ด่วน เขื่อนแม่กวงอั้นไม่ไหวแล้ว ปริมาณน้ำไหลเข้าวัน 2-4 ล้าน ลบ.ม. อีกแค่ 13 ล้านคิวจะล้นสปิลเวย์สันเขื่อนไหวท่วมพื้นที่ท้ายเขื่อน ผอ.จัดสรรน้ำฯ ขีดเส้นอีก 8 วันหากฝนยังตกต่อเนื่อง รับมือไม่ไหวต้องปล่อยทิ้ง ขณะที่ศูนย์อุตุเหนือออกคำเตือน ฝนกระจายทั่วเหนือ เตือนระวังบางพื้นที่ตกหนัก
เมื่อสายวันที่ 12 กันยายน 2554 นายวัธนา กีรกจินดา ผอ.บริหารจัดสรรน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคมเป็นต้นมามีฝนตกต่อเนื่อง และน้ำไหลเข้าเขื่อนจนถึงขณะนี้กว่า 150 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งเหลืออีก 13 ล้าน ลบ.ม.เท่านั้นน้ำก็จะเต็มเขื่อน และล้นสันเขื่อนหรือสปิลเวย์ลงไปท้ายเขื่อน จะมีผลกระทบต่อประชาชน และไร่นาเรือกสวนเกษตรกร ซึ่งการบริหารจัดการน้ำได้เร่งพร่องน้ำลงไปเพื่อหวังจะให้เหลือเก็บกัก 70% แต่ก็ทำไม่ได้เต็มที่ เนื่องจากฝนนอกเขื่อน และน้ำท้ายเขื่อนมีปริมาณมาก เกรงส่งผลกระทบรุนแรง จึงหาช่องทางระบายลงวันละ 2 ล้าน ลบ.ม. แต่ปรากฏว่ามีน้ำไหลเข้าเขื่อนตลอดเวลาวันละ 2.5 ล้าน ลบ.ม. บางวันมากถึง 4 ล้าน ลบ.ม.
“ขณะนี้จึงถือว่าใกล้วิกฤต ต้องรีบพร่องน้ำลงไปให้มากที่สุด และไม่ให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายเขื่อน วันใดถ้าฝนตกมากก็ต้องหยุด และพร่องน้ำลงผ่านคลองชลประทานซ้าย-ขวาแทนลงลำน้ำแม่กวง เรื่องนี้เราพยายามหาช่องว่างอยู่ แต่ฝนก็มีทุกวัน” นายวัธนา กีรกจินดา กล่าวว่า น้ำทุกหยดถ้าปล่อยลงไปมีผลกระทบ เราต้องหยุดปล่อย จะต้องป้องกันไม่ให้เต็มเขื่อนก่อนแล้วล้นสปิลเวย์ลงไป จะเกิดผลเสียหายมากกว่า ทั้งนี้หากคำนวณปริมาณน้ำที่ไหลเข้าแต่ละวัน กับปริมาณน้ำที่เก็บกักได้อีกราว 13 ล้าน ลบ.ม. จึงมีเวลาอีก 8 วันถึงวันที่ 20 กันยายนนี้เท่านั้น ถ้าไม่สามารถพร่องน้ำลงท้ายเขื่อนได้ น้ำก็จะล้นสปิลเวย์แน่นอน เพราะขณะนี้ระดับความสูงสันเขื่อนเหลืออีก 1.20 เมตรเท่านั้นน้ำจะไหลลงเอง
ทางด้าน นายจรูญ เลาหเลิศชัย ผอ.อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ ได้ออกประกาศศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ ฉบับที่ 1 (21/2554) เวลา 07.00 น.วันจันทร์ที่ผ่านมาเรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากว่า ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณจังหวัดตาก กำแพงเพชร พิจิตร และเพชรบูรณ์ จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหล ผ่านระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย ตลอดจนสอบถามและติดตามสภาพอากาศได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 053-277919 และ 053-922365 กับ www.cmmet.tmd.go.th ได้ตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับวันที่ 12-13 กันยายน ภาคเหนือตอนบน ฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งอุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
ข่าวโดย บุญญฤทธิ์ ตุลาพันธ์พงศ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น