ตามที่ปรากฏข่าวทางสื่อมวลชนและสื่อสังคมออนไลน์ว่า มีผู้ร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา กรณีการสรรหาอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้มีมติด้วยเสียงข้างมากให้เสนอชื่อ ศาสตราจารย์คลินิก นพ.นิเวศน์ นันทจิต อธิการบดีปัจจุบันที่จะครบวาระในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2559 เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่สืบต่อไปอีกวาระหนึ่ง ตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2559 เป็นต้นไป อาจจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งในเรื่องคุณสมบัติของผู้สมควรดำรงตำแหน่งอธิการบดี การเข้าร่วมประชุมสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2559 ของรองศาสตราจารย์ นพ.สมศักดิ์ เชาว์วิศิษฐ์เสรี รักษาการในตำแหน่งนายกสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในฐานะกรรมการสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รวมทั้งการลงมติของกรรมการสภามหาวิทยาลัยในการคัดเลือกผู้สมควรดำรงตำแหน่งอธิการบดี เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2559 นั้น
มหาวิทยาลัยจึงขอชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นทั้งสามดังกล่าวข้างต้น เพื่อให้บรรดาคณาจารย์ บุคลากร นักศึกษา นักศึกษาเก่า ผู้มีอุปการคุณต่อมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสาธารณชนทั่วไปได้ทราบข้อมูลที่ถูกต้อง ดังต่อไปนี้
ประเด็นแรก กรณีคุณสมบัติของผู้สมควรดำรงตำแหน่งอธิการบดี ตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ว่าด้วยการสรรหาอธิการบดี พ.ศ. 2554 ข้อ 5 กำหนดว่า อธิการบดีต้องมีคุณสมบัติตามมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พ.ศ. 2551 และมีคุณสมบัติทั่วไปตามข้อ 15.1 รวมทั้งไม่มีลักษณะต้องห้ามตามข้อ 17 แห่งข้อบังคับ ว่าด้วยชื่อตำแหน่ง คุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง และอำนาจและหน้าที่ของรองอธิการบดี ผู้ช่วยอธิการบดี หัวหน้าส่วนงาน รองหัวหน้าส่วนงาน และตำแหน่งบริหารอื่น ในส่วนงานวิชาการและส่วนงานอื่น พ.ศ. 2554 โดยอนุโลม ซึ่งข้อ 17 (2) แห่งข้อบังคับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ว่าด้วยชื่อตำแหน่ง คุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งฯ พ.ศ. 2554 กำหนดลักษณะต้องห้ามของผู้สมควรดำรงตำแหน่งอธิการบดี กล่าวคือ เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองท้องถิ่น
ศาสตราจารย์คลินิก นพ.นิเวศน์ นันทจิต อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2557 ซึ่งตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามสำหรับผู้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แต่โดยที่บทบัญญัติมาตรา 41 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 บัญญัติว่า “ในกรณีที่มีบทบัญญัติของกฎหมายใดกำหนดคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งทางการเมือง มิให้นำบทบัญญัติแห่งกฎหมายนั้นมาใช้บังคับแก่ผู้ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ข้าราชการการเมืองตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการการเมือง และข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมืองตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการรัฐสภา” ซึ่งถ้าไม่มีบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญดังกล่าว ศาสตราจารย์คลินิก นพ.นิเวศน์ นันทจิต จะต้องพ้นจากตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2557 แต่เนื่องจากมาตรา 41 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีศักดิ์สูงสุดของประเทศ บัญญัติมิให้นำลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งทางการเมืองมาใช้บังคับ ดังนั้น ลักษณะต้องห้าม “เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” ตามที่กำหนดในข้อบังคับของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งมีศักดิ์ทางกฎหมายเป็นอนุบัญญัติที่ออกตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พ.ศ. 2551 จึงไม่อาจนำมาใช้บังคับได้ ทำให้ศาสตราจารย์คลินิก นพ.นิเวศน์ นันทจิต สามารถดำรงตำแหน่งอธิการบดีจนใกล้จะครบวาระ 4 ปี ดังที่กล่าวข้างต้น
มีปัญหาที่มีผู้สงสัยว่ากรณีศาสตราจารย์คลินิก นพ.นิเวศน์ นันทจิต ที่จะครบวาระการดำรงอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ข้อบังคับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้กำหนดคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งทางการเมืองไว้ แต่ยังคงดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และได้สมัครเข้ารับการสรรหาเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รวมทั้งได้รับการเสนอชื่อว่าสมควรดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กรณีนี้จะได้รับการยกเว้นตามมาตรา 41 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 มิให้นำลักษณะต้องห้ามตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ว่าด้วยชื่อตำแหน่ง คุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งฯ พ.