All online

วันพุธที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ข่าว ; เครือข่ายพุทธรวมตัวแจ้งดำเนินคดีผู้หมิ่นคณะสงฆ์เชียงใหม่

7 องค์กรภาคีเครือข่ายชาวพุทธจังหวัดเชียงใหม่ ยกขบวนเข้าพบผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เพื่อแจ้งความดำเนินคดี “กิตติศักดิ์ แสนทวีสุข” พร้อมหลักฐานออกรายการดีเบตทางไทยทีวีช่อง 3 ดูหมิ่นให้ร้ายคณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 18 ตุลาคม 2560 ที่หน้าสำนักงานตำรวจภูธรภาค 5 ถ.มหิดล อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ตัวแทนของ 7 ภาคีเครือข่ายองค์กรชาวพุทธจังหวัดเชียงใหม่ นำโดยนายสมบูรณ์ กันทะปา ที่ปรึกษาพุทธสมาคมจังหวัดเชียงใหม่ นางพรรณี บุญประเสริฐ นายกพุทธสมาคมจังหวัดเชียงใหม่ นายมานิตย์ ขันธสีมา นายกยุวพุทธิกสมาคมจังหวัด นายเชษฐา หิมอนุกุล ประธานกิตติมศักดิ์กลุ่มหนุ่มสาวจังหวัดเชียงใหม่ ผศ.ดร.อภิรมย์ สีดาคำ ประธานสมาคมศิษย์เก่า มจร.เชียงใหม่ นายวัลลภ นามวงศ์พรหม อุปนายกสมาคมสหธรรม นายพิศัณย์ มณีวรรณ์ สมาพันธ์ชาวพุทธจังหวัดเชียงใหม่ และพระครูอมรธรรมทัต เจ้าอาวาสวัดพันอ้น เลขานุการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้ลงนามในหนังสือเรื่อง แจ้งความดำเนินคดีกับนายกิตติศักดิ์ แสนทวีสุข โดยร้องทุกข์กับผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 แต่ติดการประชุมสหกรณ์ตำรวจภูธรภาค 5 จำกัด จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.ชูรัตน์ ปานเหง้า รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ในฐานะที่ควบคุมพนักงานสอบสวนมารับเรื่อง

สำหรับเนื้อหาในหนังสือแจ้งความระบุว่า สืบเนื่องจากรายการดีเบตโต้เหตุผลค้นความจริง ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ ไทยทีวีช่อง 3 เมื่อวันจันทร์ที่ 9 ตุลาคม 2560 เวลา 16.40-17.00 น. นายภาษิต อภิญญาวาท เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยได้เชิญนายกิตติศักดิ์ แสนทวีสุข อยู่บ้านเลขที่ 144/7 หมู่ที่ 1 ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ ไปออกรายการในช่วงสนทนา นายภาษิต ถามว่า ที่ออกมาแฉเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์อย่างไง นายกิตติศักดิ์ ได้ตอบในรายการว่า “ต้องการทำให้วงการพระสงฆ์ของจังหวัดเชียงใหม่ใสสะอาด สามารถกราบไหว้ด้วยความสนิทใจ” นอกจากนั้น นายกิตติศักดิ์ ยังได้ย้ำอีกว่า “โดยเฉพาะวงการสงฆ์เชียงใหม่เลอะเทอะเปรอะเปื้อนมาตั้งนานแล้วนะครับ” ดังนั้น จากเหตุการณ์ดังกล่าว จึงปรากฏอย่างชัดเจนว่า การที่นายกิตติศักดิ์ได้กล่าวอ้างว่า วงการสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่เลอะเทอะเปรอะเปื้อน เป็นการส่อเจตนาดูหมิ่นให้ผู้ชมรายการได้เข้าใจว่าพระภิกษุสามเณรทั้งจังหวัดเชียงใหม่ ไม่มีศีลไม่มีธรรม ละเมิดพระธรรมวินัยกันทั้งจังหวัด  อีกทั้งการพูดเช่นนี้ถือว่า เป็นการดูหมิ่นและเหยียดหยามคณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่ อย่างชนิดที่ยอมรับไม่ได้ เพราะจะทำให้ประชาชนทั่วทั้งประเทศที่รับชมรายการนี้ โดยเฉพาะเยาวชนที่เป็นอนาคตสำคัญของประเทศชาติ อาจเกิดความเข้าใจผิดคิดว่าพระภิกษุสามเณรทั้งจังหวัดเชียงใหม่ ประพฤติเสื่อมเสีย ละเมิดพระธรรมวินัยกันทั้งจังหวัด ก่อให้เกิดความเกลียดชังต่อพระภิกษุสามเณรในจังหวัดชียงใหม่ และอาจส่งผลถึงศรัทธาของประชาชนโดยทั่วไปต่อพระพุทธศาสนา ดังนั้น จึงถือได้ว่า นายกิตติศักดิ์ แสนทวีสุข เป็นภัยต่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนา และประเทศชาติอย่างยิ่ง

