หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

ข่าว ; PGA Tour กับสถิติที่น่าสนใจ ประจำเดือนเมษายน 2567


3 พฤษภาคม 2567 - Scottie Scheffler เป็นผู้เล่นคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์ที่เข้าสู่การแข่งขันมาสเตอร์ส ทัวร์นาเมนท์ ในฐานะนักกอล์ฟมือหนึ่งของโลก และในตารางสะสมคะแนนเฟดเอ็กซ์ คัพ และเป็นคนเดียวที่สามารถคว้าแชมป์เมเจอร์แรกสำเร็จ และไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ทำได้ 2 ครั้งในรอบสามปี หลังจากชนะเลิศรายการ เดอะ มาสเตอร์ส ครั้งแรกในปี 2022 โดยทำได้อย่างเยี่ยมในรอบสุดท้ายปิดฉากด้วยสกอร์ 68 เอาชนะ ลุดวิก เอเบิร์ก 4 สโตรก

ก่อนหน้านี้ ไทเกอร์ วูดส์ เกือบทำได้ในการเข้าสู่การแข่งกอล์ฟมาสเตอร์ส ทัวร์นาเมนท์ ในฐานะมือหนึ่งทั้งสองรายการในปี 2008 เข้าป้ายอันดับสอง  ขณะที่ ดัสติน จอห์นสัน ในฐานะมือหนึ่งโลกและเฟดเอ็กซ์คัพ เมื่อเข้าสู่การแข่งขันที่ออกัสตา เนชันแนล ในปี 2017 ไม่สามารถออกรอบได้ ต้องเดินออกจากแท่นทีออฟกลับคลับเฮาส์เพื่อถอนตัวเนื่องจากฝืนเจ็บไม่ไหวหลังโชคร้ายตกบันไดที่บ้านพักก่อนแข่ง

ขณะเดียวกัน เชฟฟเลอร์ ยังเป็นนักกอล์ฟคนที่ 2 เท่านั้น ที่คว้าแชมป์เดอะ เพลเยอร์ส แชมเปี้ยนชิพ และมาสเตอร์ส ในปีเดียวกัน ต่อจากไทเกอร์ วูดส์ โดยไทเกอร์ทำได้ในปี 2001 และมีชื่อติดทำเนียบร่วมกับแจ๊ค นิคลอส ที่ได้แชมป์สองรายการนี้หลายสมัย  

เชฟฟเลอร์ มีสถิติเป็นอันดับ 1 ด้านการพัตต์ putts per green in regulation ที่สนามออสกัสตา และรั้งอันดับ 3 ของพีจีเอทัวร์ เขาทำพัตต์เดียวในการแข่งขัน  9 หลุมในรอบสุดท้าย  และทำแต้ม 9 อันเดอร์ ในหลุมพาร์ 5  นอกจากนี้โปรกอล์ฟจากเท็กซัส รั้งอันดับ 7 ร่วมในสถิติ กรีนส์อินเรกูเลชั่น และอันดับ 10 ร่วมสถิติแม่นแฟร์เวย์ 

Scottie Scheffler ฟอร์มเฉียบต่อเนื่องคว้าแชมป์ที่ฮาร์เบอร์ทาวน์

สกอตตี เชฟเฟลอร์ กำลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยยังไม่เคยตีเกินพาร์เลยแม้ครั้งเดียวในปีนี้และมีเพียง 2 ครั้งในการลงเล่น 39 รอบที่เขาตีสกอร์ 70 รวมทั้งยังไม่เคยพลาดการตัดตัว และมีเพียงครั้งเดียวที่จบผลงานต่ำกว่า 10 อันดับแรก นั่นคือได้อันดับ 17 ร่วม    

ในการแข่งขันกอล์ฟพีจีเอทัวร์ รายการอาร์บีซี เฮอริเทจ ที่ฮาร์เบอร์ทาวน์ กอล์ฟ ลิงค์ส เชฟเฟลอร์ ยังทำได้ยอดเยี่ยมเหมือนเดิม เมื่อสามารถเอาชนะ ซาฮิธ ทีกาลา 3 สโตรก ผงาดคว้าแชมป์รายการที่ 4 จากการลงเล่น 5 รายการหลังสุด โดยอีกหนึ่งรายการเขาก็ได้รองแชมป์  ทำสกอร์รวม 76 อันเดอร์พาร์ 

