หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2563

ข่าว ; ดราม่า "จ่าจำปา" ยังไปต่อ "พวกนายสิบ" โดนเหยียด

กลุ่มนายสิบซึ่งถือว่าเป็นกำลังหลักของกองทัพบกทั้งที่ยังรับราชการและเกษียณแล้วลุกฮือทั่วประเทศ หลังกรณี "จ่าจำปา" ที่ถูกมองว่าการลดโทษเพียงเพื่อลดกระแสสังคมและยังไม่ได้รับความเป็นธรรมพอ ขณะที่ผู้ว่าตรังเจ้าของปัญหายังลอยตัว และที่ร้อนแรงสร้างความไม่พอใจกับกลุ่มนายสิบมากที่สุดเมื่อมี "พันโท" คนหนึ่งออกมาโพสเชิงเหยียดหยาม "พวกนายสิบ" เหมือนไม่มีความหมายอะไร

จากกรณี จ่าสิบเอกพีรศักดิ์ จำปา หรือ "จ่าจำปา" ถูกผู้บังคับบัญชาลงโทษเนื่องจากกระทำความผิด พ.ร.บ.วินัยทหาร ฐานใช้กิริยาวาจาไม่สมควรและไม่ปฏิบัติตามนโยบายและคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ที่ได้สั่งการให้ทหารทุกคนปฏิบัติให้เป็นแบบอย่างที่ดี ประพฤติและปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดต่างๆ กรณีโต้เถียงกับผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เนื่องจากต้องการเดินทางไปดูแลแม่ที่กำลังป่วยหนัก โดยถูกจำขังเป็นเวลา 45 วัน ที่เรือนจำมณฑลทหารบกที่ 43 พร้อมสั่งงดบำเหน็จ หลังจากนั้นเข้ารับการฝึกทบทวนวินัยทหารที่ศูนย์ฝึกธำรงวินัยกองทัพภาคที่ 4 และต่อมาได้รับการลดโทษขังลงเหลือ 7 วันนั้น

เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2563 ได้มีกลุ่มนายสิบทหารบก ทุกรุ่น ทุกเหล่า และทุกหลักสูตรทั่วประเทศ ทั้งที่ยังรับราชการอยู่และที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว เข้าไปรวมตัวกันในเพจของ ชมรมศิษย์เก่าโรงเรียนนายสิบทหารบก พร้อมทั้งวิพากษ์วิจารณ์ทั้งการลงโทษว่าขาดความเป็นธรรม ไร้จริยธรรม และขาดวิจารณญาณ เพราะไม่พิจาณาอย่างรอบด้าน แต่รับฟังข้อมูลซึ่งเป็นข้อกล่าวหาฝ่ายเดียว ในขณะที่การลดโทษก็ทำเพื่อลดกระแสสังคมโดยการลดจำนวนวันขังลงเท่านั้น เรื่องอื่นยังคงมีความเสียหายและเป็นประวัติเสียติดตัวไปตลอดชีวิต ส่วนผู้ว่าราชการจังหวัดตรังต้นเหตุก็เห็นยังคงอยู่อย่างสบายใจไม่เดือดร้อนอะไร


และกลุ่มนายสิบทั้งประเทศยิ่งโกรธมากยิ่งขึ้นเมื่อมีการเผยแพร่ภาพการโพสข้อความการสนทนาของ "พันโท" คนหนึ่ง ซึ่งจบจากโรงเรียนนายร้อยที่ใช้วาจาลักษะเหยียดหยาม "นายสิบ" ที่อาจจะรวมตัวกันช่วยเหลือจ่าจำปาในช่วงที่ถูกลงโทษนี้ว่า "พวกนายสิบ ปล่อยมัน เดี๋ยวก็เงียบ" ซึ่งเมื่อภาพนี้ถูกนำมาเผยแพร่เพียงไม่กี่ชั่วโมง ปรากฏว่าได้มีศิษย์เก่าโรงเรียนนายสิบหลายร้อยคนเข้ามาแสดงความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์และรุ่มด่าพันโทคนดังกล่าว บางคนถึงขั้นฝากพวกพ้องให้ช่วยจัดการ

