เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2561 เวลา 18.30 น. สถานกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำเชียงใหม่ จัดงานเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 69 ปีแห่งการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติ โรงแรมดิเอ็มเพรส เชียงใหม่ โดยมีนายนายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยบุคคลสำคัญระดับสูงทั้งของไทยและต่างชาติในพื้นที่ภาคเหนือเข้าร่วมงานจำนวนมาก
นายเหริน ยี่เซิง กงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่กล่าวปราศรัยภายในงานตอนหนึ่งว่า ในระยะเวลา 69 ปีหลังการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน ได้ทำให้จีนซึ่งนับเป็นประเทศที่ยากจนได้กลายมาเป็นประเทศเอกราชและแข็งแกร่งขึ้น จนประสบความสำเร็จในการก้าวกระโดดในประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะหลังนโยบายการปฏิรูปและการเปิดประเทศ 40 ปีที่ผ่านมา คนจีนได้อาศัยภูมิปัญญาและหยาดเหงื่อของพวกเขา จากเคยยากจนและถอยหลังกลับทำให้จีนกลายมาเป็นประเทศที่มีระดับเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลกในปัจจุบัน จีดีพี ทั้งหมดของจีน จาก 18.9 พันล้านดอลลาร์ ในปี 1949 กลายมาเป็นเป็น 12 ล้านล้านดอลลาร์ และจีดีพีต่อหัวจากน้อยกว่า 100 ดอลลาร์ ในปี 1949 กลายมาเป็น 8,836 ดอลลาร์ โดยครึ่งแรกของปีนี้ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนอยู่ที่ 6.8% และคาดว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระดับกลางและสูงตลอดทั้งปี การบรรลุเป้าหมายสองร้อยปีของคนจีนกำลังดำเนินอย่างมั่นคงและรวดเร็ว ประเทศจีนใกล้บรรลุความฝันซึ่งเป็นความเจริญรุ่งเรือของประเทศชาติและความอยู่เย็นเป็นสุขของประชาชน
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนจะยังคงเปิดประเทศออกไปอย่างต่อเนื่อง และจะขยายการแลกเปลี่ยนที่เป็นมิตรและมีผลประโยชน์ร่วมกันกับประเทศอื่น ๆ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เคยกล่าวในการประชุมประจำปีของงานประชุมเอเชียโป๋อ่าว ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเดือนเมษายนปีนี้ว่า ประตูสู่การเปิดประเทศจีนจะไม่ถูกปิด แต่จะยิ่งเปิดและจะยิ่งเติบโตมากขึ้น ตั้งแต่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิงได้เสนอแนวคิดริเริ่ม "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" ในปี ค.ศ. 2013 โครงการนี้ก็ได้ดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมและมั่นคง เมื่อเดือนมกราคมปีนี้ การประชุมสุดยอดผู้นำกรอบความร่วมมือแม่น้ำล้านช้าง แม่น้ำโขง ครั้งที่ ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ที่ประชุมมีมติที่จะมุ่งเน้นทรัพยากรน้ำ, การผลิตพลังงาน, การเกษตร, ทรัพยากรมนุษย์,การดูแลสุขภาพ และความร่วมมือในด้านอื่น ๆ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือแม่น้ำล้านช้าง แม่น้ำโขง ให้มีความเจริญเติบโตในระยะยาวต่อไป
กงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่ กล่าวว่า ความสัมพันธ์ จีน – ไทย มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน มิตรภาพนี้ได้ซึมลึกลงไปในหัวใจของประชาชนทั้งสองประเทศ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาความร่วมมือด้านภูมิภาคจีน – ไทย มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วและรอบด้าน ผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่ายมีการหลอมรวมกันมากขึ้น การค้าระหว่างทั้งสองฝ่ายมีการเติบโตอย่างมั่นคง โดยปีนี้เป็นปีครบรอบ 43 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนกับไทย และถือว่าเป็นปี "ยุคทอง" สำหรับการพัฒนาความสัมพันธ์จีน – ไทย อีกด้วย
"ปัจจุบัน เฟสแรกของโครงการความร่วมมือทางรถไฟระหว่าง จีน – ไทย เริ่มดำเนินไปอย่างราบรื่นและมีความก้าวหน้าเป็นอย่างดี โดยจีนเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทยมาเป็นเวลา 5 ปีติดต่อกัน และประเทศไทยเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 3 ของจีนในอาเซียน เมื่อปี 2017 ปริมาณการค้าทวิภาคีระหว่างจีนกับไทยมากกว่า 80 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ และในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ปริมาณการค้าทวิภาคีมีของทั้งสองประเทศมีมูลค่าถึง 43 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ" นายเหริน ยี่เซิง กล่าว