ขณะเดียวกันชัยชนะรายการอาร์บีซี เฮอริเทจ ยังเป็นแชมป์พีจีเอทัวร์ รายการที่ 10 ในอาชีพของเชฟเฟลอร์ วัย 27 ปี โดยทั้งหมดเกิดขึ้นในการลงเล่น 51 รายการ  เชฟเฟลอร์ เริ่มต้นที่สนามฮาร์เบอร์ทาวน์ไม่โดดเด่นเท่าไหร่   หลังจากสัปดาห์ก่อนหน้านั้นเพิ่งคว้าแชมป์เมเจอร์ มาสเตอร์ส ทัวร์นาเมนท์ แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงสุดสัปดาห์ กลับสู่ฟอร์มที่ทุกคนคาดหวัง ขึ้นมาเป็นผู้นำบนลีดเดอร์บอร์ด แม้ต้องเลื่อนการแข่งขันรอบสุดท้ายไปแข่งต่อวันจันทร์ เนื่องจากเจอพิษฝนในวันอาทิตย์ ก็ไม่มีผลกระทบทำให้ฟอร์มแผ่วแต่อย่างใด

  เชฟเฟลอร์กลายเป็นนักกอล์ฟคนแรกในรอบ 18 ปี ที่คว้าแชมป์เมเจอร์ และแชมป์พีจีเอทัวร์ในสัปดาห์ต่อมา นับตั้งแต่ ไทเกอร์ วูดส์  เมื่อปี 2006 ที่ได้แชมป์พีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ และ เวิลด์ กอล์ฟแชมเปี้ยนชิพ-บริจด์สโตน อินวิเทชัน นอกจากนี้เชฟฟเลอร์ ยังมีชื่อติดทำเนียบร่วมกับ เบิร์นฮาร์ด ลังเกอร์ โปรกอล์ฟระดับตำนาน เวิลด์ กอล์ฟ ฮอล ออฟ เฟม ที่คว้าแชมป์มาสเตอร์ส ต่อด้วยแชมป์ อาร์บีซี เฮอริเทจ โดยลังเกอร์ ทำได้เมื่อปี 1985

เชฟเฟลอร์ มีค่าเฉลี่ย Strokes Gained: Approach the Green  6.87 สโตรก  เป็นสถิติที่ดีที่สุดในการแข่งขันครั้งนี้ และมีสถิติกรีนส์อินเรกูเลชั่น  76.39% รั้งอันดับ 2 ของตำแหน่งแชมป์อาร์บีซี เฮอริเทจ เป็นรองเพียง สจ๊วร์ต ซิงค์ เท่านั้น

Billy Horschel คว้าแชมป์พีจีเอทัวร์ โคราเลส ปันตาคานา แชมเปี้ยนชิพ 

ปี 2024 ถือเป็นฤดูกาลที่มีทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวสำหรับ บิลลี่ ฮอร์สเซล เขาไม่ผ่านการตัดตัว 6 ครั้ง จากการลงเล่นใน 11 รายการ แต่สามารถทำผลงานจบใน 20 อันดับแรกได้ 5 รายการ  รวมถึงการคว้าแชมป์รายการที่ 8 ในอาชีพ ในการแข่งขันรายการโคราเลส ปันตาคานา แชมเปี้ยนชิพ

ฮอร์สเซล เค้นฟอร์มเก่งในรอบสุดท้ายตีเข้ามา 9 อันเดอร์พาร์ 63 โดยไม่เสียโบกี้ พลิกสถานการณ์จากที่ตามหลัง 3 สโตรก แซงชนะเวสลีย์ ไบรอัน 2 สโตรก  พร้อมทำสถิติคัมแบ๊คกลับมาคว้าชัยด้วยสกอร์ที่ตามห่างมากที่สุดในประวัติศาสตร์ทัวร์นาเมนท์นี้

ขณะเดียวกัน ฮอร์สเซล ซึ่งลงแข่งขันรายการนี้เป็นครั้งแรก  ปิดฉากด้วยสกอร์รวม 23 อันเดอร์พาร์ 265 ถือเป็นผลงานที่ดีที่สุดของตำแหน่งแชมป์สนามนี้ แซงหน้า แมตต์ วัลเลซ แชมป์เมื่อปีที่แล้วถึง 4 สโตรก และสกอร์ 63 ในรอบสุดท้ายยังทาบสถิติสกอร์ต่ำสุดต่อรอบของทัวร์นาเมนท์ด้วย

ผลงานตลอดทั้งสัปดาห์ โปรกอล์ฟวัย 37 ปี มีสถิติการพัตต์เฉลี่ยเป็นอันดับ 1 และรั้งอันดับ 2 putts per green in regulation นอกจากนี้โปรกอล์ฟจากฟลอริด้า ยังมีสถิติแม่นแฟร์เวย์ โดยตลอดการแข่งขันสี่รอบตีไม่เข้าแฟร์เวย์เพียง 7 ครั้ง และในรอบสุดท้ายพลาดเพียงครั้งเดียว

