เมื่อบ่ายวันที่ 19 กรกฎาคม 2554 วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งจากตึกสงฆ์อาพาธ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ว่า พระครูจิรายุวัฒนคุณ (พิเชฏฐ์ จิรายุโก นันตาน้อย) พระครูผู้ช่วยเจ้าอาวาส พระอารามหลวง ที่เข้ารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลได้ถึงแก่มรณภาพแล้ว คณะสงฆ์จึงรายงานให้พระราชเจติยาจารย์ เจ้าอาวาสและคณะศรัทธาทราบ พร้อมจัดเตรียมสถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ และกำหนดการพิธีรดน้ำศพเมื่อวันพุธที่ 20 กรกฎาคม เวลา 15.00 น. ภายในพระวิหารหลวง
พระครูโสภณกวีวัฒน์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส เปิดเผยว่า พระครูจิรายุวัฒนคุณ ถือเป็นพระมหาเถระผู้มีอาวุโสสูงสุดในวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร นามเดิม ดวงคำ นันตาน้อย ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นพิเชฏฐ์ เป็นบุตรนายปั๋น นางต๋า นันตาน้อย เกิดที่บ้านป่าสักขวาง ต.สันกำแพง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2467 วันที่ 10 ธันวาคม 2484 ได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร มีพระครูมหาเจติยาภิบาล (แหววธมฺมทินฺโน) เป็นพระอุปัชฌาย์ ขณะที่กำลังเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ต่อมา พ.ศ. 2488 อุปสมบทเป็นพระภิกษุโดยพระอุปัชฌาย์รูปเดียวกัน ได้ฉายา “จิรายุโก” เล่าเรียนจบนักธรรมชั้นโท แล้วอยู่ประจำช่วยงานวัดตลอดมา พ.ศ. 2534 ได้เป็นพระครูใบฎีกาพิเชฏฐ์ และ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง
วันที่ 5 ธันวาคม 2536 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ในราชทินนามที่ “พระครูจิรายุวัฒนคุณ” เข้ารับพัดในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง พ.ศ.2542 เลื่อนเป็นพระครูชั้นเอก พ.ศ.2547 เป็นพระครูชั้นพิเศษราชทินนามเดิม พระครูจิรายุวัฒนคุณ เคยเดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่ประเทศสหรัฐอเมริกาถึง 2 ครั้ง พ.ศ. 2531-32 อยู่จำพรรษาที่วัดญาณรังสี รัฐเวอร์จีเนีย สหรัฐอเมริกา
ระยะเวลา 6-7 ปีมานี้พระครูจิรายุวัฒนคุณ สุขภาพเริ่มทรุดโทรมลงเนื่องจากมีหลายโรค ทั้งโรคหัวใจ โรคปอด ความดันโลหิต และโรคไต ต้องเข้าออกโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่เป็นประจำ โดยเฉพาะ 2 ปีหลังมานี้ ต้องเข้าโรงพยาบาลเกือบทุกสัปดาห์ ครั้งหลังสุดเข้ารับการรักษา ณ ตึกสงฆ์อาพาธ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เมื่อ 5 กรกฎาคม 2554 อาการมีแต่ทรงกับทรุด สุดท้ายมรณภาพเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2554 เวลา 14.40 น. ณ เนื่องจากปอด ไต และอาการหายใจล้มเหลว ประกอบกับชราภาพมากแล้ว สิริอายุได้ 86 ปี 4 เดือน 9 วัน 65 พรรษา คณะสงฆ์และศรัทธาวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร อาราธนาศพตั้งไว้ในพระวิหารหลวง ทำพิธีสรงน้ำศพแล้วตั้งศพบำเพ็ญกุศล ก่อนจะเก็บสรีระไว้รอการพระราชทานเพลิงศพในโอกาสอันควรต่อไป
*ข่าวโดย บุญญฤทธิ์ ตุลาพันธ์พงศ์*
*ข่าวโดย บุญญฤทธิ์ ตุลาพันธ์พงศ์*
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น