นายเหริน ยี่เซิง กล่าวด้วยว่า การแลกเปลี่ยนมนุษยศาสตร์และวิทยาศาสตรระหว่างทั้งสองฝ่ายก็กำลังใกล้ชิดกันมากขึ้น จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยมากเป็อันดับหนึ่งติดต่อกันหลายปี โดยปีที่ผ่านมาประเทศไทยมีชาวจีนมาท่องเที่ยวประมาณ 10 ล้านคน และมาท่องเที่ยวที่ภาคเหนือมากถึง 2 ล้านคน ช่วงครึ่งแรกของปีนี้มีถึงเกือบ 6 ล้านคน อีกทั้งขณะนี้มีนักศึกษาชาวจีนมาเรียนที่ประเทศไทยถึง 37,000 คน และมีนักศึกษาชาวไทยมากกว่า 27,000 คนศึกษาอยู่ที่ประเทศจีน ทั้งนี้ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทางกงสุลใหญ่จีน ร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จัดงานสัมมนานานาชาติ "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" สมัยที่ 2 ในหัวข้อ "ความร่วมมือแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง New Era and New Start " ซึ่งนับว่าประสบความสำเร็จอย่างรอบด้าน
"ในฐานะที่เป็นประเทศเพื่อนบ้านและหุ้นส่วนที่ดี ฝ่ายจีนยินดีที่จะร่วมมือกับฝ่ายไทยเพื่อผลักดันความร่วมมือระหว่างสองประเทศในมิติต่างๆ เพื่อก้าวเข้าสู่ระดับใหม่ แบ่งปันโอกาสในการพัฒนาและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ พร้อมร่วมกันสร้างระบบเศรษฐกิจแบบเปิดและประชาคมร่วมชะตาของมนุษยชาติต่อไป" กงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่ กล่าวในตอนท้าย
ขณะที่นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่กล่าวว่า 69 ปีที่ผ่านมา การพัฒนาเศษฐกิจและสังคมของสาธารณรัฐประชาชนจีนประสบผลสำเร็จอย่างเห็นได้ชัด ประเทศจีนเติบโตอย่างรวดเร็วในทุกมิติ นโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลจีน เช่น นโยบายหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง นับว่าเป็นนโยบายที่สำคัญต่อการขับเคลื่อนและเชื่อมโยงการพัฒนาในภูมิภาคและความเชื่อมโยงระหว่างประเทศ จึงเชื่อมั่นว่าประเทศจีนจะพัฒนาก้าวหน้าอย่างมั่นคง และมีบทบาทเพิ่มขึ้นบนเวทีโลก รวมทั้งคงความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือที่สำคัญของประเทศต่าง ๆ ในขณะที่ประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันอย่างมาก คำกล่าวที่ว่า “จีนไทย มิใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” ได้ตราตรึงอยู่ในใจของประชาชนทั้งสองประเทศ ซึ่งเป็นรากฐานที่มั่นคงต่อการส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างสองประเทศในทุก ๆ ด้าน จึงเชื่อได้ว่า ความสัมพันธ์และความร่วมมือในฐานะหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างไทย-จีน จะแน่นแฟ้น ก่อเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างอเนกอนันต์
"นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 ที่จีนได้ตั้งสถานกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่ขึ้น ก็ได้มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า วัฒนธรรม และการศึกษา ระหว่างภาคเหนือของประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมยังได้อำนวยความสะดวกและให้บริการประชาชนทั้งชาวไทยและชาวจีนที่เดินทางไปมาหาสู่กัน ภายใต้การดำเนินงานอย่างแข็งขันของกงสุลใหญ่และเจ้าหน้าที่ทุกคน" ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่กล่าว และว่า จังหวัดเชียงใหม่มีความยินดีที่จะสนับสนุนการดำเนินงานของสถานกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่ และพร้อมที่จะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทยกับจีนอย่างเต็มความสามารถ พร้อมทั้งยังมีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจังหวัดเชียงใหม่กับสถานกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะส่งเสริมความร่วมมือและความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศในภาพรวมให้เจริญรุดหน้ายิ่งขึ้นไป
******************