ประเทศไทยทุกวันนี้มีจำนวนผู้ใช้รถใช้ถนนหนาแน่นมากขึ้น
เห็นได้จากยวดยานพาหนะและผู้คนที่ขวักไขว่สัญจรตามถนนหนทางแต่ละสายแทบตลอดทั้งวันทั้งคืน สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ “อุบัติเหตุ” ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งและทำให้เกิดการสูญเสียชีวิตหรือทรัพย์สินจำนวนมาก
โดยสาเหตุเกิดจากทั้งความประมาทของตัวบุคคล จากสภาพพื้นผิวการจราจร
หรือแม้แต่สัญลักษณ์ทางจราจรที่ไม่ชัดเจน
สาธารณรัฐประชาชนจีนและประเทศอินเดีย ก็เป็นประเทศที่มีสภาพการจราจรค่อนข้างวุ่นวายคล้ายประเทศไทย
เนื่องด้วยมีจำนวนประชากรหนาแน่น ทั้งสองหาแนวทางลดอุบัติเหตุบนท้องถนนโดยการสร้าง“ทางม้าลาย
2 มิติ” ขึ้นมาใช้ แต่ก็ยังไม่เคยได้มีการประเมินผลดีหรือผลเสียของมันเลย
กระทรวงคมนาคม ประเทศไทย ได้เล็งเห็นประโยชน์ต่อสวัสดิภาพของผู้ใช้รถใช้ถนน
และรับทราบข้อมูลเบื้องต้นว่า ปัจจุบันเกิดอุบัติเหตุบริเวณทางข้ามม้าลายบ่อยครั้ง
จึงมีแรงผลักดันให้ทดลองพัฒนาเป็นทางข้ามม้าลาย 3 มิติ นำมาทดลองติดตั้ง โดยทำเป็นรูปแบบโครงการวิจัยในระยะเวลา
4 เดือน เพื่อศึกษาทางข้ามที่ปลอดภัยต่อผู้ใช้ถนน (Road Users) ดำเนินการโดยกรมทางหลวงชนบท
พร้อมขอความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และมหาวิทยาลัยบูรพา รวม 4 แห่ง ในการสนับสนุนบุคลากรด้านวิศวกรรมจราจรและขนส่งร่วมเป็นคณะศึกษาวิจัย
อาจารย์ ดร.ปรีดา
พิชยาพันธ์ จากภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งได้รับมอบหมายและรับอาสาให้ความร่วมมือสานต่อการวิจัยครั้งนี้กล่าวว่า
การดำเนินการจะอยู่ภายใต้โครงการ “ทางข้ามม้าลาย
3 มิติ (3D-Pedestrian Crossing)
ที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย” ซึ่งทดลองติดตั้งระบบทางม้าลาย
3 มิติ ในพื้นที่มหาวิทยาลัยควบคู่การศึกษาผลกระทบทางด้านวิศวกรรมจราจรและความปลอดภัย
ทั้งก่อนและหลังการติดตั้ง โดยมีขอบข่ายการวิจัยว่าด้วยข้อมูลปริมาณจราจร
ผู้ใช้ทางข้าม ข้อมูลอุบัติเหตุและลักษณะการเกิด รวมถึงข้อมูลด้านกายภาพ
สภาพแวดล้อมบริเวณ 2 ข้างของทางข้าม ทั้งแนวดิ่ง และแนวราบ
ตลอดจนความเร็วในการเดินทางของผู้ใช้รถใช้ถนน และปัจจัยด้านอื่น ๆ แล้วนำมาประเมินผลเพื่อประกอบการพิจารณาขยายผลการติดตั้งต่อไปภายหน้า
ทั้งนี้ ในพื้นที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ได้ติดตั้ง 3D-Pedestrian Crossing ไปเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2559 ที่บริเวณด้านหน้าโรงอาหารคณะศึกษาศาสตร์เป็นแห่งแรก
ซึ่งสิ่งที่ทางมหาวิทยาลัยที่ร่วมวิจัยจะต้องรับผิดชอบคือ ออกแบบ
ศึกษาผลกระทบก่อน-หลังติดตั้งทางข้าม โดยกรมทางหลวงชนบทเป็นผู้ลงแรงสร้างทางข้าม 3
