หน้าเว็บ

วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2554

ข่าว ; ศูนย์วิจัยข้าวเชียงใหม่เตือนเกษตรกรไม่ควรเพิ่มปุ๋ยยูเรียให้นาปรังเมื่อเห็นข้าวเหลือง ช่วงอากาศเย็นผิดปกติ


ศูนย์ข่าวจิ๊บจิ๊บ ; ศูนย์วิจัยข้าวเชียงใหม่ออกโรงเตือนเกษตรกรอย่าอัดปุ๋ยยูเรียให้กับข้าวนาปรังเมื่อเห็นว่าใบและต้นข้าวเหลืองซึ่งเป็นปัญหามาจากสภาวะอากาศที่หนาวเย็นผิดปกติในช่วงนี้ มิฉะนั้นจะทำให้ข้าวอ่อนแอ อายุการเก็บเกี่ยวเพิ่มขึ้น และยังจะส่งผลให้เพลี้ยระบาดได้

นายสถาพร กาญจนพันธุ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยข้าวเชียงใหม่ (สันป่าตอง) กล่าวว่า จากการที่ได้เกิดสภาพอากาศหนาวผิดฤดูขึ้นในระยะนี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ปกติซึ่งจะส่งผลกระทบต่อข้าวนาปรังคือ ในช่วงที่มีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำกว่า 18 องศาเซลเซียสติดต่อกันหลายวันหรือเป็นสัปดาห์ จะทำให้ข้าวจำศีล และหากอุณหภูมิลกต่ำลงถึงระดับ 11-12 องศาเซลเซียส จะทำให้ข้าวเหลืองเต็มพื้นที่ทำให้เกษตรกรหลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นอาการของข้าวขาดปุ๋ย จึงได้เติมปุ๋ยยูเรียเข้าไปอย่างเต็มที่ซึ่งไม่เป็นผลดี แต่กลับจะส่งผลให้ข้าวอ่อนแอ อายุในการเก็บเกี่ยวเพิ่มออกไปอีก และอาจทำให้เพลี้ยกระโดดหลังขาวระบาดได้

ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยข้าวเชียงใหม่ กล่าวต่อไปว่า ปกติการทำฤดูนาปรังในภูมิภาคนี้ร้อยละ 80% ชาวนาจะปลูกข้าวเหนียวสันป่าตอง 1 ซึ่งเป็นข้าวไวแสงต่ำ ระยะเวลาเก็บเกี่ยว 120 วัน หากเผชิญสภาพอากาศหนาวเช่นนี้การผสมเกสรก็จะมีปัญหา และอาจทำให้ข้าวเป็นหมันคือออกรวงแต่เมล็ดข้าวส่วนใหญ่เป็นข้าวลีบ โดยปัญหาความเสียหายนี้จะขึ้นอยู่กับระยะเวลาของอากาศที่หนาวเย็น อย่างไรก็ตาม ระยะนี้อยู่ในช่วงข้าวกำลังแตกกอจึงจะยังไม่เห็นผลกระทบ ทั้งนี้ หลังจากได้ออกไปตรวจนาข้าวของเกษตรกรที่อำเภอเชียงดาว พร้อมทั้งได้ประชุมชี้แจงเกษตรกรไปแล้วว่า ควรรอให้สภาพอากาศกลับเข้าสู้ปกติตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ไว้ แล้วสภาพของข้าวก็จะกลับเข้าสู่ปกติเช่นกัน หากเกษตรกรมีปัญหาหรือข้อสงสัยประการใด สามารถสอบถามได้ที่ ศูนย์วิจัยข้าวเชียงใหม่ โทรศัพท์ 0-5331-1334

ทางด้านสภาพอากาศนั้น ว่าที่ร้อยตรี ปรีชา จินต์ธนาวัฒน์ เวรพยากรณ์อากาศศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ ชี้แจงว่า เช้าวันที่ 30 มีนาคม 2554 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงยังปกคลุมประเทศไทยตอนบน ซึ่งทำให้บริเวณภาคเหนือยังคงมีอากาศหนาวเย็นทั่วไปและมีลมแรง มีฝนเล็กน้อย ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 15-18 องศาฯ อุณหภูมิสูงสุด 22-28 องศาฯ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. คาดว่าอุณหภูมิจะคงตัวอยู่เช่นนี้อีก 1-2 วัน จนถึงวันที่ 1 เมษายน 2554 จากนั้นจะกลับคืนสู่ฤดูร้อนตามปกติ

สำหรับผลการตรวจวัดอุณหภูมิและปริมาณน้ำฝนในรอบ 24 ชั่วโมง จนถึงเช้าวันที่ 30 มีนาคม 2554 ปรากฏดังนี้ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน 15.6 องศาฯ น้ำฝน 36.2 ม.ม. อ.เมืองเชียงราย 13.2 องศาฯ ฝน 35.7 ม.ม. อ.เมืองพะเยา 13.5 องศาฯ ฝน 30.1 ม.ม. อ.เมืองเชียงใหม่ 14.9 องศาฯ ฝน 24.1 ม.ม. อ.เมืองน่าน 13.2 องศาฯ ฝน 33.8 ม.ม. อ.เมืองน่าน 12.6 องศาฯ ฝน 29.2 ม.ม. อ.เมืองลำปาง 14.5 องศาฯ ฝน 22.0 ม.ม. อ.เมืองแพร่ 14.4 องศาฯ ฝน 32.9 ม.ม. อ.เมืองอุตรดิตถ์ 15.5 องศาฯ ฝน 37.8 ม.ม. อ.เมืองพิจิตร 15.5 องศาฯ ฝน 31.6 ม.ม. เขื่อนภูมิพล จ.ตาก 15.0 องศาฯ ฝน 33.9 ม.ม. ส่วนพื้นที่อำเภอรอบนอกของจังหวัดเชียงใหม่ ที่ อ.เชียงดาว อุณหภูมิ 14.5 องศาฯ ฝน 32.5 ม.ม. อ.อมก๋อย ซึ่งอุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศาฯ อย่างต่อเนื่อง โดยวันนี้วัดได้ 8.7 องศาฯ และมีฝนหนัก 65.0 ม.ม. ส่วนยอดดอยอินทนนท์ อุณหภูมิ 3.4 องศาฯ ฝน 58.9 ม.ม. และดอยอ่างขาง 8.0 องศาฯ ฝน 66.2 ม.ม. สรุปค่าเฉลี่ยทั้งอุณหภูมิและฝนในระยะเดียวกันของปีนี้ผิดปกติจากปีก่อน ๆ คือทั้งอากาศหนาวกว่าและมีปริมาณน้ำฝนมากกว่า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น