ศ. 2554 มาใช้บังคับด้วยหรือไม่ ซึ่งกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และกองกฎหมายของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ให้ความเห็นสอดคล้องกันว่า ต้องนำมาตรา 41 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 มายกเว้นลักษณะต้องห้ามเช่นเดียวกัน และที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในคราวประชุมเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2559 ได้พิจารณาเห็นว่าเป็นกรณีที่ต้องได้รับการยกเว้นตามความในมาตรา 41 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 โดยมิให้นำลักษณะต้องห้ามตามข้อบังคับฯ ว่าด้วยชื่อตำแหน่ง คุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งฯ พ.ศ. 2554 ข้อ 17(2) “เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” มาใช้บังคับ จึงถือว่าศาสตราจารย์คลินิก นพ.นิเวศน์ นันทจิต ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามข้อ 17 (2) แห่งข้อบังคับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ว่าด้วยชื่อตำแหน่ง คุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง และอำนาจหน้าที่ของรองอธิการบดี ผู้ช่วยอธิการบดี หัวหน้าส่วนงาน รองหัวหน้าส่วนงาน และตำแหน่งบริหารอื่น ในส่วนงานวิชาการและส่วนงานอื่น พ.ศ. 2554
ประเด็นที่ 2 การเข้าร่วมประชุมสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ของ รองศาสตราจารย์ นพ.สมศักดิ์ เชาว์วิศิษฐ์เสรี รักษาการในตำแหน่งนายกสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในฐานะกรรมการสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2559 ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ขอชี้แจงตามลำดับเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ดังนี้
รองศาสตราจารย์ นพ.สมศักดิ์ เชาว์วิศิษฐ์เสรี นายกสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่คนเดิม ได้ครบวาระการดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฯ เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2559 และรักษาการในตำแหน่งนายกสมาคมฯ ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน 2559 เป็นต้นมา
นายทะเบียนจังหวัดเชียงใหม่ได้ประกาศจดทะเบียนแต่งตั้งคณะกรรมการสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ขึ้นใหม่ทั้งชุดเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2559 โดยสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้รับแจ้งประกาศจดทะเบียนแต่งตั้งคณะกรรมการสมาคมฯ จากอำเภอเมืองเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2559 เวลา 15.00 น. ตามหนังสือ ที่ ชม 0118/5227 ลงวันที่ 22 กรกฎาคม 2559
สมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้มีหนังสือ ที่ สก.มช. 025/2559 ลงวันที่ 26 กรกฎาคม 2559 ส่งถึงสำนักงานสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แจ้งว่าจังหวัดเชียงใหม่ได้พิจารณาอนุญาตให้จดทะเบียนการแต่งตั้งคณะกรรมการสมาคมฯ เรียบร้อยแล้ว จึงขอแจ้งการเปลี่ยนชื่อนายกสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็น นายซวง ชัยสุโรจน์ เพื่อเข้าร่วมประชุมสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในครั้งต่อไป ดังนั้น ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน จนถึงวันที่ 25 กรกฏาคม 2559 รองศาสตราจารย์ นพ.สมศักดิ์ เชาว์วิศิษฐ์เสรี จึงเป็นผู้รักษาการในตำแหน่งนายกสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ประเด็นที่ 3 การลงมติของที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2559 ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ การลงมติของที่ประชุมสภามหาวิทยาลัย ตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ว่าด้วยการประชุมและวิธีดำเนินงานของสภามหาวิทยาลัย พ.ศ. 2551 กำหนดว่าการลงมติของสภามหาวิทยาลัยสามารถดำเนินการได้ทั้งวิธีเปิดเผยและวิธีลับ สำหรับการพิจารณาเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2559 นายกสภามหาวิทยาลัย ประธานที่ประชุมเสนอว่า การพิจารณาชื่อผู้สมควรดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในคราวที่ผ่านมา จะให้ที่ประชุมพิจารณาและลงมติโดยวิธีลับ โดยการทำเครื่องหมายลงในบัตรลงมติที่ฝ่ายเลขานุการได้จัดเตรียมไว้ จึงเสนอที่ประชุมพิจารณาให้มีการลงมติโดยวิธีลับดังกล่าวเช่นเดียวกับคราวที่ผ่านมา ซึ่งที่ประชุมพิจารณาแล้วมีมติให้พิจารณาชื่อผู้สมควรดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยวิธีลับตามที่ประธานเสนอ การลงมติจึงเป็นไปตามข้อบังคับฯ ซึ่งเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย ส่วนกรณีที่มีผู้กล่าวว่า มีเหตุอันควรสงสัยว่าเจ้าหน้าที่บางคนเปลี่ยนบัตรลงคะแนน หรือมีการเปิดดูบัตร เป็นการกล่าวหาเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานโดยสุจริต โดยไร้จรรยาบรรณ ซึ่งกรรมการสภามหาวิทยาลัยที่ร่วมประชุมอยู่สามารถเป็นพยานได้ว่าไม่มีการกระทำดังกล่าวแต่อย่างใด ทั้งนี้ การนับคะแนนและการรวมคะแนน ประธานที่ประชุมได้มอบหมายให้กรรมการสภามหาวิทยาลัยจำนวนสามท่านเป็นผู้ดำเนินการ เพื่อความโปร่งใสและป้องกันข้อครหา
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงขอแถลงการณ์ในประเด็นที่มีข้อสงสัยดังกล่าวข้างต้น เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงโดยทั่วกัน
******************
ปชส.มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ - ข่าว/ภาพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น