มิติ พร้อมอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัยตามผลที่การศึกษาค้นพบ ส่วนการออกแบบทางข้ามทดลองของ
มช. ได้รับความร่วมมือจากคณะวิจิตรศิลป์ นำทีมโดย รองศาสตราจารย์ อัศวิณีย์
หวานจริง มอบหมายให้อาจารย์ที่มีฝีมือเรื่ององค์ประกอบและมุมมองในแง่ศิลปะ มาร่วมลงมือออกแบบจากการศึกษาต้นแบบของต่างชาติที่ใช้งานจริง
ใช้สีที่ถูกต้องตามกฎหมาย คือ ขาว เทา ดำ วาดให้เป็นภาพลอยขึ้น มีการปรับแต่งในสถานที่จริงให้ต่างจากแบบร่างในกระดาษบ้างเพื่อความสวยงาม
สมจริง ได้องศาตามแบบฉบับ 3D ทำให้น่าสนใจ และเห็นได้เด่นชัด นอกจากนี้ ก่อนจะถึงทางข้าม
3 มิติ ก็ยังมีมีเส้นซิกแซกเป็นสัญลักษณ์ให้ผู้ขับขี่รับรู้และตัดสินใจชะลอความเร็วลง
สำหรับการเก็บข้อมูลในระยะก่อนและหลังทดลองติดตั้งใช้งานทางข้ามม้าลาย
3 มิตินั้น เป็นหน้าที่ของนักศึกษาปริญญาโท ภาควิชาวิศวกรรมโยธา
ภายใต้การดูแลของ อ.ดร.ปรีดา เพื่อให้ตอบโจทย์อันเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดของการวิจัย
นั่นคือ “ความปลอดภัย” โดยวิเคราะห์การมองเห็น (Analyzing
visibility) ใช้ทฤษฎี Sight Distance and Stopping Sight
Distance ตามมาตรฐาน AASHTO (American
Association of State Highway and Transportation Officials) and
MUTCD (Manual on Uniform Traffic Control Devices ) มาตรฐานป้ายจราจรประเทศสหรัฐอเมริกา
ซึ่งมีการนำไปใช้ในหลายประเทศ เช่น ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ อีกทั้งยังเป็นที่ยอมรับและเข้าใจในสากล วิเคราะห์อุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
มุมมอง สภาพแวดล้อม มีการตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อสังเกตพฤติกรรมของผู้ขับขี่
จับความเร็วรถว่ามีความรวดเร็วเพียงใด และมีการชะลอลงเท่าไร
ตลอดจนสำรวจความพึงพอใจของผู้ใช้งาน
ทั้งนี้ หากท่านใดได้ไปทดลองใช้ทางข้ามนี้แล้ว
หรือต้องการร่วมให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์แก่การวิจัย
สามารถให้ข้อมูลผ่านแบบสำรวจได้ที่ http://goo.gl/forms/mtEpp8F2BENrmR3W2 ผลการสำรวจจะเป็นประโยชน์แก่การพัฒนาทางข้ามที่ดีและเหมาะสม
ทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเดินทางอย่างปลอดภัยมากที่สุด หากการค้นคว้าในสนามจริงนี้ประสบความสำเร็จ
อาจมีความเป็นไปได้ว่า ทางข้ามม้าลาย 3 มิติ (3D-Pedestrian Crossing)ของไทย
จะกลายเป็นนวัตกรรมด้านความปลอดภัยของประเทศ และถือเป็นมาตรฐานทางม้าลายในอนาคตได้
********************
ปชส.มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
– เรื่อง/ภาพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น