ศูนย์ข่าวจิ๊บจิ๊บ ; ขอนำท่านไปยังสถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา เชียงใหม่ แต่ก่อนจะถึงช่วงนี้ขอย้อนไปเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (10 ก.พ.54) ท่านเอกอัครราชทูต คริสตี้ เคนนี่ย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้เดินทางมาเยือนจังหวัดเชียงใหม่อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นจังหวัดแรก หลังจากเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคม 2554 ที่ผ่านมา โดยช่วงบ่ายได้เข้าเยี่ยมคารวะผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ณ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ และในช่วงค่ำได้เข้าร่วมงานเลี้ยงเนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปีการก่อตั้งสถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา ประจำจังหวัดเชียงใหม่ ณ สถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา เชียงใหม่ ถนนวิชยานนท์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยภายในงานมีแขกผู้มีเกียรติ นำโดยหม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งบุคคลสำคัญ ทั้งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ นักธุรกิจระดับผู้นำ ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้นำทางการเมือง รวมทั้งสื่อมวลชนเข้าร่วมงานกว่า 200 คน
เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยกล่าวสุนทรพจน์ภายในงานเลี้ยงแลองครบรอบ 60 ปีว่า ความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยกับสหรัฐอเมริกา มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่มิชชันนารีอเมริกัน ศาสนาจารย์ เดเนียล แมคกิลวารี เดินทางมาถึงเชียงใหม่เมื่อปี พ.ศ.2410 จนถึงมีการก่อตั้งสถานกงสุลสหรัฐอเมริกา เชียงใหม่ เมื่อเดือนธันวาคม 2493 ซึ่งนับจากนี้ไป ไทยและสหรัฐอเมริกาก็จะยังคงดำรงความสัมพันธ์อย่างแน้นแฟ้นยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต
สำหรับความรู้สึกที่ได้เดินทางเข้ามาสัมผัสกับบรรยากาศเมืองเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยกล่าวว่า รู้สึกประทับใจกับบรรยากาศ ความมีมิตรไมตรีของประชาชน และความงดงามด้านศิลปวัฒนธรรมประเพณีของเมืองเหนือเป็นอย่างมาก หลังจากวันนี้ได้มีโอกาสไปเที่ยวชมและนมัสการวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร ไม่ใช่เฉพาะจังหวัดเชียงใหม่เท่านั้น สำหรับภาคเหนือกับสหรัฐอเมริกาก็จะดำรงความร่วมมือ เป็นหุ้นส่วนอย่างสร้างสรรค์ต่อกันในทุกๆ ด้าน ในการป้องกันและแก้ไขปัญหา ทั้งด้านการศึกษา เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สถาบันการศึกษา สถาบันประชาธิปไตย การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะปัญหาสำคัญคือยาเสพติดและการค้ามนุษย์ โดยจะส่งเสริมความร่วมมือในเชิงสร้างสรรค์ภายใต้นโยบายร่วมคิดร่วมสร้าง (The U.S – Thai Creative Partnership)
ต่อคำถามที่ว่า ความเป็นมาอันใหญ่หลวงอย่างหนึ่งของปัญหา โดยเฉพาะปัญหายาเสพติดและการค้ามนุษย์ มีผลมาจากความยากจนและด้อยโอกาสของประเทศเพื่อนบ้านของไทยนั้น เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยว่า นับเป็นปัญหาใหญ่มาก ซึ่งสหรัฐอเมริกาคงจะต้องดำเนินงานภายใต้ความร่วมมือกับประเทศไทย เพื่อเข้าไปช่วยเหลือแก้ปัญหาให้กับประเทศเหล่านั้น โดยการพัฒนาทั้งด้านเศรษฐกิจ ด้านการศึกษา และโครงสร้างพื้นฐาน โดยวิธีการก็มีหลายรูปแบบ เช่น การร่วมเข้าไปพัฒนาในกรอบความร่วมมืออาเซียน ในกรอบอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Mekhong Sub-Region) และกรอบความร่วมมือสหรัฐ - ลุ่มน้ำโขงตอนล่าง (The Lower Mekhong Initiative)
เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยกล่าวด้วยว่า สิ่งที่จะดำเนินการเหล่านี้หลายอย่างไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นงานที่จะสานต่อจากเดิมให้ต่อเนื่อง เพื่อให้คนไทย คนอเมริกัน และคนทั้งโลกอยู่อย่างปลอดภัย อยู่อย่างมีความสุข โดยสุดท้าย ท่านทูตยังหยอดคำหวายไว้ด้วยว่า การแก้ปัญหาเหล่านี้ในภูมิภาคนี้ร่วมกับประเทศไทย นับเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง เป็นประตูนำไปสู่ความสำเร็จในการพัฒนาและการแก้ไขปัญหาทั้งปวง
คริสตี้ เคนนี่ย์
เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา
ประจำประเทศไทย
เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา
ประจำประเทศไทย
เอกอัครราชทูตคริสตี้ เคนนี่ย์ ได้รับการเสนอชื่อจากประธานาธิบดีบารัค โอบามา ให้เป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 และได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาสหรัฐฯ ให้ดำรงตำแหน่งนี้เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2553 เอกอัครราชทูตเคนนี่ย์ เป็นข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศอาวุโส และเป็นสตรีคนแรกที่ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศฟิลิปปินส์ระหว่างปี พ.ศ. 2549 – 2553 ท่านเริ่มอาชีพนักการทูตเมื่อปี พ.ศ. 2524 ตำแหน่งขณะประจำในต่างประเทศของท่าน อาทิเช่น เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศเอกวาดอร์ และประจำที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาในจาเมกา สวิตเซอร์แลนด์และอาร์เจนตินา
นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตเคนนี่ย์ ยังเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการประจำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (Executive Secretary) ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และเป็นเจ้าหน้าที่สภาความมั่นคงแห่งชาติที่ทำเนียบขาว ท่านสามารถพูดภาษาต่างประเทศได้ 2 ภาษา คือ ภาษาสเปนและภาษาฝรั่งเศส แต่ล่าสุดจากการสนทนา พบว่าท่านสามารถใช้ภาษาไทยได้บ้าง ท่านทูตยังเคยได้รับรางวัลสำคัญด้านภาวะผู้นำหลายรางวัล มารดาของเอกอัครราชทูตเคนนี่ย์เป็นข้าราชการครูเกษียณอายุและบิดาเป็นทหารผ่านศึกสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ท่านเติบโตในย่านชานเมืองของกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัย Clemson และปริญญาโทจากมหาวิทยาลัย Tulane เมืองนิวออร์ลีนส์ นอกจากนี้ ยังได้เข้ารับการอบรมที่วิทยาลัยป้องกันประเทศในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
AMBASSADOR KRISTIE A. KENNEY
Kristie Kenney was nominated on July 19, 2010 by President Barack Obama to be the United States Ambassador to the Royal Kingdom of Thailand. She was confirmed by the United States Senate on September 30, 2010. A career senior Foreign Service officer, she served as the first female United States Ambassador to the Philippines from 2006-2010. She began her diplomatic career in 1981 and her overseas assignments have included serving as the U.S. Ambassador to Ecuador and in positions at U.S. Embassies in Jamaica, Switzerland, and Argentina.
Ambassador Kenney also served as the State Department Executive Secretary in Washington, D.C. and on the staff of the National Security Council at the White House. She speaks Spanish and French and has won several prominent awards for leadership.
The daughter of a retired public school teacher and a U.S. World War II veteran, Kristie Kenney grew up in the suburbs of Washington, D.C. She obtained a bachelors degree from Clemson University and a master’s degree from Tulane University in New Orleans. She also attended the National War College in Washington, D.C.
The daughter of a retired public school teacher and a U.S. World War II veteran, Kristie Kenney grew up in the suburbs of Washington, D.C. She obtained a bachelors degree from Clemson University and a master’s degree from Tulane University in New Orleans. She also attended the National War College in Washington, D.C.
For the last twenty-four years, she has been married to Bill Brownfield, who was recently nominated by President Obama to be Assistant Secretary of State for International Narcotics, Law Enforcement and Crime. Kristie and Bill enjoy playing and watching sports, travel, and spending time with their families. They share their home with two black and white cats named “Emily” and “Junior” who they adopted from an animal shelter.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น