หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2555

ข่าว ;กรีนบัส อั้นไม่อยู่ วอนภาครัฐเห็นใจ ต้นทุนน้ำมัน ค่าแรง ค่าอะไหล่เพิ่มกระทบหนัก

ผู้ประกอบการขนส่งผู้โดยสารรายใหญ่ กรีนบัส สุดทนกับต้นทุน และรายจ่ายพุ่งสูงพรวด ทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง อะไหล่ และค่าแรงงานต้องปรับตามคำสั่งรัฐบาล รวมเดือนละกว่า 6.4 ล้านบาท ขณะที่รายได้มีแนวโน้มไม่เพิ่มแต่ต้องให้บริการผู้โดยสารทั่วภาคเหนือต่อไป วิงวอนไปยังรัฐบาลเร่งปรับราคาค่าโดยสาร ก.ม.ละ 45 สตางค์

จากสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดน้ำมันเชื้อเพลิงที่เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการขนส่ง คมนาคมคือดีเซลที่ จ.เชียงใหม่ลิตรละ 33.08 บาท ซึ่งสูงสุดเกินที่ผู้ประกอบการขนส่งผู้โดยสารจะต้านทานไหว ดังนั้น เมื่อบ่ายวันที่ 15 มีนาคม 2555 ที่บริษัทไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด หรือกรีนคอร์ป ผู้ให้บริการรถโดยสารกรีนบัสมีสัมปทนาทั่วภาคเหนือ นายสมชาย ทองคำคูณ กรรมการผู้จัดการบริษัทฯ และยังเป็นประธานฝ่ายโลจิสติกส์ของกลุ่มหอการค้าภาคเหนือตอนบน เปิดเผยว่า จากการปรับเพิ่มราคาน้ำมันดีเซล สูงขึ้นไปถึงลิตรละ 33.08 บาทนั้น ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจรถโดยสารประจำทาง โดยเฉพาะกรีนบัส ซึ่งต้องใช้น้ำมันเชื้อเพบิวกว่า 4 แสนลิตรต่อเดือน ในขณะที่ราคาค่าโดยสารที่คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง และกรมการขนส่งทางบกกำหนดค่าโดยสารไว้เดิมตอนน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ลิตรละ 24.71 บาท

ภาระอันหนักดังกล่าว จึงทำให้กรีนบัส และผู้ประกอบการรถโดยสารภาคเหนือ ต้องแบกรับส่วนต่างราคาค่าน้ำมันกว่าลิตรละ 8.37 บาท สำหรับกรีนบัสเองต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายน้ำมันฯ เดือนละ 3.4 ล้านบาท หรือคิดเป็น 9.6% ของรายได้ ในที่รัฐบาลกำหนดว่าตั้งแต่ 1 เมษายน 2555 เป็นต้นไปจะต้องปรับค่าแรงงานขั้นต่ำตามนโยบายเพิ่มขึ้นไปอีก รวมแล้วที่จะต้องปรับทั้งเงินเดือน ค่าล่วงเวลา และค่าประกันสังคมเงินกองทุนทดแทน ไม่น้อยกว่าเดือนละ 1.8 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4.2% ของรายได้ นอกจากนั้นยังมีค่าใช้จ่ายเรื่องอะไหล่รถยนต์ ซึ่งต้องซ่อมบำรุงตลอดเวลา อะไหล่ก็ปรับราคาขึ้นไปก่อนหน้าแล้วอีกเดือนละ 1.2 ล้านบาท คิดเป็น 1% ของรายได้ เมื่อรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดของกรีนบัส จะต้องจ่ายเพิ่มเฉลี่ยเดือนละ 6.4 ล้านบาทหรือ 15% ของรายได้  จึงถือว่าอยู่ในภาวะวิกฤต

นายสมชาย ทองคำคูณ ผู้บริหารกรีนบัสหรือรถเมล์เขียว กล่าวว่า ในขณะนี้นี้บริษัทใช้อัตราค่าโดยสารตามราคาน้ำมันที่ทางราชการกำหนดที่ลิตรละ 23.524.71 บาท ต่อค่าโดยสาร 0.47 บาท/คน/กิโลเมตร ภาวะเช่นนี้ จึงขอเรียกร้องไปยังรัฐบาล โดยกระทรวงคมนาคมเห็นใจผู้ประกอบการ และอนุมัติให้มีการปรับราคาค่าโดยสาร ตามสถานการณ์ปัจจุบันขึ้นอีก  0.54 บาท/คน/กิโลเมตร หรือปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 0.07 บาท/คน/กิโลเมตร เฉลี่ยค่าโดยสารจะเพิ่มขึ้น 100 กม. ไม่เกิน 10 บาท จากอัตราค่าโดยสารเดิมที่เก็บอยู่ ซึ่งจะทำให้งานบริการเป็นไปตามมาตรฐาน แต่หากให้ปรับอัตราค่าโดยสารน้อยกว่า 7% ก็จะมีผลให้งานบริการขนส่งผู้โดยสารต่ำกว่ามาตรฐาน ซึ่งจะเห็นว่าผลกระทบเกิดขึ้นไม่เฉพาะแต่ผู้ประกอบการ แต่มีไปถึงผู้ใช้บริการด้วย

อย่างไรก็ตาม นายสมชาย ทองคำคูณ กล่าวว่า แม้ที่ผ่านมามีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น แต่กรีนบัสก็ไม่ได้หยุดนิ่งมีการลงทุนปรับปรุงรถโดยสาร และงานบริการมาโดยตลอด แต่เมื่อมาถึงจุดวิกฤตเมื่อน้ำมันเชื้อเพลิงปรับตัวสูงขึ้นเช่นนี้ จึงขอวิงวอนไปยังรัฐบาลให้เร่งช่วยพิจารณาปรังปรุงอัตราค่าโดยสารใหม่โดยเร็ว แต่ถ้ารัฐบาลยังชะลอการพิจารณาปรับอัตราค่าโดยสารยืดออกไป บริษัทจำเป็นต้องลดเที่ยววิ่งในเส้นทางที่มีรายได้ต่ำกว่าต้นทุนลงให้เหมาะสม จะเห็นว่าปัจจุบันรถโดยสารหรือรถทัวร์บริการนักท่องเที่ยวต่างก็ปรับราคาค่าเช่าขึ้นทั้งสิ้น ยิ่งในช่วงเทศกาลสงกรานต์มีการเดินทางมาก รถโดยสารประจำทางเดิมไม่พออยู่แล้ว เชื่อว่าทางราชการจะไม่สามารถจ้างรถโดยสารท่องเที่ยวมาเป็นรถเสริมช่วงเทศกาลได้ เรื่องนี้ขอเสนอให้รีบวางแผนจัดสรรรถโดยสาร เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารไว้แต่เนิ่น ๆ นอกจากนั้น ผู้บริหารกรีนบัสยังฝากไปถึงประชาชน และนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์  ให้รีบวางแผนการเดินทางล่วงหน้าโดยการจองตั๋วไว้ล่วงหน้าจะดีที่สุด.

++++++++++++++++
ภาพ/ข่าว โดย บุญญฤทธิ์ ตุลาพันธ์พงศ์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น