All online

วันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ข่าว ; ชาวบ้านถูกชลประทานรุกที่ดิน ร้องศูนย์ดำรงธรรมเชียงใหม่

เจ้าของที่ดินที่สันกำแพง ร้องศูนย์ดำรงธรรมเชียงใหม่ กรณีถูกชลประทานรุกที่ดินขยายลำเหมืองเข้า หลังจากเคยร้องเรียนหลายแห่งมาแล้วไม่เป็นผล ทั้งค่าชดเชย และเวนคืนก็ไม่ได้แม้แต่บาทเดียว

ที่อาคารศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ ชั้น 3 ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด นางพิมพรรณ ไชยชนะ หรือบุพศิริ บ้านอยู่เลชที่ 21 หมู่ 5 ซอย 3 ต.สันพระเนตร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ นำเอกสารหลักฐานปึกใหญ่ พร้อมภาพถ่าย และสำเนาผังที่ดินเข้าร้องเรียนกับ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผวจ.เชียงใหม่ เพื่อขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องราวและให้ความเป็นธรรม กรณีกรมชลประทานได้ขุดลอกขยายคลองระบายน้ำผ่านที่ดินของตนเองโดยไม่ได้ค่าชดเชยหรือค่าเวนคืนใด ๆ เรื่องค้างคามาหลายปี ไม่มีคำตอบจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ

ต่อมา ผวจ.เชียงใหม่ได้ให้เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมรับเรื่องไว้ มีใจความสรุปว่า นางพิมพรรณผู้ร้อง ซื้อที่ดินต่อจากนางบัวคำ ไชยวรรณ ตั้งแต่ 3 ธันวาคม 2530 ต่อมาแปลงเป็นโฉนดเลขที่ 17031 หน้าสำรวจ 1638 ต.บวกค้าง อ.สันกำแพง เนื้อที่ 8 ไร่ 1 งาน 65 ตร.ว. ที่ดินดังกล่าวมีที่สาธารณะหรือหัวนาปลายนาติดอยู่อยู่ ไม่ทราบเนื้อที่ แต่ชัดคาดว่าเป็น 10 ไร่ เพราะมีลำเหมืองเล็ก ๆ อยู่ จึงลงทุนปลูกไม้ผล และลำไยเกือบ 200 ต้น โดยจ้างนายก๋องเป็นผู้ปลูกบนที่ดินตรงที่ไม่มีเอกสารสิทธิ และได้เข้าไปดูแลตลอด กระทั่งต้นไม้โตออกผล และขายได้แล้ว  พ.ศ. 2534 มีการประกาศทางราชการ สำหรับผู้ที่มีหัวนาปลายนา ยังไม่ได้ขอออกกรรมสิทธิ์ให้รีบไปทำ  และมีโครงการชลประทานเข้ามาเดินสำรวจ เพื่อจะขยายลำเหมือง แต่นายสมชัย แผ้วจัด เจ้าหน้าที่ขณะนั้น อ้างว่าการทำแนวเขตคลองชลประทานจะไม่เข้ามายังที่ดินของตน ทางราชการจะไม่เวนคืนที่ดินจุดนี้

ภายหลังมี นายคำ ซึ่งเป็นญาตินางบัวคำ มาอาสาว่าจะนำเอกสารสำเนาโฉนด และบัตรประจำตัว ทะเบียนบ้านเพื่อไปขอออกเอกสารในพื้นที่ว่างเปล่า และหากมีการสำรวจขยายเขตชลประทานเข้ามา จะได้รับค่าชดใช้เป็นเงินประมาณ 50,000 บาท ซึ่งก็ปรากฏว่ามีการจ่ายเงินนี้ขึ้นจริง ในเวลาต่อมา นางพิมพรรณจึงรู้ว่าเสียรู้ ได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.อ.สันกำแพง ฐานบุกรุกเข้ามาขุดคลอง และไม่ได้รับเงิน เพราะหวังจะให้มีการเจรจากันก่อน แต่ระหว่างนั้นมีการขุดลอกลำเหมือง และล้มต้นไม้ทั้งต้นเก่าอายุนับร้อยปี และไม้ผลปลูกใหม่ของนางพิมพรรณจนราบเรียบไปหมด มาถึงปี 2538-39 ก็มีการขุดลอกอีก และจ่ายเงินชดเชยชาวบ้าน แต่นางพิมพรรณก็ไม่ได้รับ เพราะเข้าใจว่าอยู่ในระหว่างฟ้องดำเนินคดี แต่รอไปก็ไม่มีผลอะไร เจ้าพนักงานที่ดินให้นำโฉนดไปตรวจสอบ และระบุว่าการขุดลอกนั้นกระทำนอกเขตที่ดินโฉนดของนางพิมพรรณ จึงไม่มีสิทธิอะไร ต่อมานางพิมพรรณร้องศาลปกครองอีกครั้ง ก็ไม่มีความคืบหน้า เพราะเปลี่ยนตัวเจ้าหน้าที่รับผิดชอบกับจะต้องหาหลักฐานต่างๆไปเพิ่มเติมตลอดมา ดังนั้นจึงเข้าร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ ขอให้ ผวจ.ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบให้ความเป็นธรรมต่อไป.

ภาพ/ข่าว โดย บุญญฤทธิ์ ตุลาพันธ์พงศ์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น