รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล
ประชุมเชิงปฏิบัติการจัดทำแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 และ 2 ที่จังหวัดเชียงใหม่
ให้นโยบายจังหวัดต้องร่วมมือกับภาคเอกชนและภาคธุรกิจให้มากขึ้น
และแผนงาน/โครงการต้องเชื่อมกับแผนของกระทรวงซึ่งมีเม็ดเงินก้อนใหญ่กว่า
เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (10
ก.ย.55) ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80
พรรษา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
เป็นประธานในการประชุมเชิงปฏิบัติการการจัดทำแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1
และกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ซึ่งเป็นแผน 4
ปี (2557-2560) มีผู้ว่าราชการจังหวัด
รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้ากลุ่มสำนักงานยุทธศาสตร์จังหวัด
หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชน จาก 2 กลุ่มจังหวัด
เข้าร่วมประชุม ประมาณ 150 คน โดยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ได้รับฟังการนำเสนอกรอบยุทธศาสตร์ทั้ง 2 กลุ่มจังหวัด
ที่จะดำเนินการจัดทำแผนงาน/โครงการเพื่อของบประมาณไปยังส่วนกลาง ในระหว่างปี 2557-2560
พร้อมให้นโยบายให้มีการทบทวนยุทธศาสตร์ แผนงาน/โครงการ ปัญหาอุปสรรค
และข้อจำกัดต่างๆในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ในช่วงที่ผ่านมา
เพื่อนำมากำหนดยุทธศาสตร์ในการจัดทำแผนพัฒนายุทธศาสตร์ที่ตรงประเด็น
สามารถแก้ปัญหาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงตามศักยภาพของแต่ละจังหวัดที่เป็นรูปธรรม
จับต้องได้
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
กล่าวว่า สิ่งสำคัญในการจัดทำแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดจำเป็นที่จังหวัดจะต้องพูดคุยและร่วมมือกับภาคเอกชนให้มากขึ้น
เพื่อดูความต้องการของภาคเอกชนและภาคธุรกิจในอันที่จะขับเคลื่อนร่วมกัน
รวมไปถึงการยกระดับสินค้าและผลิตภัณฑ์ให้สามารถแข่งขันได้ ต้องทำในเรื่องของ
สินค้าและผลิตภัณฑ์ การทำตลาดเชิงรุก ทำแผนงาน/โครงการใหญ่ๆ
ไม่ให้เป็นการกระจายเม็ดเงินแบบเบี้ยหัวแตกอีกต่อไป
ซึ่งก็จะทำให้สามารถแก้ปัญหาข้องจังหวัดและกลุ่มจังหวัดได้จริง
โดยแผนงาน/โครงการต้องเชื่อมกับแผนของกระทรวงซึ่งมีเม็ดเงินก้อนใหญ่กว่าด้วย
และในปี 2558
เป็นปีที่ประเทศไทย จะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
ดังนั้นการขับเคลื่อนการพัฒนาต่างๆต้องคำนึงในเรื่องดังกล่าวให้มากด้วยเพราะการเป็นประชาคมอาเซียน
ถือว่าเป็นทั้งโอกาสและภัยคุกคามที่จะเกิดขึ้นและส่งผลกระทบระยะยาวทั้งเชิงบวกและเชิงลบต่อประเทศ
จึงจำเป็นต้องวางแผนให้ดี รอบคอบและรัดกุม เพื่อให้ประเทศไทยสามารถชิงธงนำในกลุ่มอาเซียนให้ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น