ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพอาจารย์ใหญ่ ประจำปีการศึกษา 2558 เพื่อรำลึกถึงครูผู้ไร้ลมหายใจ ผู้อุทิศร่างเป็นตำราให้เป็นวิทยาทาน แก่การศึกษาเล่าเรียนของนักศึกษา จำนวน 826 ร่าง และเป็นการบำเพ็ญกุศลรวมถึงฌาปนกิจอาจารย์ใหญ่ ในระหว่างวันที่ 18 – 20 ธันวาคม 2558 โดยในวันศุกร์ ที่ 18 ธันวาคม 2558 เริ่มพิธีทางศาสนา ระหว่างเวลา 19.30 – 21.00 น. ณ ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และในวันเสาร์ ที่ 19 ธันวาคม 2558 เคลื่อนศพอาจารย์ใหญ่ จากคณะแพทยศาสตร์ เวลา 08.00 น. ไปยังวัดวัดลัฏฐิวัน (พระนอนขอนตาลศักดิ์สิทธิ์) อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ และพระราชทานเพลิงศพ ในเวลา 14.15 น. โดยมี พระเทพโกศล เจ้าคณะ จังหวัดเชียงใหม่ วัดศรีโสดา พระอารามหลวง เป็นประธานพิธีพระราชทานเพลิงศพ ฝ่ายสงฆ์ และ ศ.คลินิก นพ.วัฒนา นาวาเจริญ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช. เป็นประธานพิธีพระราชทานเพลิงศพฝ่ายฆราวาส และในวันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม 2558 ทำพิธีทำบุญอัฐิ และลอยอังคาร เวลา 09.00 น. ณ ท่าแม่น้ำปิง ตรงข้ามวัดลัฏฐิวัน
ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ ได้จัดการเรียนการสอนโดยมี “อาจารย์ใหญ่” เป็นเสมือนทั้งอาจารย์และตำราเล่มหลัก หากนักศึกษาไม่ได้ศึกษาสภาพอวัยวะจริง รวมทั้งตำแหน่ง และความสัมพันธ์กับอวัยวะใกล้เคียงจากร่างอาจารย์ใหญ่ก่อนแล้ว ย่อมเรียนวิชาชีพในชั้นปีที่สูงขึ้นได้ยาก ดังนั้นนักศึกษาและอาจารย์ทุกคนจึงเคารพและซาบซึ้งในพระคุณของอาจารย์ใหญ่ ในฐานะที่เป็นอาจารย์ และในฐานะที่เป็นผู้มีพระคุณ ทั้งต่อนักศึกษาในสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ ได้แก่ คณะแพทยศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์ คณะเทคนิคการแพทย์ และคณะเภสัชศาสตร์ ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของคณะแพทยศาสตร์ว่า เมื่อจบการศึกษาแล้ว
ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จะจัดพิธีบำเพ็ญกุศลและฌาปนกิจอาจารย์ใหญ่ทุกท่าน โดยมีพิธีสองวัน ในวันแรกเป็นพิธีบำเพ็ญกุศลช่วงกลางคืน ซึ่งจัดขึ้นที่ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ วันที่สองเป็นพิธีบำเพ็ญกุศลช่วงเช้าและฌาปนกิจช่วงบ่าย ซึ่งเดิมจัดขึ้นที่สุสานสันกู่เหล็ก จนกระทั่งปี การศึกษา 2548 หัวหน้าภาควิชาในขณะนั้นคือ ศาสตราจารย์แพทย์หญิงผาสุก มหรรฆานุเคราะห์ ได้ทำเรื่องถึงสำนักพระราชวังเพื่อขอพระราชทานเพลิงศพ และได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพตั้งแต่ปีการศึกษา 2548 เป็นต้นมา และเนื่องจากปัญหาด้านการจราจรและพื้นที่อันจำกัด จึงได้เปลี่ยนสถานที่พระราชทานเพลิงศพเป็นที่วัดลัฏฐิวัน ตั้งแต่ปีการศึกษา 2554 จนถึงปัจจุบัน
ปชส.มช./ภาพ-ข่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น