ในขณะที่ชมรม นนส.ทบ.1-14 ซึ่งเป็นกลุ่มของศิษย์เก่าโรงเรียนนายสิบทหารบก (หลักสูตร 2 ปี) รุ่นที่ 1 - 14 ที่มีสมาชิกรุ่นละประมาณ 2,000 คน นับเป็นกลุ่มที่เข้มแข็งมากที่สุดในกลุ่มศิษย์เก่าโรงเรียนนายสิบในขณะนี้ มีสำนักงานชมรมตั้งอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ได้โพสในเพจของชมรมระบุว่า ขณะนี้ทางชมรมฯได้ให้นักกฎหมายของชมรมช่วยดูเรื่องของจ่าจำปา​ ว่าอยู่ในข้อกฏหมายข้อใดและจะทำอย่างไรต่อไปได้ จึงอยากจะขอเชิญชวนพี่ๆเพื่อนๆและน้องๆ สถาบัน NCO ทุกรุ่น ทุกเหล่า ทุกหลักสูตร​ ให้ส่งรายชื่อผู้ประสานงานของรุ่นพร้อมเบอร์โทรศัพท์ไปที่​ ฝ่ายเลขาธิการ​ หรือที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์​  นอกจากนั้นยังได้เปิดให้ลงชื่อเข้าร่วมกลุ่ม โดยมีแนวคิดจะเปิดเป็น ชมรม​ NCO​ ทุกรุ่น ทุกเหล่า ทุกหลักสูตรทั่วประเทศไทย​ ขึ้นเพื่อใช้เป็นพื้นที่ในการประสานงานและช่วยเหลือกันในอนาคต ซึ่งหลังจากข้อความถูกโพสไม่ถึงครึ่งวัน ก็มีศิษย์เก่าโรงเรียนนายสิบทั่วประเทศเข้ามาแสดงตัวหลายร้อยคน และเชื่อว่าจากการบอกต่อกันทั้งปากต่อปากและผ่านกลุ่มของแต่ละรุ่น จะมีผู้เข้ามาร่วมเป็นหลักหมื่นคน (NCO = Non Commissioned Officer = นายทหารชั้นประทวน = นายสิบ)


สำหรับกำลังพลประเภท นายสิบ ถือว่าเป็นกำลังหลักของกองทัพบก เนื่องจากเป็นกลุ่มข้าราชการทหารที่มีจำนวนมากที่สุดของกองทัพ ทำหน้าที่รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาสู่การปฏิบัติ พร้อมควบคุมกำลังพลระดับพลทหารซึ่งเป็นทหารเกณฑ์ที่หมุนเวียนเข้ามา ในหนึ่งหน่วยกำลังรบขนาดเล็กที่มีกำลังประมาณ 50 คน จะมีนายร้อย 1 คน นายสิบประมาณ 15-20 คน และที่เหลือเป็นพลทหาร เมื่อรวมกันเป็นหน่วยระดับที่ใหญ่ขึ้นก็จะมีจำนวนนายร้อย นายพัน และนายพล เพิ่มขึ้น ในขณะที่จำนวนนายสิบและพลทหารก็เพิ่มขึ้นลำดับละประมาณ 3 เท่า บรรดานายทหารระดับสูงทั้งในอดีตและปัจจุบันซึ่งจบจากโรงเรียนนายร้อย ต่างก็เคยรบเคียงบ่าเคียงไหล่ ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับกลุ่มนายสิบมาแล้วทั้งสิ้น และส่วนใหญ่จะมีความรัก ความผูกพันต่อกัน เพราะเคยเป็นนายและลูกน้องที่มีความรักความเคารพต่อกันมา จะมีเพียง "นายร้อย" บางคนที่อาจจะหยิ่งผยองหรือดูถูกนายสิบบ้าง แต่คนที่มีพฤติกรรมเช่นนี้หากไม่สำนึกและกลับตัวกลับใจส่วนใหญ่จะไม่ค่อยได้ดี หรือบางคนก็จบไม่สวย



****************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น