23 พฤศจิกายน 2568 – Josele Ballesterโปรหนุ่มชาวสเปน เร่งเครื่องหวด 6 อันเดอร์พาร์ 65 แซงคว้าแชมป์ PIF Saudi International powered by SoftBank Investment Advisers ไปครองด้วยสกอร์รวม 22 อันเดอร์พาร์ 262 ที่สนาม Riyadh Golf Club ประเทศซาอุดิอาระเบีย เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2568 ขณะที่ โปรอาร์ม-กิรเดช อภิบาลรัตน์ ทำผลงานดีสุดในกลุ่มนักกอล์ฟไทยที่อันดับ 16 ร่วม ด้วยสกอร์รวม 12 อันเดอร์พาร์ 272 Asian Tour จัดการแข่งขันกอล์ฟรายการ PIF Saudi International powered by SoftBank Investment Advisers รายการสุดท้ายของอินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์ ฤดูกาล 2025 ชิงเงินรางวัลรวม 5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 160 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 19-22 พฤศจิกายน 2568 ที่สนาม Riyadh Golf Club ระยะ 7,439 หลา พาร์ 71 โดยมีนักกอล์ฟไทยผ่านตัดตัวเข้าไปเล่นสองวันสุดท้ายได้ 9 คน ทั้งนี้เวลาท้องถิ่นประเทศซาอุดิอาระเบียช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง
ปิดฉากการชิงชัยปรากฎว่า Josele Ballester ดาวรุ่งชาวสเปน วัย 22 ปี อดีตแชมป์ยูเอส อเมเจอร์ ปีที่แล้ว ซึ่งออกสตาร์ทรอบสุดท้ายด้วยสกอร์ตามหลังสองผู้นำร่วมเพียงสโตรคเดียว เร่งเครื่องหวด 6 อันเดอร์พาร์ 65 จากการทำ 6 เบอร์ดี้ ไม่มีโบกี้ จบด้วยสกอร์รวม 22 อันเดอร์พาร์ 262 แซงคว้าแชมป์ระดับอาชีพเป็นครั้งแรก พร้อมรับเงินรางวัล 1 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 31 ล้านบาท ขณะที่ Caleb Surratt ผู้เล่นลิฟกอล์ฟชาวอเมริกันซึ่งนำมาตลอดสามวัน เก็บได้ 2 อันเดอร์พาร์ 69 รั้งรองแชมป์ไปด้วยสกอร์รวม 19 อันเดอร์พาร์ 265 รับเงินรางวัลไป 525,000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 16 ล้านบาท
Josele Ballester ผู้เล่นลิฟกอล์ฟทีม Fireballs GC ของเซอร์จิโอ้ การ์เซีย ซึ่งลงเล่น เอเชียน ทัวร์ และอินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์ เป็นรายการที่สอง เผยว่า “ช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาผมเรียนรู้อะไรมากมาย ตอนที่ผมร่วมเล่นลิฟกอล์ฟ ผมเล่นได้ไม่ดีนัก ต้องพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ซึ่งผมได้เห็นว่าผมดีขึ้นมาก และสามารถเล่นกับนักกอล์ฟระดับโลกได้ ผมใฝ่ฝันถึงการได้แชมป์อาชีพครั้งแรก นี่คือเหตุผลที่ผมทำงานหนักทุกวัน เยี่ยมมากที่ในที่สุดก็ทำสำเร็จ”
ขณะที่โปรอาร์ม-กิรเดช อภิบาลรัตน์ ผู้เล่นจากดีพีเวิลด์ ทัวร์ ตีเข้ามา 2 อันเดอร์พาร์ 69 จากการทำ 4 เบอร์ดี้ เสีย 2 โบกี้ จบด้วยสกอร์รวม 12 อันเดอร์พาร์ 272 รั้งอันดับ 16 ร่วม ดีสุดในกลุ่มนักกอล์ฟไทย รับเงินรางวัลไป 61,125 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.9 ล้านบาท โดยมี โปรเพชร-สดมภ์ แก้วกาญจนา ที่หวดเพิ่ม 4 อันเดอร์พาร์ 67 และโปรแจ๊ส-อติวิชญ์ เจนวัฒนานนท์ ซึ่งเก็บอีก 3 อันเดอร์พาร์ 68 และ แดนไท บุญมา ที่ตีเกิน 2 โอเวอร์พาร์ 73 ตามมาในกลุ่มอันดับ 27 ร่วม ด้วยสกอร์รวมคนละ 10 อันเดอร์พาร์ 274 รับเงินรางวัลไปคนละ 41,000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 1.27 ล้านบาท
ทางด้านดาวโลกอย่าง พอล เคซีย์ แชมป์พีจีเอทัวร์ 3 รายการจากอังกฤษ ตีเข้ามา 2 อันเดอร์พาร์ 69 รวมสี่วัน 13 อันเดอร์พาร์ 271 จบอันดับ 11 ร่วม, แพทริค รีด แชมป์เดอะ มาสเตอร์ส ปี 2018 หวด 3 อันเดอร์พาร์ 68 รั้งอันดับ 33 ร่วม ด้วยสกอร์รวม 9 อันเดอร์พาร์ 275 และ หลุยส์ อุสธุยเซน แชมป์ดิ โอเพ่น 2010 จากแอฟริกาใต้ ทำ 1 อันเดอร์พาร์ 70 สกอร์รวม 8 อันเดอร์พาร์ 276 จบอันดับ 42 ร่วม
ส่วนนักกอล์ฟไทยอีก 5 คน ทำผลงานดังนี้ เศรษฐี ประคองเวช (65) และ รฐนน วรรณศรีจันทร์ (67) สกอร์รวมคนละ 9 อันเดอร์พาร์ 275 จบอันดับ 33 ร่วม, กัญจน์ เจริญกุล (71) สกอร์รวม 3 อันเดอร์พาร์ 281 อันดับ 65 ร่วม, สาริศ สุวรรณรัตน์ (69) และ ปวิธ ตั้งกมลประเสริฐ (72) สกอร์รวมคนละ 1 อันเดอร์พาร์ 283 อันดับ 70 ร่วม
ทั้งนี้หลังจบการแข่งขันรายการนี้ ปรากฎว่า สกอตต์ วินเซนต์ จากซิมบับเว ครองแชมป์คะแนนสะสมอินเตอร์เนชั่นเนล ซีรีส์ เป็นครั้งที่สอง โดยมี คาซุกิ ฮิกะ จากญี่ปุ่น รั้งอันดับสอง ซึ่งทั้งคู่จะได้สิทธิลงเล่นในลิฟกอล์ฟลีกฤดูกาล 2026 ต่อไป
อีกหนึ่งช่องทางการติดตามข่าว
https://www.blockdit.com/posts/69229810cfa01e5e4e0832e3
Reference
asiantour.com
*******************