หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ข่าว ; เชียงใหม่กำหนดยุทธศาสตร์และแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า

จังหวัดเชียงใหม่กำหนดยุทธศาสตร์และแนวทางในการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า โดยยึดกรอบแผนจัดการหมอกควันจากการเผาในที่โล่ง ปี 2555 – 2559 ของกรมควบคุมมลพิษ พื้นที่เป้าหมายเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงที่มีสถิติการเผาในที่โล่งมาก 10 อันดับแรกในปี 2554 ได้แก่ แม่แจ่ม อมก๋อย ฮอด เชียงดาว ดอยเต่า จอมทอง แม่อาย แม่แตง ฝาง และ พร้าว

หม่อมหลวงปนัดดา  ดิศกุล  ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ที่เปิดเผยว่า จังหวัดเชียงใหม่ได้มีการประกาศให้การแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าเป็นวาระของจังหวัดเชียงใหม่ที่ต้องดำเนินการแก้ไขอย่างต่อเนื่อง โดยความร่วมมือของทุกภาคส่วน และได้ดำเนินการทบทวนสถานการณ์หมอกควันและไฟป่า รายงานการศึกษาวิจัยทางวิชาการ และประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง องค์กรภาครัฐและภาคเอกชน ในการจัดทำแผนงาน/โครงการ โดยได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า ปี พ.ศ.2555 – 2559 โดยเปิดโอกาสให้ภาคส่วนต่าง ๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทำแผนปฏิบัติการด้วย

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่ได้กำหนดยุทธศาสตร์และแนวทางในการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าโดยยึดกรอบแผนจัดการหมอกควันจากการเผาในที่โล่ง ปี 2555 – 2559 ของกรมควบคุมมลพิษซึ่งประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ แนวทางการดำเนินงาน ดังนี้

ยุทธศาสตร์ที่ 1 ควบคุมการเผาในพื้นที่ชุมชน กำหนดแนวทางการดำเนินงานโดยเพิ่มความเข้มงวดการกำกับ ดูแล และบังคับใช้กฎหมายและกฎระเบียบชุมชน เช่น การจัดเก็บขยะในชุมชนเมือง หรือการส่งเสริมการจัดการขยะในครัวเรือนโดยไม่เผาในชนบท งดการเผาในพื้นที่ชุมชน งดการเผาขยะมูลฝอย หญ้า เศษวัสดุริมทางเด็ดขาด   พร้อมทั้งสนับสนุนให้ อปท. พัฒนาระบบจัดเก็บ รวบรวม และคัดแยกขยะมูลฝอย ควบคุมการใช้มาตรการ 3 Rs (ใช้น้อย ใช้ซ้ำ ใช้แปรรูป) มีการเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือชุมชนและการใช้กฎระเบียบชุมชนควบคุมการเผา สนับสนุนให้อปท. ดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันเป็นภารกิจบังคับ หรือขอรับการสนับสนุน งบประมาณภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการสิ่งแวดล้อมระดับจังหวัดหรือกองทุนสิ่งแวดล้อม

ยุทธศาสตร์ที่ 2 การควบคุมการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม โดยดำเนินมาตรการควบคุมการเผาในพื้นที่การเกษตร สนับสนุนการทำเกษตรปลอดการเผา พัฒนาศักยภาพเครือข่ายเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนปลอดการเผา ส่งเสริมสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักรกลการเกษตรปลอดการเผา การใช้ประโยชน์เศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรทดแทนการเผา สนับสนุนการทำเกษตรผสมผสาน เช่น กาแฟ ข้าว และเลี้ยงสัตว์ หรือส่งเสริมการปลูกไม้ยืนต้น สัก ไม้ผล ไม้โตเร็วและส่งเสริมตลาดทดแทนปลูกพืชเชิงเดี่ยว รวมถึงดำเนินมาตรการจัดระเบียบการเผาเฉพาะในพื้นที่การเกษตรที่จำเป็น

