ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดงานแสดงสินค้าและจับคู่ธุรกิจ SMEs ซึ่งเป็นงานใหญ่ลำดับที่ 2 ของโลก ที่เมืองกวางโจว มณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่นอกจากเป็นการต่อยอดทางธุรกิจการค้าและการลงทุนแล้ว ยังเป็นการสื่อสารภาพลักษณ์ความเป็นไทยอีกทางหนึ่ง
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) แถลงว่า กระทรวงอุตสาหกรรม โดย สสว.ได้รับมอบหมายให้เป็นเจ้าภาพร่วมกับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการจัดงาน China International SME Fair (CISMEF) 2011 ครั้งที่ 8 ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่าง 22-25 กันยายน 2554 ณ Pa Zhou Exhibition Center นครกวางโจว มณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้แนวคิดในการจัดงานคือ Environment Protection and Energy Conservation ที่เน้นเรื่องการประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมกล่าวว่า การที่ไทยได้รับการคัดเลือกจากทางการจีนให้เป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดงานครั้งนี้ จะสามารถขยายโอกาสทางธุรกิจ การค้า การลงทุน ระหว่างผู้ประกอบการ SMEs ของไทยและจีน รวมถึงผู้ประกอบการอื่นจากทั่วโลกที่เดินทางไปร่วมงานและเจรจาจับคู่ธุรกิจ
สำหรับประเทศไทยนับเป็นประเทศแรกของอาเซียนที่ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดงาน CISMEF ซึ่งได้รับการจัดสรรพื้นที่ 10,500 ตารางเมตร กำหนดจัดเป็น Thailand Pavilion ภายใต้แนวคิด Thai Lifestyle Sustainable Green Growth เป็นการสื่อสารภาพลักษณ์ของความเป็นไทยด้วยกิจกรรม ช็อป ชม ชิม ได้แก่ ช็อป โอกาสทางธุรกิจการค้าและการลงทุน ชม ศิลปวัฒนธรรมและวิถีชีวิตความเป็นไทย และ ชิม อาหารไทยที่จะมีทั้งการสาธิตวิธีปรุงอาหารไทยที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคชาวจีน
ส่วนพื้นที่จัดแสดงจะแบ่งเป็น 4 ส่วนคือ ส่วนที่ 1 โซนเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จัดแสดงแนวคิดเรื่องพระมหากษัตริย์ไทยกับความสัมพันธ์ไทย-จีน พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษา รวมถึงนิทรรศการและการจำหน่ายสินค้าของศูนย์ศิลปาชีพ ร้านภูฟ้า ส่วนที่ 2 โซน Thailand Showcase เป็นพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการและกิจกรรม ส่วนที่ 3 เวทีการแสดง Thai Cultural Zone และส่วนที่ 4 โซนจำหน่ายสินค้าและจับคู่ธุรกิจ SMEs เพื่อการแสดงและจำหน่ายสินค้าของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมทั้ง 5 กลุ่ม คือ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่ม Fashion and Lifestyle กลุ่มเครื่องสำอาง สมุนไพรไทย กลุ่มท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และกลุ่ม Digital Content / Media Industry
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น