ดังนั้น ภาคีเครือข่ายองค์กรชาวพุทธจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งประกอบด้วย 1.ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ 2.พุทธสมาคมจังหวัดเชียงใหม่ 3.ยุวพุทธิกสมาคมจังหวัดเชียงใหม่ 4.กลุ่มหนุ่มสาวจังหวัดเชียงใหม่ 5.สมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่ 6.สมาคมสหธรรมจังหวัดเชียงใหม่ และ 7.สมาพันธ์ชาวพุทธจังหวัดเชียงใหม่ จึงได้มีการประชุมหารือถึงประเด็นปัญหาเร่งด่วนดังกล่าวแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ให้มีการเร่งดำเนินการปกป้องพระพุทธศาสนา เกียรติและศักดิ์ศรีของคณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อมีผู้ใดมากล่าวอ้าง ดูหมิ่น หรือใส่ร้ายป้ายสีโดยไม่มีมูลความจริง จึงเรียนมายัง ผบช.ภ.5 เพื่อเป็นหลักฐานในการดำเนินการตามกฎหมายต่อนายกิตติศักดิ์ แสนทวีสุข ทั้งคดีอาญาและคดีแพ่งต่อไป ทั้งนี้ได้แนบบทสนทนารายการ ดีเบตโตเหตุผลค้นความจริง ทางไทยทีวีสีช่อง 3 และอุปกรณ์แฟลซไดฟ์บันทึกรายการดังกล่าวมาด้วย

นางพรรณี บุญประเสริฐ นายกพุทธสมาคมจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวภายหลังยื่นหนังสือต่อ พล.ต.ต.ชูรัตน์ ปานเหง้า ถึงเหตุผลของการมาร้องทุกข์ที่ตำรวจภูธรภาค 5 ว่า เพราะเป็นศูนย์รวมของตำรวจ ทั้งๆที่ความเสียหายนี้รับรู้ไปทั่วสามารถแจ้งความได้ทั่วประเทศ ขณะที่นายชัยกร ปรีชาหาญ ทนายความกล่าวว่า ที่มาร้องทุกข์กล่าวโทษขอดำเนินคดีกับนายกิตติศักดิ์ เพราะกล่าวให้ร้ายป้ายสีคณะสงฆ์ทั้งจังหวัด และไม่เกี่ยวกับกรณีของพระราชรัชมุนี เจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่ ที่นายกิตติศักดิ์กล่าวโทษว่าท่านฐานสวมบัตรประชาชนปลอม ในขณะที่ พล.ต.ต.ชูรัตน์ ปานเหง้า กล่าวว่า เพื่อให้ความเป็นธรรม จะตั้งพนักงานสอบสวน 5 นายรับเรื่องสอบปากคำตัวแทนผู้ร้อง 5 ราย ว่าได้รับความเสียหายประการใด และเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ หากไม่เข้าข่ายก็จะคืนเรื่องให้ผู้ร้อง หากจะนำไปฟ้องร้องต่อศาลเองก็สุดแล้วแต่ จากนั้นได้เชิญนางพรรณี บุญประเสริฐ นายกพุทธสมาคมจังหวัดเชียงใหม่กับผู้ร้องเข้าไปสอบปากคำต่อไป

****************
บุญญฤทธิ์ ตุลาพันธ์พงศ์ - ข่าว/ภาพ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น