ยุทธศาสตร์ที่ 3 ควบคุมไฟป่า มีการควบคุมและป้องกันการเกิดไฟป่า โดยลดเชื้อเพลิงในพื้นที่ที่มีความเหมาะสม เช่น การชิงเผาในพื้นที่ป่าเต็งรังเฉพาะพื้นที่เสี่ยงใกล้ชุมชนในช่วงเวลาที่เหมาะสมก่อนหรือเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี และต้องเป็นการดำเนินการร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐและชุมชน ควบคู่กับการทำแนวกันไฟ การป้องกันไฟป่า การทำฝายชะลอน้ำ และปลูกป่าเปียกเพื่อลดพื้นที่เผาในระยะยาว ส่วนพื้นที่ป่าดิบหรือพื้นที่ป่าสมบูรณ์ เช่น อุทยานแห่งชาติอินทนนท์ อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เป็นต้น ไม่เหมาะสมในการจัดการเชื้อเพลิงโดยการชิงเผา ต้องดำเนินการโดยการงดการเผาในพื้นที่ ติดตาม ตรวจสอบ เฝ้าระวัง แจ้งเตือนสถานการณ์ ตั้งจุดสกัด ชุดลาดตระเวน และเตรียมความพร้อมการดับไฟป่า มีการสนับสนุนให้ชุมชน อปท. มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์/รักษาพื้นที่ป่าและเพิ่มศักยภาพการจัดการไฟป่าในพื้นที่รับผิดชอบ รวมถึงการจัดชุดปฏิบัติการควบคุมไฟป่าเพื่อเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติงานในช่วงวิกฤติหมอกควันด้วย

ยุทธศาสตร์ที่ 4 รณรงค์ประชาสัมพันธ์และเสริมสร้างการมีส่วนร่วม โดยประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนสถานการณ์ เผยแพร่ความรู้และข้อมูลข่าวสาร เพื่อเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน สร้างความตระหนักและปลุกจิตสำนึกความรับผิดชอบด้านการจัดการปัญหาหมอกควันและไฟป่า ผ่านสื่อต่าง ๆ  ส่งเสริมขีดความสามารถ ความเข้มแข็งของชุมชนและเครือข่ายชุมชนในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลดการเผาในชุมชน/พื้นที่เกษตรกรรม และลดการเกิดไฟป่า โดยสร้างแรงจูงใจและส่งเสริมการสร้างรายได้จากการอนุรักษ์ เช่น การประกวดหมู่บ้านปลอดการเผา การจัดตั้งกองทุนหรืองบประมาณสนับสนุนเครือข่ายป่าชุมชน กลุ่มเกษตรกรปลอดการเผา เป็นต้น รวมทั้งมีการพัฒนากลไกความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย และการติดตามตรวจสอบ โดยจัดตั้งคณะกรรมการ คณะทำงาน และชุดปฏิบัติการในระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอและจังหวัด ที่มีองค์ประกอบจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน
ยุทธศาสตร์ที่ 5 ส่งเสริมการศึกษาวิจัย และขยายผลองค์ความรู้ โดยพัฒนาองค์ความรู้และการศึกษาวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการประเมินผลกระทบหมอกควัน กำหนดประเด็นการศึกษาทางเลือกแก้ไขปัญหา และรูปแบบองค์ความรู้ทางเลือกที่เหมาะสมในการลดการเผาให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ รวมทั้งการศึกษาวิจัยเพื่อควบคุมไม่ให้เกิดการเผาในพื้นที่โล่ง

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหาหมอกควัน ไฟป่าที่เกิดขึ้น สร้างความสูญเสียและเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและทางราชการ ก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวและสังคมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะปัญหาทางด้านสุขภาพของประชาชน จึงต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจจากทุกภาคส่วนในการร่วมกันป้องกันและแก้ไข โดยต้องไม่ส่งเสริมให้มีการเผาทุกชนิดซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดหมอกควันในพื้นที่ทุกแห่ง หากพบเห็นไฟป่าเกิดขึ้นในพื้นที่แห่งใดขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทราบเพื่อเข้าดำเนินการควบคุมไฟป่า ทั้งนี้เพื่อรักษาไว้ซึ่งคุณภาพอากาศที่ดีและเป็นที่ชื่นชมของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนเชียงใหม่ โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวนี้ต่อไป

****************ข่าวโดย ส.ปชส.เชียงใหม่*****************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น