วยกันทำให้เราเก็บถ้วยไว้ในบ้านได้ ไม่คิดว่าจะสูสีขนาดนี้ ตอนแรกคาดไว้ว่าเราเหนือกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ทีมญี่ปุ่นพัตต์ดีทุกคน เป็นแมทช์ที่สนุกมาก หวังว่าปีหน้าจะได้เล่นกันอีก
ทางด้าน โจ โอซากิ และ มิโฮ โคกะ สองกัปตันทีมญี่ปุ่นกล่าวว่า ดีใจที่ทีมญี่ปุ่นได้มีโอกาสเล่นรายการนี้ สภาพสนามดีมากๆ การจัดก็โอเค หวังว่าปีหน้าพวกเราจะได้กลับมาเล่นอีก
ขณะที่ โปรอาร์ม กิรเดช อภิบาลรัตน์ ผู้ทำคะแนนช่วยทีมคว้าแชมป์ กล่าวว่า รู้สึกตื่นเต้นตั้งแต่เดินขึ้นกรีนหลุมสุดท้าย พัตต์สุดท้ายทั้งลุ้นและตื่นเต้นมากกว่าตอนพัตต์ให้ตัวเองได้แชมป์เสียอีก วันนี้เราทั้งคู่ไม่ได้โชว์ฟอร์มเก่งของแต่ละคนเลย พอมาเจอสถานการณ์กดดันแบบนี้ ตอนแรกคิดว่าทีมเราจะชนะได้มากกว่านี้ แต่กลับเป็นสูสี เล่นแมทช์เพลย์เกมพลิกตลอดเวลา และทุกคนก็ทำเต็มที่แล้ว ขอบคุณแฟนกอล์ฟที่เข้ามาเชียร์พวกเราด้วยครับ
ทางด้าน โปรแจ๊ซ เจนวัฒนานนท์ ผู้เล่นทีมไทยที่ทำได้มากที่สุด 4 คะแนนในรายการนี้ กล่าวเปิดใจว่า กัปตันทีมบอกพวกเราว่าก๊วนแรกๆ ต้องการคะแนนมากๆ เพื่อจะได้ไม่กดดัน ช่วงแรกๆ อิชิฮาร่า ตีดีมาก แต่หลุม 13 และ 14 ผมก็พลิกขึ้นมานำได้ ดีใจมากที่ทำ 4 แต้มให้ตัวเองและทีมได้ เรามาเล่นในนามทีมชาติก็สู้สุดตัว เวลาเล่นคู่กับใครจะตีดีตีเสียก็ไม่ต้องมาขอโทษกัน หลังจากนี้ฝากเชียร์ทุกคนต่อด้วยนะครับ
ส่วน โปรจูเนียร์ ธิฎาภา สุวัณณะปุระ โปรสาวคนเดียวที่ทำ 1 แต้มได้ในวันนี้ กล่าวว่า วันนี้ลุ้นเหนื่อยและเล่นสนุกมากๆ คู่แข่งก็กดดันเรามาก ไม่ยอมพลาด ให้เราต้องทำแต้มเอง เล่นแมทช์เพลย์ไม่ซับซ้อน ต้องทำเบอร์ดี้ให้ได้ ฆ่าได้ต้องฆ่าเลย โดยรวมสัปดาห์นี้สนุกมาก ดีใจที่มีโอกาสได้เล่นกับโปรธงชัยด้วยค่ะ
สำหรับ น้องจีน อาฒยา ฐิติกุล สวิงทีมชาติที่ทำแต้มแรกให้ทีมไทย เผยว่า วันนี้สตาร์ทได้ดีมาก มั่นใจในการตีเหล็ก ทำเบอร์ดี้ได้มากขึ้น ดีใจที่ทำแต้มแรกให้ทีมไทยได้ สองวันแรกที่เล่นเจอคู่แข่งที่พัตต์ดีมาก เล่นกันสูสี รายการนี้ที่ทำได้หนึ่งแต้มครึ่งก็ไม่พอใจผลงานเท่าไรนัก ฝากตามเชียร์หนูและทุกคนที่จะลงแข่งในปีหน้าต่อด้วยนะคะ
สรุปผลคะแนนวันสุดท้ายทีมไทยทำเพิ่มได้อีก 5 คะแนน ส่วนทีมญี่ปุ่นทำได้ 7 คะแนน ทำให้ทีมไทยเอาชนะไปที่ 15 ต่อ 13 คว้าแชมป์อมตะ เฟรนด์ชิพ คัพ 2018 ครั้งที่ 1 ไปครองได้สำเร็จ โดยทีมผู้ชนะได้รับเงินรางวัล 7 แสนเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 22.4 ล้านบาท ส่วนทีมรองแชมป์จะได้รับเงินรางวัล 5 แสนเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 16 ล้านบาท
*********************
ฝ่ายประชาสัมพันธ์การแข่งขัน-ข่าว/ภาพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น