ที่อาคารศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่
ชั้น 3 ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด นางพิมพรรณ ไชยชนะ
หรือบุพศิริ บ้านอยู่เลชที่ 21 หมู่ 5 ซอย 3 ต.สันพระเนตร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่
นำเอกสารหลักฐานปึกใหญ่ พร้อมภาพถ่าย และสำเนาผังที่ดินเข้าร้องเรียนกับ
ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผวจ.เชียงใหม่ เพื่อขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องราวและให้ความเป็นธรรม กรณีกรมชลประทานได้ขุดลอกขยายคลองระบายน้ำผ่านที่ดินของตนเองโดยไม่ได้ค่าชดเชยหรือค่าเวนคืนใด ๆ เรื่องค้างคามาหลายปี ไม่มีคำตอบจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ
ต่อมา
ผวจ.เชียงใหม่ได้ให้เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมรับเรื่องไว้ มีใจความสรุปว่า
นางพิมพรรณผู้ร้อง ซื้อที่ดินต่อจากนางบัวคำ ไชยวรรณ ตั้งแต่ 3 ธันวาคม 2530
ต่อมาแปลงเป็นโฉนดเลขที่ 17031 หน้าสำรวจ 1638 ต.บวกค้าง อ.สันกำแพง เนื้อที่ 8
ไร่ 1 งาน 65 ตร.ว. ที่ดินดังกล่าวมีที่สาธารณะหรือหัวนาปลายนาติดอยู่อยู่
ไม่ทราบเนื้อที่ แต่ชัดคาดว่าเป็น 10 ไร่ เพราะมีลำเหมืองเล็ก ๆ อยู่
จึงลงทุนปลูกไม้ผล และลำไยเกือบ 200 ต้น
โดยจ้างนายก๋องเป็นผู้ปลูกบนที่ดินตรงที่ไม่มีเอกสารสิทธิ และได้เข้าไปดูแลตลอด
กระทั่งต้นไม้โตออกผล และขายได้แล้ว พ.ศ.
2534 มีการประกาศทางราชการ สำหรับผู้ที่มีหัวนาปลายนา ยังไม่ได้ขอออกกรรมสิทธิ์ให้รีบไปทำ และมีโครงการชลประทานเข้ามาเดินสำรวจ
เพื่อจะขยายลำเหมือง แต่นายสมชัย
แผ้วจัด เจ้าหน้าที่ขณะนั้น
อ้างว่าการทำแนวเขตคลองชลประทานจะไม่เข้ามายังที่ดินของตน ทางราชการจะไม่เวนคืนที่ดินจุดนี้
ภายหลังมี นายคำ ซึ่งเป็นญาตินางบัวคำ
มาอาสาว่าจะนำเอกสารสำเนาโฉนด และบัตรประจำตัว
ทะเบียนบ้านเพื่อไปขอออกเอกสารในพื้นที่ว่างเปล่า
และหากมีการสำรวจขยายเขตชลประทานเข้ามา จะได้รับค่าชดใช้เป็นเงินประมาณ 50,000 บาท
ซึ่งก็ปรากฏว่ามีการจ่ายเงินนี้ขึ้นจริง ในเวลาต่อมา นางพิมพรรณจึงรู้ว่าเสียรู้
ได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.อ.สันกำแพง ฐานบุกรุกเข้ามาขุดคลอง และไม่ได้รับเงิน
เพราะหวังจะให้มีการเจรจากันก่อน แต่ระหว่างนั้นมีการขุดลอกลำเหมือง
และล้มต้นไม้ทั้งต้นเก่าอายุนับร้อยปี
และไม้ผลปลูกใหม่ของนางพิมพรรณจนราบเรียบไปหมด มาถึงปี 2538-39 ก็มีการขุดลอกอีก
และจ่ายเงินชดเชยชาวบ้าน แต่นางพิมพรรณก็ไม่ได้รับ
เพราะเข้าใจว่าอยู่ในระหว่างฟ้องดำเนินคดี แต่รอไปก็ไม่มีผลอะไร
เจ้าพนักงานที่ดินให้นำโฉนดไปตรวจสอบ
และระบุว่าการขุดลอกนั้นกระทำนอกเขตที่ดินโฉนดของนางพิมพรรณ จึงไม่มีสิทธิอะไร
ต่อมานางพิมพรรณร้องศาลปกครองอีกครั้ง ก็ไม่มีความคืบหน้า
เพราะเปลี่ยนตัวเจ้าหน้าที่รับผิดชอบกับจะต้องหาหลักฐานต่างๆไปเพิ่มเติมตลอดมา
ดังนั้นจึงเข้าร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ ขอให้
ผวจ.ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบให้ความเป็นธรรมต่อไป.
ภาพ/ข่าว โดย บุญญฤทธิ์ ตุลาพันธ์พงศ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น