Akshay Bhatia เฉือนเพลย์ออฟคว้าชัยที่ วาเลโร เท็กซัส โอเพ่น 

ในวัย 22 ปี อัคเชย์ บาเตีย คว้าแชมป์พีจีเอทัวร์มาครองแล้ว 2 รายการ หลังเอาชนะ เดนนี่ แม็คคาร์ธีย์ ในการ  ดวลเพลย์ออฟหลุมแรก ในรายการวาเลโร เท็กซัสโอเพ่น ชัยชนะดังกล่าวทำให้บาเตีย คว้าตั๋วใบสุดท้ายเข้าร่วมแข่งขันกอล์ฟเมเจอร์ มาสเตอร์ส ทัวร์นาเมนท์ และได้สิทธิ์รับเชิญร่วมชิงชัย 4 รายการสุดท้ายของ Signature Events ในฤดูกาลนี้

บาเตีย ทำผลงานได้ดีตั้งแต่รอบแรกมีสถิติ  Strokes Gained: Total  +21.15 และ Strokes Gained: Tee-to-Green +18.76 รั้งอันดับ 7 และ 15 ของพีจีเอทัวร์ ตามลำดับ ในการบันทึกโดย a ShotLink 

โดยบาเตีย มีผลงานโดดเด่นในหลุมพาร์ 4 มีสถิติดีที่สุดทั้ง 4 รายการ ทำไป 14 เบอร์ดี้ ทำคะแนน 10 อันเดอร์พาร์ ค่าเฉลี่ย Strokes Gained: Tee-to-Green +11.31และ Strokes Gained: Total +13.27

Rory McIlroy - Shane Lowry ผนึกกำลังคว้าแชมป์ซูริค คลาสสิค ออฟ นิวออร์ลีนส์ 

เหมือนเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าจะเป็นสัปดาห์ที่พิเศษสำหรับ รอรี่ แม็คอิลรอย และ เชน ลอว์รี่ เมื่อลูกค้าในร้านอาหารชื่อดัง อาร์โนลด์ ในนิวออร์ลีนส์ ต่างลุกขึ้นยืนปรบมือให้ทั้งคู่ ขณะเดินออกจากร้านอาหารหลังไปรับประทานมื้อค่ำที่นั่น  โดยลอว์รี่ ได้กล่าวถึง แม็คอิลรอย ซึ่งปัจจุบันรั้งอันดับ 2 ของโลก และเป็นเพื่อนกันมายาวนานว่า “เขาเริ่มมีอายุมากขึ้น แต่ยังเจ๋งอยู่ ยังสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้ดี” 

ทั้งคู่คว้าแชมป์การแข่งขันประเภททีมรายการ ซูริค คลาสสิค ออฟ นิวออร์ลีนส์ หลังจากเอาชนะคู่ของ มาร์ติน เทรเนอร์ และ แชด รามีย์ ในการดวลเพลย์ออฟหลุมแรก ชัยชนะดังกล่าวถือเป็นแชมป์พีจีเอทัวร์ รายการที่ 25 ของแม็คอิลรอย ซึ่งลงเล่นที่เครสเซนท์ ซิตี้ เป็นครั้งแรก ขณะที่ ลอว์รี่ เป็นแชมป์พีจีเอทัวร์รายการที่ 3 ในอาชีพของเขา

โดยในการแข่งขันแบบโฟรซัมส์ในวันอาทิตย์ มีช่วงหนึ่งที่คู่หูชาวไอริช ตามหลังคู่ของเทรเนอร์และรามีย์ ห่างถึง 5 สโตรก แต่มาเก็บ 4 เบอร์ดี้ใน 5 หลุม เริ่มจากหลุมที่ 7 ช่วยให้แม็คอิลรอยและลอว์รี่ ขยับมานำร่วม และการเก็บเบอร์ดี้ที่หลุม 18 ทำให้สกอร์รวมเท่ากัน ได้ไปเพลย์ออฟตัดสินแชมป์   

ชัยชนะดังกล่าว ทำให้แม็คอิลรอย มีสถิติคว้าแชมป์ได้ทุกปีเป็นฤดูกาลที่ 7 และเป็นแชมป์ที่มีความหมายอย่างมากสำหรับ ลอว์รี่ ช่วยให้เขาได้สิทธิ์เข้าแข่งขัน Signature Events 3 รายการสุดท้ายในฤดูกาลนี้

อีกหนึ่งช่องทางการติดตามข่าว

https://www.blockdit.com/posts/6634747be1ac287c3c449cae

อ้างอิง

pgatour.com

***************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น